เดลินิวส์ 1/4/2542

บี้อธิบดีศาสนาปิดบังลิขิตสังฆราชฯ

อธิบดีกรมการศาสนา เก้าอี้ร้อน กรรมาธิการศาสนาฯประกาศเอาเรื่องการปิดบังพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชสางปัญหาธรรมกาย ลั่นคำใครใช้เล่ห์เหลี่ยมจะจัดการ ระวังจะเสียคน"อาคม"มั่นใจพระลิขิตแจ่มชัดไม่ต้องถกอีก ระบุกรมศาสนาอ้างมหาเถรฯ บางรูปขอให้ปิดไว้ จะคุยกับอธิบดีอีกครั้งว่าที่ทำงานบกพร่องเป็นอย่างไร

จากกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงมีพระลิขิตให้กรมการศาสนาใช้ตัดสินปัญหากรณีธรรมกายใน 2 ประเด็นคือ การสั่งสอนผิดเพี้ยนบิดเบือนพระธรรม โดยกล่าวหา พระไตรปิฎกบกพร่อง ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นสองฝ่าย มี ความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เป็นอนันตริยกรรม หรือกรรมหนักสุดทางศาสนาต้องมีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก นอกจากนั้นสมบัติเกิดขึ้น ระหว่างบวช ต้องมอบให้วัด
ทันทีเพื่อความถูกต้อง แต่กรมการศาสนา ไม่ยอมเสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ นั้น

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่าเรื่องนี้ตนได้รับรายงานจากนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาว่า ไม่ใช่กรม จะไม่สนอง พระบัญชา แต่กรรมการ ในมหาเถรฯบางรูปเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เช่นกรณีการถือครองที่ดินอยากให้พิจารณาอย่างรอบคอบ จึงไม่ได้เสนอ เข้าที่ประชุม มหาเถรฯ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เพราะพิจารณาไม่ทัน จึงจะนำเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ ครั้งต่อไป

"เมื่อมีการนำ พระลิขิต เสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรฯเชื่อว่าคงไม่ต้องพิจารณาอีก เพราะชัดเจนอยู่แล้ว หากจะเปลี่ยนแปลง มติของมหาเถรฯใหม่คงมีความชัดเจนขึ้น โดยมติเดิม 4 ข้อ เกี่ยวกับกรณีธรรมกายก็มีว่า วัดพระธรรมกาย ต้องทำตามระเบียบมหาเถรฯ ทุกอย่างการไม่นำพระลิขิต เข้าพิจารณายังไม่ถือว่า กรมการศาสนาบกพร่อง คงไม่ใช่การหมกเม็ด แต่ต้องพูดคุยกับนายพิภพอีกครั้งว่าการที่กรมทำงานบกพร่องนั้นเป็นอย่างไร" ส่วนนายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการการศาสนา เปิดเผยว่าการประชุมกรรมาธิการในวันนี้ ไม่ได้พิจารณา ปัญหากรณีธรรมกาย และมีมติให้รอผลการประชุม มหาเถรสมาคมใน วันที่ 5 เม.ย. นี้ก่อน โดยจะนำผลสรุปของมหาเถรฯ พร้อมพระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราชฯ เข้าที่ประชุมในสัปดาห์หน้า และจะมีมติที่ชัดเจนว่า จะปฏิบัติอย่างไรเพื่อความโปร่งใส เป็นไปตามความประสงค ์ของสมเด็จพระสังฆราชฯ พระลิขิตนี้เหมือนกับท่าน มีวัตถุประสงค์ให้ นายกรัฐมนตรีและทุกหน่วยงานเป็นเครื่องมือให้มหาเถรฯ เพื่อแก้ปัญหา โดยรัฐบาล ควรมีเครื่องมือมาช่วยเหลือให้เร็วกว่านี้

"อยากฝากถึง กรมการศาสนา ที่ไม่นำพระลิขิตเข้าที่ประชุมนั้น ใครก็ตามที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิงอย่างนั้น ไม่ควรทำจะทำให้เสียคนได้ ควรทำอะไร ตรงไปตรงมามากกว่า และเชื่อว่าสื่อมวลชนจะไม่หยุดติดตามรวมถึงกรรมาธิการด้วยหากพบว่าใครใช้เล่ห์เหลี่ยมจะเอาเรื่อง หากกรรมการมหาเถรสมาคม ที่เป็นพระราชาคณะเห็นว่าไม่ควรพิจารณาพระลิขิตก็ให้บอกมาว่ามีเหตุผลอะไร
ไม่ใช่มาหมกเม็ด เป็นสิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะพระลิขิต เป็นเรื่องดี เป็นการเน้นย้ำและกำหนดแนวทางให้ปฏิบัติตาม เป็นแบบอย่างแก่วัดและพระทั่วประเทศ "

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พระนครศรีอยุธยา วัดพระธรรมกายใช้แนวทางใหม่ในการเกณฑ์คนไปบวชเณรและบวชพระที่วัดพระธรรมกาย โดยการใช้ชื่อ องค์กรนักศึกษา ชมรมต่าง ๆ ไปเชื้อ เชิญ โดยพระครูชินธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสิกุก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าในวันที่ 1 เม.ย.นี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการบวชภิกษุ 414 รูป และสามเณร 1,548 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาส 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยที่วัดสิกุกบวช 150 รูป และทำมา 17 ปีแล้ว ที่ผ่านมาวัดพระธรรมกายส่งหนังสือให้ร่วมกิจกรรม แต่วัดไม่เห็นความจำเป็น ล่าสุด ก็ให้คน ส่งหนังสือมาอีก แต่อ้างเป็นองค์กรนักศึกษา โดยระบุว่าข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็น การทำลายศาสนา และแทบทุกวัดในจังหวัดพระ นครศรีอยุธยา ก็ได้รับการติดต่อ

พระครูสังฆรักษ์สำอางค์ จตุตสฺลโล เจ้า อาวาสวัดใบบัว ต.หัวเวียง อ.เสนา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย ที่จะให้คนไปวัดพระธรรมกาย หรือบวชด้วย เพราะวัดในท้องถิ่น ก็มี และวัดพระธรรมกายยังสะสางปัญหาไม่ได้ทั้งในแง่คำสอน และการถือครองที่ดิน การสอนให้คนทำบุญ เพียงแต่ละบาป ตัวบุญก็ปรากฏแล้ว ที่สำคัญต้องสอนให้กตัญญูพ่อแม่ ไม่ต้องสร้างสิ่งล่อใจไม่ต้องอ้างนรก สวรรค์ ถ้าทำชั่วให้สร้างพระสักกี่องค์ กี่หมื่นกี่ล้านบาท ก็ไม่มีประโยชน์

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่า วัดหลายแห่งได้นำหนังสือเผยแพร่แบบใหม่ของวัดพระธรรมกายมาให้ดู โดยอ้างว่าทำโดยชมรมพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื้อความมีการตั้งคำถามเชิญ ชวนให้คิดว่ารู้ไหมพุทธศาสนากำลังถูกทำลายให้หมด โดยอ้างกรณีธรรมกาย ถูกโจมตี เพราะศาสนาอื่น จะเข้ามาแทนที่ สุดท้ายของหนังสือก็บอกว่ามหาเถรสมาคมไม่ควรด่วนพิพากษาจนเกินงาม และให้สนับสนุน วัดพระธรรมกาย ให้ยิ่งใหญ่เหมือนศาสนาอื่น ทำให้พระภิกษุที่ได้รับหนังสือตอบคล้ายกันว่าหนังสือที่ออกมาเป็นแนวร่วมวัดพระ ธรรมกายหรือวัดทำเอง ไม่เหมาะสม ตรงชี้นำมหาเถรฯ และการให้สนับสนุน ธรรมกายให้ใหญ่เหมือน ศาสนาอื่นคงเข้าใจผิด เพราะธรรมกายไม่ใช่ศาสนาราชการควรรีบจัดการ หากจะให้ทำ ประชาพิจารณ์ ลงมติก็พร้อมจะทำ

ในวันเดียวกัน ที่วัดบวรนิเวศวิหารฯ เวลา 09.00 น. กรรมการมหาเถรสมาคมเป็นเจ้าภาพทำบุญบำเพ็ญกุศลให้กับพระมหารัชมงคลดิลก และพระเทพวิสุทธิญาณ ที่ศาลา 150 ปี โดยมี สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จพิธีนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาเดินลงมาเห็นผู้สื่อข่าว ก็มีสีหน้าไม่ดีและพยายามหนี แต่ผู้ สื่อข่าววิ่งกรูเข้าไปถาม จะมีการประชุมมหาเถรฯวันที่ 5 เม.ย. แน่นอนหรือไม่และจะนำเรื่องพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ เข้าพิจารณาด้วยหรือไม่ ซึ่งนายพิภพ กล่าวว่า "ไม่รู้ ไม่พูด วันนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์" ผู้สือข่าวถามว่า ทราบเรื่องรมช.อาคม อาจมีการปรับเปลี่ยนบทบาทการทำงานของกรมการศาสนา หรือยัง นายพิภพกล่าวว่า "เดี๋ยวผมไปคุยกับท่านเอง อะไรกันนักหนา" ผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมมหาเถรฯ ไม่ใช่เรื่องลึก ลับอะไร น่าจะสามารถ ชี้แจงตามข้อเท็จจริงได้ไม่ใช่หรือซึ่งนายพิภพ กล่าวว่า "เลอะเทอะ"

จากนั้นผู้สื่อข่าว ก็ได้นั่งรอ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ในฐานะเจ้าคณะหนกลางเกี่ยวกับพระลิขิต ปรากฏว่า พระมหาธีราจารย์ ยกมือขวาขึ้นมา เอานิ้วชี้งอแตะกับนิ้วโป้ง ส่วนอีก 3 นิ้วปล่อยตั้งขึ้น ผู้สื่อข่าวซักถามความหมาย สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า "ไม่บ้าก็ทำเหมือนบ้า ไม่ได้เป็นใบ้ ก็เหมือนเป็นใบ้" ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่ามีคนไม่ต้องการให้ท่านพูดใช่หรือไม่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ถอนหาย ใจ พร้อมกับ พยักหน้ารับ บอกว่า "ใช่" และขึ้นรถเดินทางกลับ

ทางด้าน นายอำนาจ บัวศิริ นักวิชาการระดับ 8 กระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันว่ากรมการศาสนาได้ทำหน้าที่สมบรูณ์แบบแล้ว และมีการ นำพระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ไปเสนอต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งข้อคิดเห็นของกรรมการแต่ละรูปก็เห็นชอบกับข้อเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่สำคัญที่ประชุมใน วันนั้นได้มีการพูดอีกว่า หากมีการเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา ก็สามารถนำมาพิจารณาอีก โดยให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นำข้อมูลมาเสนอ แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลายฝ่ายที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ล้วนแล้ว แต่ไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงไม่ทราบข้อเท็จจริง อธิบดีกรมการศาสนานั้น เป็นเพียง เลขาธิการ มหาเถรสมาคม
ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใด ๆ