เปิดหลักฐานกรมที่ดินย้ำชัด พระปลอม"ไชยบูลย์" เอาเงินบริจาคหลายสิบล้าน ไปซื้อที่ดินพิจิตร-เพชรบูรณ์-นนทบุรี-ปทุมธานี เกือบพันไร่ ใส่ชื่อตัวเองโต้ง ๆ ข้อมูลทั้งหมด ถึงมือพระสังฆราช ถึงทรงชี้ขาดให้จัดการ กรรมาธิการศาสนา ส่งเจ้าทุกข์-หลักฐานให้สภาทนายฯความ ยื่นฟ้องอาญาฐานฉ้อโกงแล้ว ระบุงานนี้เจอดีแน่ไม่ใช่พระเอกลิเก ที่แม่ยกจะโอนที่ดินให้ฟรี ๆ "อาคม-กรมศาสนา" ซื่อบริสุทธิ์เชื่อข้อมูลวัดฉาวญาติโยม โอนที่ดิน ให้จนไม่กล้าถอดผ้าเหลือง "ชวน" สวดสั่งไปนานแล้ว แต่ไม่ยอมทำตาม ทั้งเรื่องที่ดิน-คำสอน สั่งอธิบดีฟังมติครม. ใส่หูไปไปปฏิบัติ ชี้ชัดให้สนองบัญชา ตามลายพระหัตถ์10 พ.ค.ทุกอย่างต้องจบ สันติบาลพร้อมลุย แก๊งนรก อ้างลายพระหัตถ์ของปลอมขัดกฎหมาย สงสัยแอบทำแล้วให้ลงพระนามตอนประชวรไม่รู้สึกตัว มหาบัว เตือนศิษย์ระวังถูกหลอก

ตรึงกำลังทั่ววัดบวรฯ

ปัญหาธรรมกาย ต้องยืดเยื้อไปถึงวันที่ 10 พ.ค. หลังจากคณะรัฐมนตรี ประชุมด่วนเพื่อพิจารณาปัญหา และพิจารณา กรณีที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก มีลายพระหัตถ์ 4 ฉบับระบุชัด นายไชยบูลย์ สุทธิผล เป็นพระปลอมในศาสนา ด้วยเหตุที่ต้องอาบัติปาราชิก เอาเงินที่ได้จากบริจาคไปซื้อที่ดินใส่ชื่อตัวเอง ถือเป็นการลักทรัพย์ ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ หรือจะมีการสั่งสึกหรือไม่ โดยผลการประชุมสรุปว่าจะสนองบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่ต้องดำเนินการ ตามขั้นตอนให้มหาเถรสมาคมตัดสินก่อน

ปริศนาข่าวดีก่อน10พ.ค.

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการกล่าวก่อนการประชุมครม.ถึงปัญหาวัดพระธรรมกายว่า ไม่ได้มีเรื่องอื่นเข้ามาหน่วงเหนี่ยว ให้ต้องทำงานล่าช้า กรมการศาสนา ทำด้วยความเร่งด่วน แต่ต้องแยกแยะให้ชัดเจนด้วยว่า เรื่องไหนเป็นทำได้ตามหน้าที่ ก่อนหน้านี้ได้มีเสนอประเด็นการสอนผิดเพี้ยน ก็สั่งการ ให้กรมการศาสนา ไปดำเนินการ จนได้ข้อสรุปออกมาว่า วัดสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกจริง และให้มีการหยุด การเผยแพร่คำสอน พร้อมทั้งให้เปลี่ยนแปลงคำสอนให้ตรงกับพระไตรปิฏกด้วย

ต่อมาก็มีประเด็น เรื่องของการถือครองที่ดินเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ซึ่งก็ได้เร่งดำเนินการโดยประสานไปยังพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งได้รับมอบหมาย ตามมติมหาเถรสมคม ให้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ และประ สานไปยัง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ แต่ระหว่างที่มีการประสานงานกันอยู่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีลายพระหัตถ์ออกมาว่า การถือครองที่ดินวัดนั้นต้องโทษปาราชิก จึงต้องเสนอมหาเถรฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ก็เตือนให้ระวัง การทำงานทุกอย่าง ต้องถูกต้องตามกฏหมาย

"ตอนนี้ รับประกันว่าเรื่องโอนที่ดิน จะได้ข้อยุติโดยเร็ว จะพยายามเจรจากับทางวัดผ่านพระพรหมโมลี เชื่อว่าภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้จะโอนกันเรียบร้อย ส่วนเรื่องของการต้องปาราชิิก อยู่นอกเหนืออำนาจ เพราะปาราชิกนั้นเป็นโทษทางวินัยมีอยู่ 4 ประการคือ เสพเมถุน ลักทรัพย์ ฆ่ามนุษย์และอวดอุตริมนุสสธรรม จึงต้องให้ทางมหาเถรฯชี้ชัด เรื่องต่างๆจะชัดเจน และกระจ่างชัดยิ่งขึ้น ที่สำคัญสิ่งที่สื่อมวลชนเสนอและเป็นห่วงจะต้องมีความคืบหน้าก่อนวันที่ 10 พ.ค. นี้อย่างแน่นอน ขอให้สบายใจ ได้รับรองต้องเป็นข่าวดี"

นำปัญหาธรรมกายเข้าครม.

เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าว รายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายอาคม นำเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงขั้นตอน และการปฏิบัติงาน ของกรมการศาสนาตามลำดับ ตั้งเมื่อเดือนพ.ย.2541 เป็นต้นมา รวมทั้งการดำเนินการ ของพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมาย ตามมติของมหาเถรสมาคม ให้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวน กระทั่งมหาเถรฯมีมติ ให้วัดพระธรรมกายดำเนินการแก้ไขใน 4 ประเด็น จนถึงสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีลายพระหัตถ์ชี้ชัดความผิดนายไชยบูลย์ ว่าเป็นพระปลอม ต้องปาราชิก ฐานยักยอกทรัพย์สิน ซึ่งหมายถึงโฉนดที่ดินของวัดที่ใส่ชื่อตนเองไว้

นอกจากนี้ยังได้มีการรายงานว่า กรมการศาสนาไม่ได้ดำเนินการล่าช้า โดยเฉพาะในเรื่องของลายพระหัตถ์ ซึ่งทุกครั้งได้นำไปถวายพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ซึ่งดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ มีเพียงเฉพาะ 3 ฉบับหลังเท่านั้น ที่ไม่ได้แจกจ่าย ให้แก่กรรมการมหาเถรฯ เนื่องจากได้รับลายพระหัตถ์ในช่วงที่มีการเลื่อนการประชุมมหาเถรฯ แต่จะมีการ นำเรื่องน ี้เข้าพิจารณาในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ส่วนในเรื่องที่ดิน ได่ประสานกับพระพรหมโมล ีเพื่อให้มีการโอนโฉนด จากนายไชยบูลย์มาเป็นของวัดโดยเร็ว และให้มีผลก่อนวันที่ 10 พ.ค.นี้ สุดท้ายเรื่องปาราชิก ตามลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราช จำเป็นต้องส่งเรื่องให้มหาเถรฯพิจารณาก่อน

โทษหนักทำผิดอาญา 2 มาตรา

กรมการศาสน ยัางได้จัดทำ ร่างคำแนะนำกรมการศาสนาว่าด้วยการถือกรรมสิทธิที่ดินของวัด โดยสาระสำคัญว่า มีข้อควรพิจารณา และทำความเข้าใจแก่เจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้แทนวัดได้ถือปฏิบัติ ในการรับโอนที่ดินมาเป็นของวัด เพื่อให้เกิดความถูกต้องดังนี้

1.เมื่อมีผู้บริจาคที่ดินให้แก่วัด กรณีเป็นโฉนด หรือน.ส.3 ให้เจ้าอาวาส ยื่นคำขอจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของวัด ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ณ ท้องที่ซึ่งที่ดินนั้น ตั้งอยู่โดยทันที แต่ถ้าเป็น ส.ค.1 ให้รับมอบ และให้วัดเข้าครอบครองทำประโยชน์ และขอเอกสารสิทธ ิในนามของวัดต่อไป

2.เจ้าอาวาส หรือ พระภายในวัด หรือบุคคลอื่นใด ไม่สมควรที่จะถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไว้แทนวัด เพื่อจดทะเบียน โอนให้แก่วัดในภายหลัง

3.เจ้าอาวาส เป็นพระสังฆาธิการ คือเป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา หากไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่วัด หรือยินยอมให้พระภิกษุ หรือบุคคลอื่นใด ถือกรรมสิทธิที่ดินให้แก่วัดโดยเจตนา อาจผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่วัด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ การนำเงินของวัด ไปซื้อที่ดิน เพื่อเป็นของพระภิกษุ หรือของบุคคลใดก็ตาม ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์สินของวัด ผู้กระทำ อาจมีความผิด ฐานยักยอกทรัพย์สินของวัด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือ ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ชวน"ย้ำต้องจบโดยเร็ว

ภายหลังประชุมครม.เสร็จสิ้น นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกรมการศาสนา มาชี้แจงเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนลายพระหัตถ์ทุกฉบับ อธิบดีกรมการศาสนาก็ได้นำมาอ่าน ในที่ประชุมครม.ด้วย ครม.ได้เร่งรัด ให้ผู้รับผิดชอบและกรมการศาสนาไปเร่งรัดกับมหาเถรฯเพื่อให้เรื่องต่างๆเหล่านี้เรียบร้อยโดยเร็ว เพราะเรื่องน ี้เป็นความห่วงใย ของหลายฝ่าย

"ที่จริงสมเด็จพระสังฆราช ได้มอบลายพระหัตถ์มาให้ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.แล้ว และผมเคยสั่งการให้ดำเนินการให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบิดเบือนพระธรรม หากมีการบิดเบือนโดยกล่าวหาว่า พระไตรปิฎกบกพร่อง หรือการทำให้พระสงฆ์ หลงเชื่อในสิ่งที่บิดเบือน เป็นการเข้าใจพระพุทธศาสนาที่ตรงข้ามหรือเป็นการทำลายศาสนา เป็นอนันตรยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบัน และอนาคต ย่อหน้าที่สองเป็นเรื่องของ การทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือมอบสมบัติทั้งหมด ที่มีอยู่ในขณะที่เป็นพระให้แก่วัด ซึ่งไม่ใช่เป็นการลงโทษ เรื่องเหล่านี้ ทรงมีลายพระหัตถ์มาตั้งแต่ต้น

" จี้มหาเถรฯตัดสิน"ธรรมกาย"

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประสานงานเรื่องนี้มาตลอด แต่มหาเถรฯก็ยังไม่มีการประชุม เท่าที่ทราบ จะมีการประชุมในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ซึ่งผู้รับผิดชอบ และกรมการศาสนารับปากว่าจะดำเนินการให้เกิดผลต่อไป ส่วนที่พระสงฆ์บางรูป เสนอให้รัฐบาลเป็นผู้เข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ ในที่ประชุมครม.ก็ได้มีการ นำเอากฎหมายมาอ่านกันว่า เรื่องใดที่ฝ่ายบริหารจะต้องมีหน้าที่ดำเนินการ เรื่องใดจะต้องมีมติเสียก่อน และเมื่อมีมติออกมาแล้ว กรมการศาสนา และรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการตามนั้น

ต่อข้อถามที่ว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เกิดความแตกแยกในมหาเถรฯ นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการพูดกันในครม. แต่โดยส่วนตัว เห็นว่ามหาเถรฯ เป็นหน่วยงานหลักของศาสนาพุทธมายาวนาน กรรมการแต่ละคน ก็เป็นพระผู้ใหญ่ที่มีผู้คนนับถือมาก การพิจารณาอาจจะไม่ทันใจคนภายนอก ไม่ได้สั่งการอะไรรวดเร็ว แต่เรื่องของศาสนา เป็นเรื่องที่อ่อนไหว จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พระผู้ใหญ่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต้องระมัดระวัง แต่หากมีประเด็นใด ที่เป็นปัญหา ขอให้บรรจุเข้าไปในวาระการประชุม เมื่อมีวาระแล้ว จะต้องพิจารณาให้จบ เพื่อให้ฝ่ายบริหาร ได้ดำเนินการต่อไป

นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯเปิดเผยว่า ได้รายงานกรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย ซึ่งครม.พิจารณา และสั่งการในบางเรื่อง เช่นการอารักขาสมเด็จพระสังฆราช การรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก แก่กรรมการมหาเถรฯ เป็นต้น เนื่องจากที่ผ่านมา เมื่อมีการประชุมมักมีประชาชนมาชุมนุมหน้าห้องประชุมอยู่เสมอ

ครม.สั่ง"ตูมตาม"สนองพระบัญชา

นายอาคมกล่าวว่า ครม.สั่งการให้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสนองพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และรับสนองงาน ตามมติมหาเถรฯ และให้กรมที่ดินอำนวยความสะดวก ให้แก่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในการโอนที่ดินมาเป็นชื่อวัด ซึ่งได้มีการสอบถามรายละเอียดแล้วว่า ไม่ต้องเสียเงินมากอย่างที่วัดอ้าง ทั้งนี้สามารถโอนตามกฎกระทรวงฉบับที่ 47 โดยจะเสียค่าจดทะเบียน โอนที่ดินที่ได้รับไว้แทนวัด คืนให้วัดเพียงแปลงละ 75 บาทแบ่งเป็นค่าคำขอแปลงละ 5 บาท ค่าพยาน 2 คน รวม 20 บาท และค่าธรรมเนียมแปลงละ 50 บาท แต่ต้องพิสูจน์ได้ว่า ผู้บริจาคตั้งใจบริจาคให้วัด และเจ้าอาวาสยอมรับว่า ไว้แทนวัดจริง และพร้อมจะโอนคืนให้วัดแล้ว

"ที่ประชุมครม.ได้พูดถึงเรื่องต้องปาราชิก แล้วแต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งก็คงต้องรอมติมหาเถรฯก่อน ส่วนที่เกรงกันว่า จะมีกรรมการมหาเถรฯ บางรูปไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อช่วยวัดพระธรรมกายนั้น ก็ยังไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้ อะไรจะเกิดขึ้นต้องรอการประชุมก่อน แต่กรมการศาสนาก้ได้จัดวาระเข้าที่ประชุม รวมทั้งนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ และได้สั่งการ ให้พระพรหมโมลี นำลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชทั้งหมด ไปอ่านในที่ประชุมมหาเถรฯ ก่อนจะมีการพิจารณาด้วย"

สั่ง"พิภพ"ฟังมติครม.ใส่หูไปปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ของการประชุมครม.ว่านายอาคมเริ่มรายงานปัญหาธรรมกายเป็นวาระแรก โดยนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ร่วมชี้แจงโดยเฉพาะลายพระหัตถ์ที่ออกมาถึง 4 ฉบับ และกรมการศาสนา เห็นว่าเป็นเพียงพระดำริ ไม่ใช่พระบัญชา ส่วนเรื่องปาราชิกต้องให้มหาเถรฯตัดสิน

นายพิภพ ยังรายงานถึงเรื่องที่ดินว่าวัดเป็นเจ้าของ 196 ไร่ แต่เป็นของมูลนิธิธรรมกาย 2,000 ไร่ และนายไชยบูลย์กว่าพันไร่ และถึงขณะนี้มีรัฐมนตรีหลายคนซักถาม และให้ความสนใจ เพราะประชาชนสนใจ อาทิ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รถมว่าที่ดินของวัดมีมากจริงหรอืไม่ และจะโอนที่ดินของธัมมชโยให้วัดจริงหรือไม่ สุดท้ายนายอาคมกล่าวว่า ปัญหาที่ดินคงไม่น่ามีปัญหา คงมีการโอน เพราะตัวแทนวัดประสานงานแล้ว ก่อนที่จะมีลายพระหัตถ์ออกมา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายชวนสั่งนายอาคมให้เร่งดำเนินการ นอกจากนั้น ยังมีหลายประเด็นที่ครม.ซักถาม แต่นายพิภพไม่ตอบ นายอาคมจึงต้องตอบแทน และก่อนจะยุติการพิจารณา ได้มีการสรุปมติครม.โดยนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการครม. และให้นายพิภพนั่งฟังด้วย จากปกติที่หลังจากการชี้แจงแล้ว ข้าราชการ ต้องออกจากห้องประชุมไป แต่การที่ให้นายพิภพ นั่งอยู่เพื่อให้รับฟังมติครม.ใส่หูไว้เอาไปปฏิบัติ โดยนายพิภพ นั่งฟังด้วยความเคร่งครึมจากเดิมที่มีท่าทางสบายใจ

พระวรกาย"สังฆราช"ดีขึ้นมาก

ที่คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระสังฆราช ยังทรงประทับอยู่ภายในตำหนัก โดยไม่ได้รับกิจนิมนต์ รวมทั้งยังงดให้ประชาชนเข้าเฝ้าเช่นเคย ส่วนกิจวัตรประจำวันนั้น ยังคงเสด็จมารับภัตตาหารเช้า ที่ห้องกระจกเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ช่วงเวลา 11.00 น. น.พ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมคณะเข้าเฝ้าฯ เพื่อตรวจพระวรกายใช้เวลาประมาณ 30 นาที น.พ.สงครามกล่าวภายหลังว่า พระอาการของสมเด็จพระสังฆราชดีขึ้นมาก ไม่มีอาการไข้ จากการถวายวัดปรอท ก็ยังไม่พบอาการไข้แต่อย่างใด ทรงเสวยภัตตาหารและทรงบรรทมได้ตามปกติ ส่วนการตรวจสอบอวัยวะสำคัญเช่น ปอด และหลอดลม ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ คิดว่าภายใน 2-3 วันพระองค์จะทรงงานได้ตามปกติ "ไชยบูลย์"ใส่แว่นดำเข้าเฝ้า"สังฆราช"

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ศิษย์ช่วยงานวัดญาณสังวราราม หรือที่รู้จักกันในนามศิษย์ห้องกระจก กล่าวถึงท่าทีของกรรมการมหาเถรฯ ฝ่ายธรรมยุติว่า ถ้าถือตามลายพำระหัตถ์แล้ว เรื่องนี้ถือว่ายุติ ไม่ควรนำลายพระหัตถ ์เข้าไปวิพากษ์วิจารณ ์ในที่ประชุมมหาเถรฯอีก และเชื่อว่า พระที่มีความคิดพิจารณาดีแล้ว จะไม่เข้าร่วมประชุมมหาเถรฯในวันที่ 10 พ.ค. ส่วนที่ผ่านมามหาเถรฯ ฝ่ายธรรมยุต ิไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น คงเป็นเพราะไม่แน่ใจ

"ในสมัยที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นสมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารนั้น นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการ สำนักพระราชวังได้เคยพาธัมมชโย ซึ่งในขณะนั้น เพิ่งบวชมาเข้าเฝ้าฯ โดยนายแก้วขวัญบอกว่า อยากให้ใกล้ชิดพระที่ดีจะได้เป็นคนดี ที่ผ่านมาจำได้ว่า มีพระหนุ่มรูปหนึ่งใส่แว่นตาดำ มากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อเข้าเฝ้าฯ ยังสงสัยว่า ทำไมเข้าเฝ้าฯจึงใส่แว่นตาดำ ถือเป็นเรื่องผิดมารยาท แต่ก็ได้ยินมาว่า เป็นผู้มีนัยตาสวยมาก บางคนก็ว่าตาเจ็บ"

พระเถระยันทำตามลายพระหัตถ์

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสังเกตการณ์ตามวัดต่างๆที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เป็นกรรมการมหาเถรฯ จำวัดอยู่ทั้งฝ่ายธรรมยุต ิและมหานิกายนั้นพบว่า วัดพระธรรมกายได้นำหนังสือ ซึ่งมีข้อความเชียร์ลัทธิธรรมกาย อย่างเต็มท ี่ของทางวัดเผยแพร่ โดยนำมามอบให้แก่กรรมการมหาเถรฯ ซึ่งจากการสอบถามลูกศิษย์ได้ทราบว่า ไม่เคยมีหนังสือเหล่านี้มาก่อน เข้าใจว่าเจ้าหนาที่ของวัดพระธรรมกายคงนำวางแจกจ่ายเพื่อเผยแพร่กิจกรรมของวัด เอกสารเหล่านี้ จะชี้นำไปในทางบวกแก่วัดทั้งสิ้น

พระสุธรรมาธิบดี กรรมการมหาเถรฯเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส เขตดุสิต กรุงเทพฯ กล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกายว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องเร่งแก้ไข สมเด็จพระสังฆราช มีลายพระหัตถ์ว่าผิดก็ต้องผิด เมื่อผิดเจ้าหน้าท ี่บ้านเมืองก็ต้องเร่งจัดการ หากเลขานุการมหาเถรสมาคมนำเรื่องน ี้เข้าที่ประชุมมหาเถรฯ คณะกรรมการก็ต้องพูดกัน หารือกันเพื่อแก้ปัญหา เพราะแม้จะมีพระลิขิตออกมาแล้ว แต่ถ้าผู้ปฏิบัติไม่นำมาปฏิบัติเรื่องก็ไม่จบ

"เมื่อสมเด็จพระสังฆราชบอกว่า ปาราชิกก็ต้องว่าตามนี้ ความจริงแล้ว ท่านใช้อำนาจของประมุขแห่งสงฆ์ ตัดสินปัญหาออกมาเป็นพระบัญชาก็ด้ ในที่ประชุมมหาเถรฯ ที่ผ่านมาฝ่ายมหานิกายมีเสียงข้างมาก ในขณะที่ฝ่ายธรรมยุติ เข้าประชุมจริงเพียง 5 รูปเท่านั้น รวมถึงสมเด็จพระสังฆราช และมหานิกายต้องการแก้ไขปัญหาเอง ฝ่ายธรรมยุติ ก็ไม่ได้ปล่อยทิ้งปัญหาไว้ แต่เมื่อมหานิกาย ต้องการอย่างนั้นก็ต้องว่ากันไป"

"มหาบัว"เตือนระวังถูกหลอก

ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวกรณีพุทธศาสนา กำลังมีปัญหาและขอให้ช่วยชี้ทางออก โดยปฏิเสธ ที่จะกล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องทางโลก เป็นเรื่องของคนอื่นไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะจะทำให้เกิดสังฆเภท ทำให้สงฆ์แตกแยก ผิดพระธรรมวินัย ใครจะทำอะไรก็ช่างเขา ศาสนาพุทธมีภัย มีปัญหามานาน ตั้งกัปกัลป์แล้ว ไม่น่าสงสัย เราก็ต่อสู้เรื่อยมา ความโลภ ความโกรธ ความหลง คือภัยของศาสนา ในหัวใจของคนทุกคน แนวทางแก้ไขนั้นมีอยู่ ยกเว้นจะขี้เกียจ ไม่ยอมแก้ปัญหา

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังหลวงตาบัวเทศน ์เสร็จว่าตนเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวมานาน ปัญหาธรรมกายหลวงตาบัว ติดตามเรื่องตลอด ทราบปัญหามาช้านานแล้ว แต่ท่านไม่อยากจะพูด เพราะเป็นการไม่เหมาะสม ตลอดเวลาที่ท่านเทศน ์สั่งสอนให้ฟังเสมอ การจะเชื่อสิ่งใด ขอให้พิจารณาให้ลึกซึ้งก่อน ไม่เช่นนั้นจะโดนหลอก พระแท้ พระปลอมท่านก็รู้ซึ้งจะพูดหรือไม่เท่านั้น แต่จะเตือนลูกศิษย์ และท่านไม่พูด เพราะจะเกิดสังฆเภท

แหล่งข่าวในกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าราชการ ในกระทรวงศึกษาฯกำลังอึดอัดใจ อย่างมากที่กรมการศาสนาไม่เร่งแก้ปัญหา วัดพระธรรมกาย เพิกเฉยต่อปัญหาทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ ของพุทธศาสนา การดำเนินการเหมือนกับ วนในเขาวงกต ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่น่าจะมีการประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหา เช่นกรณีการถือครองที่ดิน ของนายไชยบูลย์อธิบดีกรมการศาสนาต้องเข้าไปติดต่อด้วยตนเองแต่ก็ปล่อยให้ปัญหาผ่านไป

หลักฐาน"ไชยบูลย์"พระปลอม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่วัดพระธรรมกาย อ้างว่าที่ดินที่นายไชยบูลย ์ถือครองนั้นเป็นญาติโยมบริจาคให้ และการโอนที่กลับมาเป็นของวัด จะทำให้ญาติโยมไม่พอใจนั้น ปรากฎว่าเป็นการกล่าวเท็จ โดยกรมการศาสนา และนายอาคมก็เอาข้อมูลดังกล่าว ที่ได้รับจากวัดพระธรรมกายมาตัดสินไม่ยอมจัดการนายไชยบูลย์

จากการตรวจสอบจากกรมที่ดิน พบว่าที่ดินที่นายไชยบูลย์ถือครองนั้นบางส่วนญาติโยมบริจาคให้จริง แต่บางส่วนนายไชยบูลย ์ได้มอบหมายลูกศิษย์ใกล้ชิดเป็นผู้นำเงินสด ๆ ที่ได้จากการบริจาค ไปกว้านซื้อจากชาวบ้านมาถือครอง และถือว่า เป็นการยืนยันลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราช ที่ชี้ชัดนายไชยบูลย์เป็นพระปลอม ขาดจากการเป็นพระแล้ว เพราะนำเงินที่ได้จากวัด ไปซื้อที่ดินเป็นสมบัติส่วนตัว ในทางพระธรรมวินัย ต้องปาราชิกต้องสึกสถานเดียวเนื่องจากเป็นกรรมที่ทำสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะมีใครรู้หรือไม่รู้ หรือสั่งให้สึก หรือไม่ก็ตาม

ที่ดินที่นายไชยบูลย์เอาเงินบริจาค ไปซื้ออย่างชัดเจนคือที่ดินที่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์จำนวน 34 แปลง เนื้อที่ 789 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา และที่อ.วังทรายพูน จ.พิจิตรจำนวน 6 แปลง พื้นที่ 155 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา โดยหลักฐานทั้งหมด กรมที่ดินลงนามรับรอง เอกสารความถูกต้องโดยว่าที่ร.ต.สอาด ชมบุญ รองอธิบดีกรมที่ดิน ปฏิบัติราชการแทนกรมที่ดิน ได้ทำหนังสือด่วนมากที่ มท. 0710/03547 ลงวันที่ 17 ก.พ. 2542 นอกจากนั้น ในหน้าโฉนดทุกแผ่น ก็มีการลงนามรับรองจากเจ้าหน้าที่ที่ดิน

สำหรับที่ดินที่จังหวัดเพชรบูรณ ์มีการซื้อที่ดินตั้งแต่ต.ท่าข้าม ไปถึงต.ดงขุย ในอ.ชนแดน เป็นผืนยาวเหยียด โดยนายไชยบูลย์ ไม่ได้เป็นผู้ไปซ์อเอง แต่ให้นายถาวร พรหมถาวร ไปผู้มีอำนาจ ทำการแทนผู้ซื้อ โดยสัญญาซื้อ-ขายระบุชื่อนายไชยบูลย์เป็นผู้ซื้ออย่างชัดเจน ไม่ใช่การบริจาค ที่ดินทั้งหมด เป็นน.ส.3ก.เริ่มซื้อแปลงแรก เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2535 จนถึงวันที่ 28 เม.ย.2536 โดยใช้เงินรวม 6,693,475 บาท

ชาวบ้านจ.เพชรบูรณ์ก็ยังออกมายืนยันว่า นายไชยบูลย์เข้าไปซื้อ อาทิ นายสมชาย ทองมา ชาวบ้านเขาบ่อทอง อ.ชนแดน กล่าวว่าการซื้อที่ดิน ได้มีการรับชาวบ้านมาเจรจาถึงวัดที่จ.ปทุมธานี และต่อรองขอให้ลดราคาลงมาหน่อยเพราะไม่มีเงิน นายสมชาย ขายที่ดินให้ 250 ไร่ โดยต้องลงนามในสัญญาเป็นผู้ขาย ส่วนผู้ซื้อทิ้งไว้ให้นายไชยบูลย์ลงนามเอง อีก 2 เดือน จึงนัดกันโอนที่ดิน

ส่วนที่ดินที่จ.พิจิตร นายไชยบูลย์ซื้อมาจากบุคคลเดียวคือนายชาญวิทย์ เปรมกมล อดีตเป็นนักธรณีวิทยา ที่มีประสบการณ์ในการสำรวจแร่ทองคำ และเคยทำงานให้กับบริษัทอัคราไมนิ่ง ซึ่งได้รับสัมปทาน สำรวจทองคำมาก่อนมาก่อน โดยนายชาญวิทย์เคยให้สัมภาษณ์ว่าได้นำที่ดินมาขายต่อให้นายไชยบูลย์ทั้ง 156 ไร่ ในราคากว่า 10 ล้านบาท การซื้อ-ขายที่ดินที่พิจิตร นายไชยบูลย์ก็มอบให้นายถาวร ทำการแทนผู้ซื้อ และมีการใส่ชื่อ นายไชยบูลย์เป็นผู้ซื้อเช่นกัน ไม่ใช่การบริจาค

พระสังฆราชได้รับข้อมูลชี้ขาด

ไม่เพียงที่ดินที่จ.พิจิตรและจ.เพชรบูรณ์เท่านั้น จากหลักฐานของกรมที่ดินยังระบุด้วยว่ายังมีที่ดินที่อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่นายไชยบูลย์เข้าไปซื้ออีก จำนวน 2 ไร่ 2 งาน 72 ตารางวาโดยซื้อมาจากนางเรณู ปลื้มจิตร เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2536 ราคา 5 แสนบาท นายไชยบูลย์ มอบหมายให้นายอำนวยศักดิ์ โตศิริพัฒนา เป็นผู้ทำการแทน และใส่ชื่อนายไชยบูลย์เป็นผู้ซื้อ ซึ่งไม่ใช่การบริจาคเช่นกัน สำหรับนายอำนวยศักดิ์ เคยเป็นอุบาสกคนสำคัญของวัด และปัจจุบันบวชเป็นพระใน หรือพระใกล้ชิด กับนายไชยบูลย์ นอกจากนั้นยังซื้อที่ดินที่อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 1 ไร่จากนางนงค์เยาว์ ปิ่นเจริญ มูลค่า 4.8 แสนบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2535 โดยนายอำนวยศักดิ์ได้รับมอบอำนาจดำเนินการแทน สำหรับข้อมูลที่ดินทั้งหมดนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงได้รับแล้ว และเป็นเหตุผล สนับสนุนสำคัญที่ทำให้มีลายพระหัตถ ์ออกมาระบุว่า นายไชยบูลย์เป็นพระปลอม และปาราชิกแล้ว ตั้งแต่การนำเงินบริจาคไปซื้อที่ดิน

สภาทนายรวบหลักฐานฟ้อง

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมได้เดินทางมาพบ เพื่อมอบข้อมูลการรับบริจาคที่ดิน ของประชาชนที่มอบให้ นายไชยบูลย์ รวมทั้งคำร้องทุกข์ ของผู้เสียหายที่เป็นชาวบ้าน ทั้งในกทม.เขตปริมณฑลหลายสิบราย หลังจากรับมอบแล้วก็ส่งไปให ้คณะกรรมการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย สภาทนายความ เพื่อดำเนินการติดต่อผู้เสียหาย มาสอบข้อเท็จจริง และพิจารณายื่นฟ้อง ทั้งทางแพ่งฐานละเมิด และทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ และฉ้อโกงประชาชนต่อไป

การที่ลูกศิษย์ นายไชยบูลย์อ้างว่า การที่ถือครองที่ดินถือว่าไม่มีความผิดนั้น โดยนายวันชัยกล่าวว่า การที่ประชาชน นำที่ดินมามอบให้นั้น ประสงค์ที่จะให้แก่ทางวัดเพราะเห็นแก่ศาสนา พระภิกษุสงฆ์ ไม่ใช่พระเอกลิเก "ไชยา มิตรชัย" ที่เมื่อใด แม่ยกชอบใจก้จะให้เงินให้ทอง หรือสิ่งของมีค่า มันคนละเรื่องกัน อีกทั้งกฎหมายระบุชัดเจนว่า ที่ดินของวัด จะนำไปจำหน่าย จ่ายโอนไม่ได้ เว้นแต่จะออกเป็นพระราชบัญญัติ

นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการโอนที่ดินเป็นของวัด ซึ่งนายไชยบูลย์ ถือครองอย ู่ขณะครองสมณเพศ เป็นพระธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า กรณีนี้ถือได้ว่า เป็นการยักยอกทรัพย์ เพราะเป็นการรับจากการบริจาค ที่ดินหรือเงินให้แก่วัดซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่กลับนำไปถือครองเอง หรือใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ ส่วนนี้ผู้บริจาคสามารถใช้สิทธิขอเงินหรือที่ดินคืนได้ กรมการศาสนาเอง ก็ต้องรีบบอกกล่าวให้นายไชยบูลย์ รีบโอนที่ดินมาเป็นของวัดโดยเร็ว

เพิ่มกำลังคุ้มกันประมุขสงฆ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงหนังสือคำสั่ง 3 พ.ค. 22.15 น. ให้สน.ชนะสงคราม เพิ่มความเข้มงวดในการอารักขาสมเด็จพระสังฆราช โดยจัดสมุดตรวจนายตำรวจ ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับผู้กำกับถึงรองสารวัตร อยู่ตรงบ้านพักหน้าพระตำหนัก และให้ลงนาม โดยเฉพาะสารวัตรปราบปราม และสารวัตรสายสืบ รองผูกำกับฝ่ายปราบปราม และรองผู้กำกับสืบสวนสอบสวน รวมทั้งผู้กำกับ ซึ่งทั้งหมดต้องลงนามอย่างน้อย 1 ครั้ง ส่วนข้อบังคับเพิ่มให้หัวหน้าสายตรวจ 2 ศูนย์ หัวหน้านายสืบ และหัวหน้าตำรวจจราจร ที่เข้าเวรทุกผลัด รวมทั้งร้อยเวรสอบสวนที่ออกเวรแล้ว ต้องมาลงชื่อในสมุดตรวจ นอกจากนั้น พล.ต.ท.วรรรัตน์ ไดีมีคำสั่งให้พล.ต.ต.สมศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สปพ. (191) จัดส่งรถสายตรวจ ซี 3 ไอ ทันสมัยสุด 1 คันมาประจำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 2 คน มาดูแลรับผิดชอบบริเวณถนนด้านหน้าพระสุเมรุ และก็ให้ออกคำสั่ง ห้ามจอดรถ บริเวณถนนดังกล่าว ตั้งแต่เชิงสะพานเฉลิมวันชาติ ไปถึง 13 ห้างบางลำพู เพื่อสะดวกการตรวจตรา โดยให้เข้าเวรเวลา 18.00 นง ถึง 08.00 น. และเมื่อรถซี 3 ไอ ออกเวรไปแล้ว ให้สน.ชนะสงครามจัดรถยนต์ 1 คันมาอยู่เวรแทน

นอกจากนั้น ยังยกเลิกการจอดรถ ภายในบริเวณวัดทั้งหมด รวมทั้งโทรงเรียนวัดบวรฯ หลังจากที่มีการสวดพระอภิธรรมเสร็จสิ้น และให้เข้าออกเพียง 1 ประตู คือประตูทางเข้ารร.วัดบวร จากเดิม ที่เปิดให้เข้า-ออก 4 ประตู คือทางเข้า รร.วัดบวร ทางออกรร.วัดบวร ประตูทางเข้าบ่อเต่า และประตูทางเข้าถนนวัดบวร และ พ.ต..อ.ธนพล สนเทศ ผกก.สตร.บก.สปพ. 191 ยังได้จัดส่งรถสายตรวจซี 3 ไอ เข้ามาประจำที่บริเวณ ลานพระประเทียบอีก 1 คันในเวลากลางวัน

สำหรับกำลังตำรวจก่อนเกิดเหตุ มีนายตำรวจสน.ชนะสงคราม 5 นาย สัญญาบัตร 1 นาย นายทหารศรภ. 4 คน/พลัด นายตำรวจสัญญบัตร ติดตามสารวัตร 1 คน นายตำรวจสัญญบัตรสันติบาล 1 คน และเจ้าหน้าที่กองปราบปราม 1 คน รวม ทั้งหมด 12 คน และมีการแต่งตัวในเครื่องแบบเพียงคนเดียว ภายหลังแจ้งว่าไม่มีการอารักขา ทุกคน จึงเปลี่ยนเป็นแต่งเครื่องแบบ และเพิ่มสายสืบสน.ชนะสงคราม 1 ชุด ปฏิบัตการเป็นนายตำรวจ 1 นาย ชั้นประทวน 3 นาย และเพิ่มสายตรวจ จักรยานยนต์ 1 คัน และ เปลี่ยนให้จักรยานยนต์ ตรวจตู้แดงที่เคยมาตรวจทุก 2 ชม. เป็น 1 ชม.

สันติบาลพร้อมลุยหลังจับสึก

พล.ต.ต.โยธิน มัธยมนันทน์ รองผู้บัญชาการสันติบาล เปิดเผยว่าตรำวจ พร้อมจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบวัด และเจ้าอาวาส หากมีการสึกเป็นนายไชยบูลย์แล้ว แต่ต้องฟังมหาเถรฯก่อน ความเห็นส่วนตัว อาจเกิดการปะทะกัน ระหว่างผู้สนับสนุนธรรมกาย กับผู้ไม่สนับสนุน จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียได้ และสันติบาล กำลังประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการ

ขณะเดียวกันที่กองปราบปราม มีกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทย เข้าพบพ.ต.ต.พรศักดิ์ ทิพยรัตน์ สว.ผ.4กก.2ป. เพื่อแจ้งความจันายไชยบูลย์ ในข้อหาแต่งกายเลียนแบบ พระสงฆ์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 208 โดยระบุว่าสมเด็จพระสังฆราช มีลายพระหัตถ์ระบุชัดว่านายไชยบูลย์เป็นพระปลอม และต้องการให้เรื่องจบเสียท ีหลังจากแจ้งความ ได้มีการนำเอาคดีใหม ่ไปรวมกับคดีเก่าที่เคยมีผู้ฟ้องร้องอยู่แล้ว

แก๊งนรกอ้างสังฆราชประชวรไม่รู้เรื่อง

บ่ายวันเดียวกัน ได้มีผู้เผยแพร่เอกสาร โต้แย้งลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย โดยมีการอ้างว่า เป็นเอกสารที่จะถวายให้กับมหาเถรสมาคม ใจความในเอกสาระบุว่า มหาเถรฯไม่สามารถ ออกกฎบังคับ ให้พระภิกษุโอนสมบัติใดๆ ที่ได้รับมาในขณะที่เป็นพระให้แก่วัดได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 48 ว่าด้วยเรื่องสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน ย่อมได้รับการคุ้มครอง และมาตรา 1623 ว่าด้วยเรื่องทรัพย์สิน ของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศ ซึ่งในเอกสารระบุว่า กฎหมาย ได้รับรองสิทธิในทรัพย์สิน ของพระภิกษุที่ได้มา ในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศชัดเจน เมื่อพระภิกษ ุถึงแก่มรณภาพ จึงจะตกเป็นสมบัติของวัด

นอกจากนี้ ในเอกสาร ยังระบุอีกว่า ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายไม่ได้เกิดขึ้น ตามปกติวิสัยสุจริต ข้อความลายพระหัตถ์บางประโยคเป็นการโอนสิทธิ์ ข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ ขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชื่อเสียง เสรีภาพ เข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์ อีกทั้งลายพระหัตถ์ฉบับที่ 5 ก็ขัดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2535 (ฉบับที่ 2) และขัดต่อกฎหมาย มหาเถรสมาคม เมื่อพิจารณาตามข้อมูลทางกฎหมายจะเห็นได้ว่า เอกสารที่อ้างว่า เป็นลายพระหัตถ ์มีความผิดพลาด อันก่อให้เกิดความผิดทางกฎหมายแก่ผู้เป็นเจ้าของ และผู้ปฏิบัติตามอย่างมากมาย เป็นไปไม่ได้เลยที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงมีความรู้ทางปริยัติธรรมสูง จบเปรียญธรรม 9 ประโยค และมีคุณธรรมสูง มีการประสบการณ์ การบริหารงานการคณะสงฆ์มายาวนาน จะมีลายพระหัตถ ์ขัดต่อกฎหมายเช่นนี้

ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่ามิใช่ป็นข้อความ ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงเขียนขึ้นเอง เป็นไปได้ว่าจะต้องมีคนใกล้ชิดแอบอ้าง อาศัยช่วงเวลา ที่ทรงมีพระพลานามัยไม่แข็งแรง จัดทำเอกสารขึ้นเองแล้วแอบอ้างว่า เป็นลายพระหัตถ์ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยหาตระหนักไม่ว่าเป็นการสร้างความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ได้มีศิษย์วัดพระธรรมกาย ไปที่สมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาฯและขอหนังสือเกี่ยวกับวัดหลายเล่ม