page4

เดลินิวส์ 2/4/2542

วันที่5เผด็จศึก สะสางธรรมกาย

5 เม.ย. วันเผด็จศึก"ธรรมกาย"สมเด็จพระสังฆราช บัญชาให้พิมพ์พระลิขิตใช้กระดาษหัวจดหมายสัญญลักษณ์ "ญสส."ตัวสีทอง ชัดเจน คาดโทษหนักสูงสุดทางศาสนา ฐานบิดเบือดพระธรรม กล่าวหาพระไตรปิฎกบกพร่อง ทำลายศาสนาพุทธ ความผิดเท่ากับฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ พร้อมทั้งทรัพย์สินที่ดินต้องโอนเป็นของวัด มั่นใจทุกอย่างยุติ ตรัสออกมาแล้วต้องสมบูรณ์คนคัดค้านไม่ได้

จากกรณีที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตประทานให้กรมการศาสนาใช้ตัดสินปัญหากรณีธรรมกายใน 2 ประเด็นคือ การสั่งสอนผิดเพี้ยน บิดเบือนพระธรรม โดยกล่าวหา พระไตรปิฎกบกพร่อง ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นสองฝ่าย มีความเชื่อถือพระพุทธศาสนา ตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เป็นอนันตริยกรรม หรือกรรมหนักสุด ทางศาสนา มีความผิดเท่ากับการฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ และทำพระพุทธเจ้า ให้ห้อเลือดต้องมีโทษ ทั้งปัจจุบัน และอนาคตที่หนัก นอกจากนั้น สมบัติเกิดขึ้นระหว่างบวชต้องมอบให้วัดทันทีเพื่อความถูกต้อง แต่กรมการศาสนา ไม่ยอมเสนอ เข้าที่ประชุมมหาเถรฯนั้น

เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมาพระราชกวี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง คือมหามกุฏ และมหาจุฬาฯ เห็นด้วย กับพระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราช ในการแก้ปัญหาธรรมกาย ทุกคนต้องยอมรับ ซึ่งนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ต้องสนองพระบัญชา

ผู้สื่อข่าวถาม เกี่ยวกับเรื่องที่มีการพูดกันว่า ทาง 2 สถาบัน โดนพระผู้ใหญ่ในมหาเถรฯขัดขวาง พระราชกวี กล่าวว่า ต้องยอมรับ สถาบันสงฆ์ต้องอิงผู้ใหญ่ พูดออกไป ก็เหมือนกับ ถุยน้ำลายขึ้นฟ้า ที่ตกลงมาโดนหน้าตัวเอง ทุกคนก็คงรู้ๆ ตอนนี้จะถึงยุค น้ำจะท่วมโลกแต่เป็นน้ำครำ 2 สถาบันมีการปรับทุกข์กัน จะดำเนินการ อย่างไร เพื่อปกป้องรักษา พระพุทธศาสนา ตามความสามารถและบรรทัดฐานของความถูกต้อง ซึ่งหากปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไม่ได้ คงต้องปลงอนิจจัง พระพุทธศาสนา ก็มิใช่ของใครเพียงคนเดียว ทุกคนต้องช่วยกันรักษา

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ลูกศิษย์สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้กล่าวว่า การที่วิทยาลัยสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหว กรณีธรรมกาย ถือเป็นเรื่องดี อย่างวันนั้น ที่อธิบดีกรมศาสนา มาพบกับตน ก็ได้บอกไปตรงๆ ว่า เด็กทำอะไร อาจจะมีผิดถูกบ้างก็คือเด็ก อย่าไม่ถือสา ที่สำคัญทั้งหมดไม่มีเจตนาร้าย ผู้ใหญ่ ซึ่งมีประสบการณ ์ผ่านอะไรมามากกว่า การทำอะไร ย่อมต้องคิด ถึงความถูกต้อง ชอบธรรม ขอให้เป็นประโยชน์กับสถาบันเอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และยังได้กล่าวถึง พระดำรัส สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงสอนลูกศิษย์ให้อธิบดีกรมการศาสนาฟังด้วยว่าคนเราตายไปเมื่อไรไม่รู้ฉะนั้นก่อนถึงชาติหน้า ชาตินี้ก็จงทำความดีไว้ อธิบดีกรมการศาสนา ก็บอกว่าทำดีสุดแล้ว

กรณีเรื่องพระลิขิต ก็เช่นกัน ขณะนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับสั่งให้พิมพ์ใหม่ เพื่อแจกกับคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ให้ครบทุกรูป ในการประชุมวันที่ 5 เม.ย.นี้ โดยเฉพาะ ให้ใช้กระดาษ หัวจดหมายที่มีพระนามาภิไธย ย่อ"ญสส."ตัวสีทองชัดเจน ส่วนจะลงพระนามหรือไม่นั้นไม่ทราบ เรื่องพระลิขิต จะเป็นของจริงหรือไม่ ให้ไปสอบถาม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นผู้ที่รู้เรื่องดีสุด เพราะรับไปจากพระหัตถ์ กระแสข่าว ที่ออกมาช่วงนี้สมเด็จฯ ก็ไม่ได้มีรับสั่งอะไร ท่านเป็นคนตรัสน้อย แต่ตรัสออกมาเมื่อไร ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ คนจะคัดค้านไม่ได้

นายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบ การใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม ่ของมูลนิธิศึกษาธรรม เพื่อสิ่งแวดล้อม สังกัดวัดพระธรรมกาย เนื่องจากมีข่าวนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หากเป็นจริงต้องตักเตือนและหากยังดื้อดึงต้องยึดที่คืน ได้รับอนุมัติไป 3 แปลง เนื้อที่พันไร่เศษ� และยังมีคำขอที่ค้างอยู่อีก 7 คำขอ แต่หลังจากที่วัดนี้ ถูกตรวจสอบ เรื่องการแนวคำสอนที่บิดเบือน ไปจากคำสั่งสอน ทางกรมป่าไม้ จึงได้ระงับการขอเช่าที่ดินไว้ทั้งหมด คำขอทั้งหมด เป็นการอนุมัติ ก่อนที่นายปลอดประสพจะมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้

"ความจริง กรมป่าไม้ก็ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเพราะผมกับพระไชยบูลย์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต่างก็เป็นเพื่อนสนิท สมัยผมเป็นนิสิตคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์(ไชยบูลย์ ธัมมชโย)เรียนเศรษฐศาสตร์ ปีเดียวกัน แต่เมื่อทางฝ่าย หลวงพ่อธัมชโย หันมาเอาดีทางด้านศาสนา ความสัมพันธ์ จึงขาดหายไปบ้าง แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ สำหรับการแก้ไข ปัญหาวัดธรรมกายนั้น ผมเห็นว่าเป็นเรื่องการถือทิฐิ ของเจ้าอาวาส ถ้าท่านยอมลดการยึดมั่น ถือมั่นลงมาบ้าง ทุกอย่างก็น่าจะจบลงด้วยดี ทางออกที่ถูกต้อง ฝ่ายฆารวาสควรร่วมมือกัน ทำความเข้าใจกับเจ้าอาวาส ช่วยกันโน้มน้าวจิตใจ ให้บอกให้เลิกถือทิฐิและหันมาเปลี่ยนแนวคำสอนให้อยู่ในกรอบของ ศาสนาอย่างบริสุทธิ์ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตา เล่นงานกันอย่างเดียว "

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวด้วยว่า จากที่ได้ติดตามข่าวสารมาตลอดค่อนข้างจะเชื่อว่า คำสอนของวัดพระธรรมกาย บางข้อผิดไปจากหลักการ ของพุทธศาสนา ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่า มันผิดอยู่จริง แต่พระไชยบูลย์ยังเชื่อว่าถูกต้อง ไม่ยอมรับ ฟังคำแนะนำใคร ปัญหานี้จึงไม่ยุติเสียที แต่เชื่อเรื่องนี้ยังมีทางออก ตนจะช่วยได้บ้าง ก็คือ ขออาสา เป็นคนกลาง เข้าไปมนัสการ วิงวอนให้ยอมเปลี่ยนแนวคิดหันกลับมายึดหลักการของศาสนาอย่างบริสุทธิ์ ตนเข้าไปพูดคุย ในฐานะ ของเพื่อนเก่า ไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างหรือทำลายวัดพระธรรมกาย

อีกประเด็นหนึ่ง ที่นายปลอดประสพจะขอร้องคือ ให้ยุติการเรี่ยไรบุญโดยเด็ดขาด เนื่องจากเท่าที่ได้ยินได้ฟังมาตอนนี้ ทางวัด และลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ชักชวนคนเข้าวัด ทำบุญอย่างต่อเนื่อง ขัดกับความรู้สึกของชาวบ้านมาก และไม่ใช่ จะขอให้ยุติการรับบริจาคเท่านั้น แต่จะขอให้เปลี่ยนมาให้คืนสังคม โดยเฉพาะ เรื่องทรัพย์สิน ที่ถือครองอยู่มากมาย ควรนำมาจัดทำบัญชีแล้วสำรวจดูว่ามีส่วนไหนบ้างที่พอจะตัดแบ่งออกมาแจกชาวบ้านได้ เรียกว่า เป็นการคืนบุญ ให้สังคมซึ่งจะเป็นการทำให้ วัดพระธรรมกายเองดูดีขึ้นในสายตาของคนทั่วไป

"ช่วงที่เป็นนิสิตด้วยกัน ต้องยอมรับว่าเจ้าอาวาสสมองดีมาก และเล่นหมากรุกเก่งทำให้วางแผนเก่ง เพื่อนทั้งหมดยกนิ้วให้ แต่เจ้าอาวาส จะเป็นคนที่มีทิฐิมาก มาแต่เก่าก่อน หากละทิฐินี้ได้ผมคิดว่าน่าจะจบด้วยดี"

ศูนย์วิจัย กรุงเทพโพลล์ สำรวจความเห็น มุมมองประชาชน ต่อการแก้ปัญหาสำคัญในปัจจุบัน ของรัฐบาลปรากฎว่า มีการสำรวจปัญหาธรรมกายด้วย โดยผู้ที่มีความรู้ปริญญาตรีขึ้นไป 58.5% ของกลุ่มตัวอย่าง เห็นว่ามหาเถรฯ ใช้ข้อมูลรัฐบาลน้อย ในการตัดสินปัญหาธรรมกาย และความรู้ต่ำกว่าปริญญาตรีลงมา 54.2% ก็มีความเห็น เช่นเดียวกัน