ในหลวงทรง ห่วงสมเด็จพระสังฆราช ส่งแพทย์ดูแลใกล้ชิด "ชวน"สั่งด่วนเอาปัญหาวัดฉาวเข้าถกในครม.หลังกลับมาจากจีน อธิบดีกรมศาสนา ไม่ไปชี้แจงอ้างติดภารกิจสำคัญ ย่ำหัวใจชาวพุทธ อ้าง"ไชยบูลย์"ยังไม่ปาราชิก ไม่สนลายพระหัตถ์ที่ชี้ชัดแล้วเป็น"พระปลอม"ทำลายศาสนา ยืดประชุมมหาเถรฯเป็น 10 พ.ค.สมหวังธรรมกาย ที่จะโอนที่ดินกะพ้นผิดห่มผ้าเหลืองได้ต่อ มือกฎหมายรัฐบาลประกาศชัด ลายพระหัตถ์มีผลบังคับแล้ว ตรงตามหลักกฎหมายบ้านเมือง เจ้าสำนักฉาวเจอดีถูกแจ้งความจับแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พระนักวิชาการเตือน หากทุกอย่างไม่ชัดชาวพุทธฮือแน่ แถมอาจเกิดการปลดมหาเถรฯ วัดฉาวระดมมือกฎหมาย ไต่ขอบนรกตีความสู้พระบัญชา กรรมาธิการศาสนาแฉสิ้นไส้ สินบนธรรมกายให้พระระดับสูง ทั้งรถหรูเงินสะพัดครั้งละเป็นล้าน ปลุกกระแสชาวพุทธ ต่อต้านพระย่ามตุง

การประชุมมหาเถรสมาคม ที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 4 พ.ค.นี้ต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 10 พ.ค.แทน โดยระบุว่า เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกทรงประชวร และแพทย์ได้ถวายการตรวจรักษา และถวายการแนะนำให้ทรงพักผ่อน จึงงดการเข้าเฝ้าถวายสักการะเป็นเวลา 3 วันระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.นี้ และเป็นการเปิดทางให้นายไชยบูลย์ สุทธิผล โอนที่ดินให้วัด เพื่อให้สามารถห่มผ้าเหลืองเป็นพระไชยบูลย์ ธัมมชโยต่อไปได้ แม้สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีลายพระหัตถ์ระบุชัดแล้วว่า นายไชยบูลย์เป็นพระปลอม เอาผ้าเหลืองมาครองเท่านั้น เนื่องจาก ต้องอาบัติปาราชิกพ้นจากความเป็นพระไปแล้ว ไม่ว่าจะมีผู้รู้เห็นหรือไม่ และไม่ว่าจะถูกสั่งให้สึกหรือถูกจับสึกแล้วก็ตาม เป็นหน้าที่โดยตรง ของผู้ของผู้รักษากฎหมาย และผู้ที่มีที่มีหน้าที่ในพุทธศาสนา จะต้องรักษาไม่ให้พระปลอมมาทำลายศาสนา

กรมศาสนายันไชยบูลย์ยังไม่ผิด

ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา นายพิภพ กาญจน อธิบดีกรมการศาสนา รายงานความคืบหน้า กรณีธรรมกายให้อาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทราบใน 3 ประเด็นคือลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราช, เรื่องต้องปาราชิกของนายไชยบูลย์ สุทธิผล หรือที่รู้จักกันดี ในนามพระไชยบูลย์ ธัมมชโยและเรื่องพระธรรมวินัย

นายอาคมกล่าวว่า สำหรับกรณีลายพระหัตถ์ กรมการศาสนาได้ดำเนินการแล้ว และจะนำเสนอเข้าที่ประชุม มหาเถรสมาคมในวันที่ 10 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณา หากว่ามหาเถรฯมีมติอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ทางกรมการศาสนา จะรีบดำเนินการทันที สำหรับประเด็นต้องปาราชิก ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีโทษปาราชิกหรือไม่ เพราะทางวัดเอง ก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่โอนที่ดินและเรื่องนี้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 กำลังดำเนินการอยู่ คงต้องรอ ผลการพิจารณา

"ขณะนี้ผมทราบมาว่า พระภาวนาวิริยคุณ (พระเผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กำลังรวบรวมโฉนดที่ดินทั้งหมดอยู่ เพื่อโอนเป็นของวัด เชื่อว่าก่อนวันที่ 10 พ.ค.น่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องพระธรรมวินัย ที่เกี่ยวกับคำสอน กรมการศาสนาได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องนี้แล้ว โดยได้วิเคราะห์สรุปผล ส่งไปให้พระพรหมโมลีแล้ว อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงคำสอน ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีการสอนมากว่า 30 ปี แต่ถึงเวลาน ี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้ เพราะหากปฏิเสธไม่ดำเนินการก็จะมีโทษอย่างรุนแรง"

ย้ำโอนที่ดินเรื่องทุกอย่างเบาลง

นายอาคมกล่าวด้วยว่า ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงมีลายพระหัตถ์ออกมาในฐานะที่เป็นประมุขของสงฆ์ เพราะมีความวิตกกังวล และทรงห่วงใย อยากให้เรื่องวัดพระธรรมกายยุติโดยเร็ว ซึ่งในส่วนของกรมการศาสนา ก็มีหน้าที่สนองงาน แต่คงไม่ใช่ปฏิบัติตามทันที ต้องรอให้มหาเถรฯพิจารณาและมีมติออกมาก่อน อย่างไรก็ตามเวลานี้มีความคืบหน้าไปมาก แม้จะไม่ 100%แต่ประชาชน ก็น่าจะพอใจ ในระดับหนึ่ง ปัญหาที่ประชาชนข้องใจก็คือ เรื่องปัญหาที่ดินที่ต้องโอนให้เป็นของวัด หากมีการดำเนินการ ปัญหาอื่นๆก็จะเบาบางลงไป

ต่อข้อถามที่ว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่านายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาทำงานล่าช้าไม่เหมาะสมนั้น นายอาคมกล่าวว่า ยังไม่คิดที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอธิบดีกรมการศาสนา อยากจะเก็บเอาไว้ก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่า เก็บไว้ทำอะไร นายอาคมกล่าวว่า เอาไว้เป็นอธิบดี

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันเดียวกัน นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า ได้เดินทางพร้อมกับนายอาคม เอ่งฉ้วน นายพิภพ กาญจนะ และนายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเลขานุการมหาเถรสมาคม ได้ไปกราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และเจ้าคณะภาค 1 เพื่อหารือกรณีปัญหา ของวัดพระธรรมกายในประเด็นต่างๆ คาดว่าเรื่องของวัดพระธรรมกาย น่าจะมีข้อยุติในการประชุมมหาเถรฯในวันที่ 10 พ.ค.นี้

สมเด็จเกี่ยวไม่ขอพูด

ที่กรมประชาสัมพันธ์ บ่ายวันเดียวกัน ได้มีการแจกเกียรติบัตรพระนักเผยแพร่ธรรมะทางวิทยุกระจายเสียงรุ่นที่ 1 ซึ่งมีคณาจารย์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยมาร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)เป็นประธานในพิธี ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินการของมหาเถรฯ ตามลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช ปรากฎว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์กล่าวสั้นๆว่า มางานนี้ขอพูดเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น จะพูดเรื่องน ี้เฉพาะเวลาที่อยู่ในที่ประชุมมหาเถรฯ และกรมการศาสนาจะเป็นผู้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเอง

ด้านพระศรีปริยัติโมลี รองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ มหาจุฬาฯ กล่าวว่าเรื่องนี้ควรเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรฯโดยเร็ว ควรมีการนัดประชุมเร่งด่วน กำหนดการเดิมวันที่ 10 พ.ค.นั้นดูจะช้าไป ตราบใดที่มหาเถรฯ และกรมการศาสนา ไม่เข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องวัดพระธรรมกาย ก็จะไม่มีวันยุติได้อย่างแน่นอน ตั้งแต่เป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา เพิ่งเห็นครั้งน ี้เป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระสังฆราช ออกมาชี้แนะแนวทางแก้ปัญหาให้แก่มหาเถรฯ เพราะปัญหาวัดพระธรรมกาย ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนที่ไม่ทรงออกมาเป็นพระบัญชานั้น ก็คงเป็นเพราะทรงให้เกียรติ และเคารพในแนวทางการพิจารณา ของที่ประชุมมหาเถรฯ แต่ด้วยผลการพิจารณา ของมหาเถรฯทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน จึงทรงออกมาชี้แนวทางให้ เพื่อ เรื่องทั้งหมดจะได้ยุติ

ย้ำ"ไชยบูลย์"พระปลอม

"สมเด็จพระสังฆราชมีสถานะเทียบเท่า พระมหากษัตริย์ในหมู่สงฆ์ แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของกฎหมายฉบับเดียวกัน แต่เมื่อประมุขทรงตรัสอย่างไร ออกมาก็ควรที่จะยึดถือนำไปปฏิบัติ ในส่วนของวัดพระธรรมกายนั้น ไม่เข้าใจว่าการที่เข้าไม่เร่งแก้ไขตัวเอง จะมีสาเหตุเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร แต่หากอาตมาเป็นวัดพระธรรมกาย จะไม่ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อมากขนาดนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน หากมีความบริสุทธิ์ใจ ก็ควรโอนให้เป็นสมบัติของวัดไป"

พระศรีปริยัติโมลีกล่าวด้วยว่า มีข้อสันนิษฐานอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่นำที่ดินมาเป็นสมบัติของพระหรือของมูลนิธินั้น เมื่อจะนำที่ดินเหล่านี้ไปจัดประโยชน ์ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าที่จะเป็นของวัด เพราะจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆมากมาย และอาจจะต้องนำเสนอผ่าน ทางมหาเถรฯด้วย ดังนั้นหากปล่อยไว้แบบนี้ อาจจะเกิดการแลกเปลี่ยน ซื้อขายถ่ายโอนกันได้ง่ายขึ้น

ต่อข้อถามที่ว่า ตามลายพระหัตถ์นั้นถือว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายปาราชิกแล้วหรือยัง พระศรีปริยัติโมลีกล่าวว่า ถ้าถือตามลายพระหัตถ ์ก็เท่ากับว่าพระไชยบูลย์เป็นพระปลอม แต่เนื่องจากวัดพระธรรมกายเป็นวัดใหญ่ จะต้องมีการแก้ไขปัญหา ด้วยการนำหลักรัฐศาสตร์เข้ามาใช้ด้วย เพื่อไม่ให้ผู้มีศรัทธาต่อวัด แสดงการคัดค้านหรือก่อม็อบขึ้น ส่วนที่ว่าหากวันที่ 10 พ.ค.มติมหาเถรฯยังไม่มีความชัดเจนออกมาอีกนั้น เรื่องนี้พระผู้ใหญ่อาจจะถูกมองในแง่ลบมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้พุทธศาสนิกชนต้องรวมตัวแสดงพลังกดดันให้มหาเถรฯทราบ หรือสมเด็จพระสังฆราช อาจจะปลด กรรมการมหาเถรฯเลยก็ได้ เพราะตามกฎหมายแล้วสามารถกระทำได้

มือกม.รัฐย้ำเป็นพระปลอมแล้ว

นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ มือกฎหมายรัฐบาลกล่าวว่า ลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชได้ระบุชัดแล้วว่า นายไชยบูลย์พ้นสภาพการเป็นพระ ถ้าละเมิดอย่างนี้ถือเป็นปาราชิก แต่การดำเนินการอื่น ๆ เป็นเรื่องภายหลัง ผู้ใดปฏิบัติตามถือว่าไม่ผิดเพราะเป็นการสนองพระบัญชา ส่วนที่มาอ้างว่าไม่มีเลขที่ จึงไม่ใช่คำสั่ง นั่นเป็นแค่งานสารบัญ ไม่จำเป็น เพราะสมเด็จพระสังฆราช ถือว่าสูงสุดทางสงฆ์

สำหรับปัญหาที่ดิน นายปรีชากล่าวว่าโดยแท้ที่จริงต้องเป็นวัดแม้จะไปใส่ชื่อเจ้าอาวาสหรือพระรูปใด เพราะเป็นลักษณะคล้ายตัวการทำแทน ในประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์เพราะถ้าไม่บวชก็ไม่มีคนถวายเงินให้ นอกจากนั้นทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้มา ในระหว่างการเป็นพระต้องเป็นของวัดเช่นกัน

อย่างไรก็ตามที่วัดจะเสนอให้ทำพินักกรรม โอนที่ดินที่ได้รับขณะเป็นพระไปให้วัดเมื่อเสียชีวิต ถือเป็นการเลี่ยงกฎหมาย เพราะเมื่อสึกไปเป็นนายไชยบูลย์แล้ว ตัวนายไชยบูลย์ก็สามารถจำหน่ายจ่ายโอน หรือทำพินัยกรรมใหม่ก็ได้ และความจริงไม่ต้องทำพินัยกรรม ที่ดินต้องเป็นของวัดอยู่แล้ว และลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราช ก็แน่ชัดแล้วสูงสุดทางสงฆ์ เพราะทรงทำในนามสมเด็จพระสังฆราช ขณะเดียวกัน ก็ตรงกับกฎหมายบ้านเมืองด้วยเช่นกัน

"ผมเห็นว่าเรื่องทรัพย์สินที่ได้มา ระหว่างเป็นพระหากไปถือครองในนามส่วนตัวและสึกออกไป ทรัพย์สินนั้นจะติดตัวไปด้วย เป็นช่องว่างกฎหมาย ต้องแก้ไขโดยต้องออกกฎหมายเลย ถ้าได้มาระหว่างเป็นพระ ถึงแม้สึกไปแล้วก็ต้องเป็นของวัด ขณะเดียวกัน กรณีเช่นนี้สามารถฟ้องรอ้งได้ โดยกรมการศาสนา หรือโจทก์โดยตรงคือวัดพระธรรมกาย แต่คงยากที่วัดจะฟ้องร้อง โดยประชาชน หรือผู้บริจาค ก็สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน"

เตือนมหาเถรฯอย่าตะแบงมติ

ทางด้านพระมหาโชว์ ทสฺสนโย ผู้อำนวยการสำนักงานบริหาร สำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคมมหาจุฬาฯ กล่าวถึงการทำงานของมหาเถรฯว่า ทำงานคล้ายกับถั่วงาบางเรื่องก็ใช้เวลาสั้น บางเรื่องก็ใช้เวลาระยะยาว เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เลขานุการมหาเถรฯควรเร่งงานมากขึ้น อธิบดีกรมการศาสนา นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาฯที่ดูแลกรมการศาสนา ต้องชงเรื่องขึ้นไปเรื่อยๆการแก้ไขปัญหานั้น ไม่ควรนำปัญหาที่ต้องใช้เวลา มาปะปนกับปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข เพราะอาจจะทำให้ เกิดความเสียหาย

"การที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีลายพระหัตถ์ก็เปรียบเสมือนการสั่งการจากเบื้องบนลงมา หากทางวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมปฏิบัติก็ควรมีการดำเนินการ หากไม่มีการดำเนินการก็ต้องดูว่าจุดไหนบกพร่อง ลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชชัดเจนว่า นายไชยบูลย์ต้องปาราชิกแล้ว หากตะแบงขึ้นมา ก็สุดแล้วแต่จะว่ากัน"

ต่อกรณีที่มีข่าวว่า มีการวิ่งเต้นเพื่อเตะถ่วงเรื่องนี้ออกไปอีกนั้น พระมหาโชว์กล่าวว่า คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการตัดสินโดยตรง การตัดสินอาจจะมีอคติอยู่บ้าง เพราะประเพณีคนไทยมีการถวายเครื่องไทยธรรม แต่กรณีของวัดพระธรรมกายนั้น ถวายให้วัดอื่นไปมากก็ต้องมีบุญคุณต่อกันมาก แต่หากจะว่ากันตามเนื้อผ้าจริงๆ แล้วควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย และหากว่าในวันที่ 10 พ.ค.มหาเถรฯมีมติสวนกระแสสังคม ก็ต้องดูว่าคนชงเรื่องคือมือซ้าย ขวาของอธิบดีกรมการศาสนาเป็นใคร จะมีการนำเรื่อง เข้าที่ประชุมมหาเถรฯหรือไม่

พระธรรมปิฎกชี้ภัยครั้งใหญ่

พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) กล่าวว่าหากวันที่ 10 พ.ค.ยังไม่มีอะไรกระจ่างคงมีผลกระทบแน่นอน จากที่ผ่านมาไม่มีอะไรชัดเจน เรื่องนี้เคยมีการ อมงว่าว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่จัดการ ทิ้งไว้ จึงส่งผลกระทบในวงกว้าง 3 นับตั้งแต่ประชาชนเกิดความไม่ชัดเจน ต่อสถาบันองค์กรการปกครองสงฆ์ และในเรื่องของความรู้ความเข้าใจ ในพุทธศาสนาผิดเพี้ยน ซึ่งเราต้องกลับมาคิดว่า ควรหรือยังจะสังคยานากันในเรื่องนี้ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเอง ได้มีลายพระหัตถ์ว่า ให้ปฏิบัติอย่างไรไว้ชัดเจน เพียงแต่ว่าไม่ได้กำหนดเวลาเท่านั้น

"ที่ผ่านมาทางสงฆ์เราละเลยไป จนกระทั่งกว่าจะรู้เรื่องก็ใหญ่โตเสียแล้ว และอาจเพราะเราให้เสรีกับสงฆ์มากเกินไป ด้วยเพราะถือว่าศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของคนไทย ประชาชนเอง มีส่วนในการตรวจสอบดูแลด้วย ซึ่งกรณีนี้ที่สำคัญสุด คือทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาข้อชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหา ที่จะตามมา คืออาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดหลักศาสนา"

นายจำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิตและนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาฯ คนใหม่กล่าวว่า กรณีธรรมกายนั้น ต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะนี้ไม่ใช่แค่เรื่องพระธรรมวินัยอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของกฎหมายด้วย อย่างไรก็ตามใน 2-3 วันจะรวมพลังกันหารือเรื่องนี้ และจะเป็นแกนนำ 172 องค์กรพุทธศาสนาด้วยเพื่อเคลื่อนไหว เพราะเท่าที่ดูนั้น วัดพระธรรมกายยิ่งใหญ่ มีรากฐานชอนไชไปทั่วแล้ว ต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไร ในการปกป้องสถาบันหลัก ของชาติไม่ให้ใครมาทำลายได้"

แฉสินบนพระ"รถ-เงินล้าน"

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับเรื่องสินบนธรรมกายนี้ กรรมาธิการการศาสนาฯ ได้ทำสรุปเป็นรายงาน"ลับ" กรณีวัดพระธรรมกายเสนอสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุชัดเจนว่ามีพฤติกรรมเอาใจ ยกยอ ให้เกียรติพระผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์ ทุกระดับชั้น พร้อมทั้งถวายปัจจัยจำนวนมากทั้งเงิน รถยนต์ยี่ห้อหรู ราคาแพงฯลฯ ให้แก่พระเถรชั้นนำ ที่จะติดต่ดเข้าหาเพื่อใช้ประโยชน์ มากน้อยผันแปร ตามความสำคัญของระดับชั้นพระเถระนั้น ๆ และตามงานที่วัดจะยก และยอให้มาเป็นเครื่องมือ บรรลุวัตถุประสงค์ของตน

บางครั้งวัดพระธรรมกาย ถวายเงินจำนวนสูงถึงหกหลัก เจ็ดหลัก ต่อการนิมนต์เพียงครั้งเดียว และพระเถระที่วัดยก และยอไปใช้ไม่เคยมีบทบาทที่เข้าถึง สาระสำคัญของงานได้เลย เป็นได้เพียงเจว็ดหรือยันต์กันภัยเท่านั้น เช่นนิมนต์พระมหาเถระ เป็นอุปัชฌาย์บวชให้พระธรรมทายาทครั้งละ 500-600 รูป แต่บวชแล้วพระพุอัชฌาย์ไม่มีโอกาส อบรมสั่งสอบพระใหม่เหล่านั้นเลย วัดพระธรรมกายจะนำไปอบรม ด้วยตนเองหมดสิ้นทุกขั้นตอน หรือนิมนต์พระมหาเถระไปเป็นประธาน แจกรางวัลหรือประธานในพิธีวันสำคัญทางศาสนา เพื่อที่ทางวัดพระธรรมกาย จะถ่ายรูปพระมหาเถระรูปนั้น ๆ ไปอวดอ้างว่าวัดเป็ฯ ที่โปรดปรานของพระหลายรูป

ขณะเดียวกันได้มีจดหมายเผยแพร่ไปทั่วชี้ ภัยอันตรายที่จะเกิดกับพระศาสนา โดยได้มีพระที่มีอำนาจปกครองสงฆ์ มีแนวคิดแบบวิชชาธรรมกายมาครอบงำ บิดเบือนคำสอนของศาสนาทำให้คนหลงเชื่อ ดัดแปลง พระไตรปิฎกให้ผิดเพี้ยน เห็นเงินเป็นใหญ่ มีประโยชน์ร่วมกัน ไม่ละลายบาป และขอให้ชาวพุทธ ขจัดภัยที่กำลังเกิดขึ้น

สภาทนายฯจี้ลุย"พระปลอม"

ที่สภาทนายความ นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความกล่าว สภาทนายความเปิดศูนย์รรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากประชาชน ที่ได้รับจากวัดพระธรรมกายตามภาคต่าง ๆ ตั้งแต่ภาค1-9 เมื่อได้หลักฐานจะดำเนินการเด็ดขาด และผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย ทั้งตำรวจและกระทรวงศกึษาธิการต้องเข้าไปดูแลอย่างรวดเร็ว

นายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนายความเปิดเผยว่า ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราช ระบุชัดการที่มีเจตนา เอาที่ดินมาเป็นของตัว ขาดจากความเป็นพระมาตั้งแต่แรก กระทรวงศึกษาธิการต้องเข้าไปดำเนินการ หากปล่อยไว้เท่ากับว่า ยอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเหนือประมุขสงฆ์ นอกจากนั้นเรื่องที่ดิน จะต้องสั่งกรมการศาสนา ทำหนังสือทวงถามบอกล่วให้โอนอย่างชัดเจน ถ้านายอาคมไม่ทำ ถือว่าไม่สนองพระสังฆราช และไม่ปกป้องพระศาสนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้วัดพระธรรมกายได้ระดมนักกฎหมายหลายคนมาพิจารณาพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 เรียงรายมาตราเพื่อหาช่องทาง ในการทำให้นายไชยบูลย์รอดพ้นความคิด โดยเฉพาะหากกรณีสมเด็จพระสังฆราชฯ ใช้อำนาจตามมาตรา 8 ของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ สั่งจัดการนายไชยบูลย์ ก็จะมีการใช้แง่กฎหมายเข้าสู้

อุ้มไชยบูลย์มหาเถรฯเสื่อม

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ช่วยงานสมเด็จพระสังฆราช ในฐานะแกนนำศิษย์ผู้ใกล้ชิดหรือที่เรียกว่า"ศิษย์ห้องกระจก" กล่าวว่า หากไม่มีลายพระหัตถ์ ออกมากรมการศาสนาคงไม่ขยับ แต่ต้องปล่อยให้ชาวพุทธพิจารณาเอง ที่ผ่านมาการดำเนินงานของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้เวลาวัดพระธรรมกายในการแก้ไขปรับปรุงตัว แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลง และถ้าในวันที่ 10 พ.ค.นี้การประชุมมหาเถรฯยังคงอุ้มชู"นายไชยบูลย์" ประชาชนจะเสื่อมศรัทธา และอยากฝากพี่น้องประชาชน ที่รักพระศาสนาให้มาช่วยกันปกป้องศาสนาประจำชาติ ถ้าตนมีบทบาท ในการแก้ปัญหาคงลุยแล้ว ความจริงวัด พระธรรมกาย มีภาพที่ดีแต่เสียอยู่ที่ผู้นำไม่กี่คน

"สมเด็จพระสังฆราชมีพระเมตตา พยายามรักษาชื่อเสียงให้อย่างสุดความสามารถ แต่ก็บีบกันมากจนต้องออกมาชี้ให้เห็น หากปล่อยไว้อย่างนี้จะเป็นปัญหา โดยเฉพาะการเผยแพร่คำสอนที่ผิดไปยังเยาวชน ลายพระหัตต์ทั้งหมด 4 ฉบับวัดบวรฯ จะนำมาเป็นจดหมายเหตุ และระบุว่าในช่วงนี้มีสถานการณ์อะไรในพระพุทธศาสนา และการประชุมมหาเถรฯวันที่ 10 พ.ค.สมเด็จพระสังฆราช อาจไม่เข้าเพราะทรงพูดไปหมดแล้ว"

ในหลวงห่วงพระสังฆราช

สำหรับอาการประชวร ของสมเด็จพระสังฆราชนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทับพักผ่อน อยู่ภายในพระตำหนักคอยท่าปราโมท คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม 8 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เฝ้าอารักขา รอบพระตำหนักอย่างเข้มงวด และทางศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)ได้จัดส่งกำลังมาเสริมอีก 4 นายด้วย

เวลา 10.00 น. สมเด็จพระสังฆราชทรงเสด็จมาประทับ ณ ห้องกระจก เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เดินทางมาไกล และไม่ทราบว่าพระองค์ ทรงมีพระอาการประชวรได้เข้าเฝ้า แม้ว่าทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จะได้ออกประกาศงดการเข้าเฝ้าเป็นเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันที่ 3-5 พ.ค.ก็ตาม โดยมีผู้เข้าเฝ้าทั้งที่เป็นพระและฆราวาสกว่า 30 คน ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงประพรมน้ำมนต์ให้แก่ผู้เข้าเฝ้า จากนั้นจึงเสด็จไปฉันภัตตาหารเพล และรับการถวาย การตรวจรักษา จากคณะแพทย์

น.พ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านปอดและหลอดลม เปิดเผยภายหลังถวายการตรวจรักษาว่า วันนี้พระอาการของสมเด็จพระสังฆราชดีขึ้นมาก ไม่มีไข้สูงเหมือนวันก่อน พระวรกายโดยรวมปกติดี แต่ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งจะมีการประชุมมหาเถรสมาคม จะทรงงานได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากพระอาการในวันนี้คิดว่าน่าจะทรงงานได้

ด้าน น.พ.ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวเสริมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงพระอาการ ของสมเด็จพระสังฆราช ทรงรับสั่งให้ทีมแพทย์มาดูแลรักษา อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ โดยให้ น.พ.สงครามเป็นหัวหน้าทีมและตนเป็นผู้ช่วย โดยทุกวันจะมีการถวายการตรวจ 3 แบบ ทั้งแบบทั่วไปและเฉพาะที่ ซึ่งจะเน้นที่ปอด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พระอาการ ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

แจ้งจับ"ไชยบูลย์"แต่งเป็นสงฆ์

รายงานข่าวแจ้งว่า เวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ค. 2542 นี้ กลุ่มองค์กรพุทธบางกลุ่ม ได้นัดรวมตัวกันเพื่อเข้าแจ้งความที่กองปราบปราม ลาดพร้าว เพื่อให้ดำเนินคดีกับธัมมชโย ในข้อหาแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ทั้งนี้ ทางแกนนำกลุ่มองค์กรพุทธกลุ่มน ี้ระบุว่าการเข้าแจ้งความครั้งนี้ เป็นไปตามพระลิขิต ของพระสังฆราชที่ชี้ว่าธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ซึ่งเท่ากับว่าธัมมชโย พ้นจากความเป็นพระ เมื่อยังห่มจีวรอยู่ ก็เท่ากับเป็นพระปลอม หรือแต่งกายเลียนแบบสงฆ์

พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี ผบก.น.1 กล่าวว่าประชาชนที่ทำบุญกับวัด สงสัยจะถูกวัดนำเงินบริจาคไปครองครอง เป็นของส่วนตัวสามารถแจ้งคามได้กับตำรวจท้องที่ หรือที่กองปราบปราม และมีโทษคดีอาญาข้อหายักยอทรัพย์ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หากรวมตัวกันเกิน 10 คน จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี โดยเป็นคดีที่ยอมความกันไม่ได้ ส่วนพยานหลักฐาน จะต้องนำใบอนุโมทนาบัตรที่ทำบุญมา หรือถ้าไม่ก็ใช้พยานบุคคลได้เช่นกัน

ส่วนกระแสข่าวที่มีการขู่ระเบิดวัดบวรนิเวศวิหาร จากการตรวจสอบไม่พบมีการโทรศัพท์ขู่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้วางใจ โดยให้ฝ่ายสืบสวนบก.น.1และสน.ชนะสงครามออกหาข่าว หากมีสิ่งบอกเหตุไม่ดีจะดำเนินการอีกครั้ง โดยการดูแลจะใช้ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ตำรวจสน.ชนะสงคราม สับเปลี่ยนดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

สั่งตร.เฝ้าวัดฉาวตลอด 24 ชม.

ผู้สื่อข่าวรายงาน จากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบเหงา เพราะทางวัดไม่มีงานบุญ แต่ก็มีญาติธรรมเดินทางไปที่วัดด้วยรถยนต์ประมาณ 20 คัน ทั้งนี้ ได้มีสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ เดินทางไปทำข่าวที่วัดแต่ รปภ.ไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในวัด และทาง สภ.อ.คลองหลวง ได้จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ทั้งสายสืบและสายปราบปราม ประจำจุดบริเวณประตูเข้า-ออกวัดทั้ง 3 จุด ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีตำรวจสายตรวจ เข้าไปสังเกตุการณ์ภายในวัดทุกๆ 3 ชั่วโมงด้วย

พ.ต.ท.โทน มงคลลักษณ์ รอง ผกก.ป. สภ.อ.คลองหลวง เปิดเผยว่า ทางผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ กับกรณีลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายมาก โดยผู้บังคับบัญชาระดับ บช.ภ.1 ได้สั่งการลงมาให้กวดขัน รักษาความสงบ มิให้เกิดเหตุร้าย เพราะเกรงว่าจะมีมือที่ 3 มาก่อความไม่สงบ

ศิษย์เอกอ้างไม่ระบุชื่อตัวบุคคล

นายมานิต รัตนสุวรรณ ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชว่า แม้จะมีออกมาถึง 4 ฉบับ แต่ก็ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่มติของมหาเถรฯที่เป็นตัวบทกฎหมาย หากเป็นมติ มหาเถรสมาคมออกมาชี้ชัด ทางวัดพระธรรมกายก็ยินดีที่จะปฏิบัติตาม

เรื่องคืนที่ดินให้วัดนั้น ปัจจุบันเมื่อมีผู้ถวายที่ดินให้ก็ใส่ใช่เจ้าอาวาสวัดไว้ วัดต่างๆก็มีการปฏิบัติกันทั่วประเทศ ยังไม่มีกฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิด ต่อไปหากมหาเถรสมาคม มีกฎออกมาใหม่ว่าการถวายที่ดินจะต้องเป็นชื่อของวัด ทางวัดก็ไม่มีอะไรขัดข้อง ที่ผ่านมาไม่ใช่ดื้อดึง เพียงแต่ทางวัดมีที่ดินอยู่ ก็จะดูว่าส่วนใดสามารถทำประโยชน์สร้างวัดได้ หากทำประโยชน์ไม่ได ้ซึ่งส่วนใหญ ่เป็นที่ดินต่างจังหวัดก็จะหาที่ดินแลกเปลี่ยนหรือขายไป แล้วนำเงินมาสมทบสร้างเจดีย์ เรื่องนี้ยังมีขั้นตอนกฎหมายอีกมาก ไม่ใช่ว่าจะไปยอมสละกันง่ายๆ ที่มีข้อครหาบานปลายออกไปจนเป็นข้อกล่าวหา ก็เนื่องจาก คนส่วนใหญ ่ยังไม่เคยเข้ามาในวัด ถ้าเข้ามาจะทราบว่าวัดเราก้าวล้ำหน้าไปมากในด้านการเผยแพร่ น่าจะได้รับรางวัล มากกว่าข้อกล่าวหา

ส่วนนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาธรรมกายสั้น ๆ หลังจากกลับมาจากประเทศจีนว่า เป็นธรรมดาต้องแก้ไขเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่านายชวน มีความเป็นห่วงปัญหาวัดพระธรรมกายมาก และสั่งการด่วน จากประเทศจีน ให้ให้นายอาคมนำเรื่องเข้าชี้แจงในคณะรัฐมนตรีทันทีที่กลับเมืองไทย โดยผู้สื่อข่าวรายงานข่าว หลังจากหลังนายอาคม แถลงข่าวที่กระทรวงศึกษาธิการเสร็จ นายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการครม.โทรศัพท์ มาแจ้งนายอาคม ให้นำรายงานการดำเนินงานแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย รายงานครม.ในวันที่ 4 พ.ค.ทันที จากนั้นนายอาคมเรียกผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมการศาสนามาหารือเป็นเวลา 30 นาที ปรากฎนายพิภพ ในฐานะอธิบดีกรมการศาสนา ปฏิะสธ ที่จะเป็นผู้รายงาน ผลการดำเนินงานในครม. โดยอ้างติดภารกิจสำคัญ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอธิบดีจะมอบหมายให้ สำนักงานเลขาธิการมหาเถรฯเป็นผู้รายงานแนวทางการแก้ไขแทน

ทางด้านนายอาคมกล่าวยอมว่า ตนจะเข้ารายงานผลการดำเนินงานเรื่องปัญหาธรรมกายต่อครม.เพื่อเป็นวาระเพื่อทราบ ขณะนี้ นายกฯเดินทางมาถึงไทยแล้ว

พระสุธรรมาธิบดี(เพิ่ม อาภาโค) เจ้าอาวาสวัดราชา คณะกรรมการมหาเถรฯ กล่าวว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่จบเสียที เป็นที่เบื่อหน่าย ของประชาชน และพระจำนวนมาก เชื่อว่าทางวัดธรรมกายคงไม่ยอมที่จะโอนที่ดิน เท่าที่ทราบวันนี้ถือตัวว่าใหญ่ โต เจ้าอาวาสเป็นผู้มีบุญวิศสษ แต่ก็มั่นใจว่า เมื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ าจะได้ข้อยุติ

อนึ่ง ราชบัณฑิตสถาน ได้ทำหนังสือเวียนไปยังสื่อมวลชนต่าง ๆ ว่าจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชที่ออกมา 4 ฉบับนั้น ขอให้ใช้คำว่า"ลายพระหัตถ์"

เอพีเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลก ด้านสำนักข่าวเอพีได้รายงานข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ โดยอ้างแหล่งข่าว จากหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ไปให้การอารักขา สมเด็จพระสังฆราช หลังจากที่มีโทรศัพท์ลึกลับ ขู่ลอบวางระเบิดวัดที่ทรงประทับเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการขู่เกิดขึ้นหลังจาก ที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประมุขสงฆ์ของประเทศ ได้ทรงมีพระลิขิตแนะนำให้ ทางการคณะสงฆ์ ทำการสึกเจ้าอาวาสพระธรรมกายที่กำลังเกิดเรื่องขัดแย้ง ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ได้ถูกกล่าวหาว่า บิดเบือนหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า และไม่ยอมโอนที่ดินซึ่งได้รับบริจาคในนามของตนเองให้แก่วัด

กลุ่มผู้ที่ไม่พอใจต่อพฤติกรรมได้กล่าวว่า วัดพระธรรมกายซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี มักจะแสวงหาประโยชน ์จากเหยื่อที่เป็นกลุ่มคนยากจน โดยการหว่านล้อม ให้บริจาคเงินแก่วัดจนแทบหมดตัว เพื่อวัดจะได้สร้างพระเจดีย ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนั้นจากการสอบสวนของทางการสงฆ์ได้พบว่า เจ้าอาวาสและพระบางรูป ถือครองทรัพย์สิน เป็นที่ดินจำนวนมากมาย รวมทั้งบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นของต้องห้ามตามระเบียบวินัยของสงฆ์