มหาระแบบ"หวั่นใจ วัดพระธรรมกายเล่นเล่ห ์ปรับกลยุทธ์ทุ่มเงินสุดฤทธิ์สุดเดชหนุน พรรคการเมืองบางพรรคตั้งรัฐบาล แลกเปลี่ยนเงื่อนไขให้แก้ พ.ร.บ. สงฆ์เปิดทางตั้งนิกายใหม่ ระบุเชื่อวัดฉาวทำได้เพราะมีเงินมหาศาล วัดฉาวดิ้นไม่ยอมสยบเดินเกมใหม่หลังวิเคราะห์ผลกระทบจากปัญหา "ดูดทรัพย์-ปาฏิหาริย์" เตรียมแก้พระไตรปิฎก เผยยุทธการใหม่ใครก็ล้มไม่ได้ มีพระระดับ "บิ๊ก" สัมพันธ์เกี่ยวแน่นแฟ้นหนุน

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่า หลังจากมีการเสนอข่าว ปัญหาวัดพระธรรมกาย เกี่ยวกับเรื่องความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ทั้งการสอนธรรมะที่ผิดเพี้ยน, การเรี่ยไรบุญที่ไม่มีวันสิ้นสุด, การอวดอุตริมนุสธรรม, การดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ฯลฯ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างทั้งสังคมทั่วไป และวงการศาสนา เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 6 เดือนกว่า ซึ่งทำให้มีผลกระทบกับผลประโยชน ์กับวัดพระธรรมกายอย่างมาก พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสให้พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสเรียกประชุมระดับแกนนำของวัด เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ที่ผ่านมามีความผิดพลาดจุดไหนอย่างไร เป็นเหตุทำให้ฐานกำลังที่สร้างมาเกือบ 30 ปีเกิดการสั่นคลอน ทั้ง ๆ ได้มีการจัดเจ้าหน้าท ี่ที่มีความรู้ระดับสูง เตรียมการทุกทางเพื่อตอบโต ้และรับมือกับสื่อมวลชน

จากการวิเคราะห์ประเมิน ข้อผิดพลาดของวัดจะเกี่ยวกับเรื่องการระดมทุน ที่ไม่ได้มีการระมัดระวัง ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ ผู้นำบุญและเจ้าหน้าที่วัดได้รับการอบรมยังขาดประสบ การณ์ จนเป็นเหตุให้มีการ ตั้งข้อสังเกตเรื่องอภินิหารอัศจรรย์ตะวันแก้ว ที่ปรากฏบ่อยเกินไปและมักอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันทุกครั้ง กรณีพระสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่ของวัดออกมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปทั่ว ทั้งเทป-หนังสือ ในเรื่องนิพพานเป็นอัตตา รวมถึงการกล่าวเผยแพร่ในเทปต่อหน้าผู้นำบุญการรื้อพระไตรปิฎกที่ชัดเจนเกินไป และประเมินเกี่ยวกับ สถานการณ์-ความศรัทธา-ความรู้ของชาวพุทธ เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนา ผิดพลาดมาตลอด รวมทั้งมีการวิเคราะห์หนังสือพิมพ์ 5-6 ฉบับ, ไอทีวีและรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทางวิทยุและโทรทัศน์ และรายการธรรมะร่วมสมัยด้วย

นอกจากนั้น ยังมีพูดถึงการออกมาให้สัมภาษณ์ของพระบางรูป ที่ไม่น่าจะมีผลกระทบ กับวัดได้แต่คาดการณ์ผิดกลับตรงกันข้าม และยังพูดถึงการที่พระนิสิตของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ออกเดินสายอบรมสามเณร ภาคฤดูร้อนที่มีการนำเอาหนังสือ "กรณีวัดพระธรรมกาย" ของพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) นำไปเผยแพร่ ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ พร้อมทั้งได้มีการ ชี้แจงข้อเท็จจริง และหลักคำสอนที่ถูกต้อง ให้กับชาวบ้าน เป็นการทำลายฐานกำลังของวัดไปมาก และสิ่งที่ถือว่าวัดพระธรรมกาย พลาดที่สุด คือการที่มีการส่งหนังสือ "พระแท้" ไปตามวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นคู่มือตอบปัญหาธรรมะ ในวันเกิดปีที่ 55 ของพระไชยบูลย์ ซึ่งเดิมตั้งใจจะเป็นการเกทับผู้ที่โจมตีวัดแต่แล้วกลับได้ผลตรงกันข้าม

แหล่งข่าวใน วัดพระธรรมกายกล่าวว่า บรรยากาศในวันประชุมค่อนข้างตึงเครียดมาก การพูดจาก็มีการ โยนความรับผิดชอบกันและกันเป็นทอด ๆ แต่ผลสรุปคือ วัดพระธรรมกาย จะมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร ์การดำเนินการ หรือที่เรียกกันในที่ประชุมว่า "ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่" ต่อไปจะมีการวางแผนงานที่รอบ คอบรัดกุมกว่าเดิม และให้เอาสิ่งที่ผ่านมาเป็นบทเรียน เพื่อเสริมความแข็งเกร่ง เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ และประกาศว่าวัดพระธรรมกายจะไม่มีวันแพ้เป็นอันขาด เพราะยังมีไม้เด็ดอีกหลายอย่าง ที่สำคัญพระผู้ใหญ่ยังมีความเมตตาและจะคงอยู่เคียงข้างวัดตลอดไป

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว ได้รับหนังสือจากนายสมจิต สุดสงวน บรรณาธิการและเจ้าของหนังสือไทยนิยม จ.นครพนม ที่เขียนขอหนังสือวัดพระธรรมกาย ซึ่งสมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นผู้จัดทำ โดยนายสมจิตเขียนในจดหมายด้วยว่า ลูกชายเคยถูกพระไชยบูลย์หลอกเข้าวัดไปเสริมบารมีตัวเอง โดยเมื่อต้นปี 2532 ลูกชายของนายสมจิตและภิกษุ-สามเณร 16 รูปเดินทางมากรุงเทพฯเพื่อรับพระราชทานพัดเปรียญธรรม 9 ประโยค ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในวันนั้นเจ้าหน้าท ี่วัดพระธรรมกาย นำรถมารอรับผู้ที่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค เพื่อไปจัดฉลองที่วัดพระธรรมกาย

เจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกายสัญญา ว่าจะถวายปัจจัยรูปละ 3,000 บาท โดยจะส่งธนาณัติไปให้ที่วัด ซึ่งชื่อ-ที่อยู่ทั้งหมดพระไชยบูลย์มีหมดแล้ว หลังจากเสร็จพิธีฉลองก็แยกย้ายกลับวัด แต่ไม่มีการส่งปัจจัยไปให้ตามที่ระบุไว้ จดหมายฉบับดังกล่าว จะมีการนำไปเผยแพร ่ในรายการธรรมะร่วมสมัยด้วย เพื่อให้เห็นหลักฐานการหลอกลวงของวัดพระธรรมที่ชัดเจน และรูปแบบ ในการไปพักฉกพระเณร ที่สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค

ในวันเดียวกันมีการประชุมคณะกรรมา ธิการการศาสนาฯ โดยพิจารณาถึงปัญหามูลนิธิความหวังของชาวไทย ที่จะเชิญเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาชี้แจงในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ระหว่างการประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกต ด้วยว่าการทำงาน ของคณะกรรมา ธิการมักไม่ได้รับความสนใจแก้ปัญหา เช่นกรณีมูลนิธิฯนี้มีการเสนอให้ยกเลิกมูลนิธิ แต่ไม่ได้รับการสนอง หรือกรณีปัญหาวัดพระธรรมกายไม่ได้รับความสนใจจากกรมการศาสนา อาจไม่ได้นำข้อมูลเสนอมหาเถรฯ อย่างชัดเจน ทำให้นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ ถูกตำหนิว่าทำงานไม่จริงจังไปด้วย

พระราชธรรมนิเทศน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ กล่าวถึงการวิเคราะห์ สถานการณ์ที่ผ่านมาของวัดพระธรรมกาย และมีการวางแผนแก้ไขนั้นว่า หากวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัด ได้ขีดเส้นกรอบการปฏิบัติให้อยู่ในความเหมาะสมก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่จะไปชี้ทางให้เจ้าอาวาสตริตรอง หรือให้พระในวัดสึกออกไปจะถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะจะทำให้บรรดาลูกศิษย์เกิดข้อแตกแยก ทั้งปัจจุบันคนที่นับถือวัดพระธรรมกายก็จะเป็นเสมือนคนสองร่าง มีความก้าวร้าวในตนเอง เนื่องจากมีความศรัทธาและเชื่อถือวัดพระธรรมกายโดยไม่เชื่อหรือเคารพวัดอื่น ๆ ดังนั้นถ้าเจ้าอาวาสได้ดำเนินการ ปรับเปลี่ยนแก้ไขทั้งพฤติกรรมและแนวการสอนให้แก่ลูกศิษย์แล้ว อนาคตของวัดพระธรรมกาย ก็จะยังมีต่อไป

"ถ้าวัดพระธรรมกายต้องการ รุกมากๆโดยไม่มีการปรับแก้ สิ่งที่เขาทำได้นั้นเป็นเรื่อง น่าเป็นห่วงเพราะจะเป็นอันตราย ต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง เช่นการนำเอาเงินไปสนับสนุน นักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง โดยมีการตั้งเงื่อนไขซึ่งกันและกัน อย่างเช่นถ้าพรรคการเมืองนั้น ได้เป็นรัฐบาลจะต้องแก้ไขพ.ร.บ.สงฆ์ในลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อวัดพระธรรมกาย จนอาจตั้งนิกายใหม่แบบญี่ปุ่น เชื่อว่าวัดพระธรรมกายก็คิดจะทำเช่นนี้ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง ทั้งในปัจจุบันบอกได้ว่า ไม่มีวัดไหนจะมีเงินมหาศาลเท่าวัดพระธรรมกายแล้ว ดังนั้นหากมีการปรับเปลี่ยน ไปในทาง ที่เหมาะสมก็จะเป็นเรื่องที่ดี".