เดลินิวส์ 30/3/2542

วิทยุ'ธรรมกาย'สอนผิดถอนแน่

อธิบดีกรมศาสนาร้อน แจ้นพบ "ม.ล.จิตติ"ถึงวัดบวรฯ หลังสื่อมวลชนประโคมข่าวมือมืดเก็บเงียบ พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ยืนยันนำเข้าที่ประชุมมหาเถรฯ แล้ว ไม่ได้เก็บเงียบ แต่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชให้แจกจ่ายพระดำรัสให้สาง
ปัญหาวัดพระธรรมกายทั้งในแง่การถือครองที่ดิน กับเรื่องทำให้ฝ่ายสงฆ์แตกแยกแก่กรรมการมหาเถรฯ หวังให้มีการพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป 31 มี.ค.นี้ ศิษย์ห้องกระจกระบุชัดถวายฎีกา แก่มติมหาเถรฯ เป็นเรื่องดี ทำเมื่อใดพร้อมร่วม ด้วย วิทยุ พล.1 ถล่มซ้ำเตรียมถอดถอนรายการ ธรรมะวัดฉาว หากพบว่าจัดรายการสวนทางมติมหาเถรฯ แถมบอกบุญประชาชน ผ่านรายการ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ได้เดินทางเข้าพบ ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ลูกศิษย์คนสนิท สมเด็จพระสังฆราชเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับพระลิขิต ที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ จากนั้นได้ชี้แจงว่าพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชนั้น ทางกรมการศาสนา ได้รับเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และได้นำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคมในวันเดียวกัน ซึ่งทางมหาเถรฯ ก็ได้พูดคุยในที่ประชุมแล้ว โดยทางกรมก็ยังรับเอาพระลิขิตมาดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ สรุปนำเข้าในวันที่ 26 มี.ค. อีกครั้ง และทางมหาเถรฯ ขอเวลานำพระลิขิตกลับไปศึกษาในรายละเอียดให้รอบคอบ เพื่อนำเข้าสู่การประชุมมหาเถรฯ ครั้งต่อไป

"กรมการศาสนา ขอยืนยันว่าไม่ได้ละเลยอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ถ้าจะถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่นั้น ขอบอกว่า กรมการศาสนา ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการละเลยหน้าที่ แต่สงสัยว่า บางทีบางเรื่องไม่น่าจะเป็นข่าวก็เป็นข่าว"

ด้านม.ล.จิตติกล่าวว่า อธิบดีกรมการศาสนามาสอบถามว่าได้ตำหนิการกระทำของกรมการศาสนาหรือไม่ ซึ่งก็ได้บอกไปว่า ไม่ได้ตำหนิอะไรเพียงแต่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังเท่านั้น อธิบดีฯก็บอกว่าไม่ค่อยสบายใจ เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น และยังได้ถามด้วยว่าเป็นผู้ให้ข่าวใช่หรือไม่ ก็บอกว่าได้พูดไปตามข้อเท็จจริง และยอมรับกับสื่อมวลชนว่า มีบันทึกพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชจริง

ม.ล.จิตติกล่าวว่า ดังนั้นสมเด็จพระสังฆราชจึงทรงมีรับสั่งให้นำพระลิขิตนี้ไปถ่ายสำเนาเอกสาร จำนวนเท่ากับ กรรมการมหาเถรฯเพื่อนำเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้นไม่คิดทำลายใคร แต่อธิบดีกรมการศาสนา ได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกาลเทศะ บางเรื่องไม่ควรพูด ก็อย่าเพิ่งพูด เพราะอาจจะไม่เกิดผลเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัว คิดว่าใครจะเขียนถูกเขียนผิดหรือมีผล กระทบกับใครก็แล้วแต่หากเป็นผลดีกับพระศาสนาก็ไม่เป็นไร

ต่อข้อถามที่ว่า หากมีการรวบรวมรายชื่อ เพื่อถวายฎีกาสมเด็จพระสังฆราช ให้มีการทบทวนมติมหาเถรฯใหม่นั้น ม.ล.จิตติกล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางปฏิบัติและยินดีที่จะร่วมลงชื่อด้วย ขอสนับสนุนเต็มที่ สมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่เป็นพระผู้ใหญ่ที่ตรัสน้อย หากเรื่องใด ที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระราชวินิจฉัยออกมา จะมีเหตุผล ที่ครบสมบูรณ์ จะไม่มีใครสามารถทัดทานได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางมาพบ ม.ล.จิตติครั้งนี้ของอธิบดีกรมการศาสนา ปรากฏว่านายอำนาจ บัวอิ่ม นักวิชาการระดับ 8 กระทรวง ศึกษาธิการ ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการ รวบรวมข้อเท็จจริง ของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกับนายสำรวย สารัตถ์ ผอ.สนง.เลขาธิการ มหาเถรสมาคมร่วมเดินทางมาด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนที่จะเดินทาง มายังวัดบวรนิเวศฯนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่อง พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช จากอธิบดีกรมการศาสนาแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ตอบรับ บอกแต่ว่า 2 ประเด็น ในพระลิขิตนั้นอยู่ใน 4 ประเด็น ของข้อสรุปพระพรหมโมลีแล้ว ทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องวินัยสงฆ์เรื่องนี้จะจบอยู่แล้วยังจะมาเอาอะไรอีก

นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงกรณีบทลงโทษวัดพระธรรมกายว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ ในส่วนของคณะผู้ปกครองสงฆ์นั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยให้มีการเปลี่ยนแปลง 4 ประการสำคัญตามมติ ของมหาเถรสมาคม ที่เห็นว่าความผิดของวัดพระธรรมกายนั้นไม่ต้องปาราชิก โดยได้มีการ กำหนดระยเวลาไว้ให้ 30 วันถึงวันที่ 22 เม.ย. นี้ และหากไม่ดำเนินการ ก็จะเรียนให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ทราบต่อไป ส่วนในเรื่องความผิดทางกฎหมายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธรภาค 1 จะได้ดำเนินการตามที่มีประชาชนร้องทุกข์ต่อไป

สำหรับกรณ ีที่มีการเรียกร้องให ้มีการปรับโครงสร้างของมหาเถรสมาคมนั้น นายอาคมกล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการเห็นว่า ยังต้องให้คณะสงฆ์ปกครองกันเอง แต่พระผู้ใหญ่นั้นจะใช้หลักเมตตาธรรม เป็นหลักเมื่อผิดแล้วก็ให้อภัย ขณะนี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กระทรวงศึกษาฯ คิดอย่างเดียวว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.มาส่งเสริมกิจการพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่จะไม่มีการก้าวก่าย คณะสงฆ์อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากกองทัพบกว่า กองทัพบกได้สั่งการให้คณะกรรมการสถานีวิทยุกองพลที่ 1 รักษาพระองค์จับตาดู การจัดรายการ เผยแพร่ธรรมะของวัดพระธรรมกายที่เช่าเวลาสถานีออกอากาศในช่วงเวลา 19.30-20.00 น. ของวันเสาร์ และวันอาทิตย์เป็นประจำ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้เพื่อจะได้รู้ว่า ทางวัดได้ดำเนินการ ตามมติของมหาเถรสมาคมหรือไม่ อย่างไร ก็ตามการติดตามครั้งนี้ จะเกี่ยวพันไปถึงเรื่อง ของการบอกบุญ ให้ประชาชนไปร่วมกิจกรรม หรือบริจาคเงินเหมือนที่ผ่าน ๆ มาด้วย โดยทางคณะกรรมการฯ ได้แจ้งให้ทางผู้จัดทราบแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ดำเนินการในเรื่องนี้อีกต่อไป

ส่วนที่มีข่าวว่า น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นผู้จัดรายการ ด้วยคนหนึ่ง ยังคงมีการบอกบุญอยู่นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากเป็นความจริงทางคณะกรรมการฯจะตั้งเรื่องเพื่อเสนอถอดถอนรายการนี้แล้ว และจะทำรายงาน ให้ทางกองทัพบกทราบอีกครั้งหนึ่งเพื่อชี้แจงเหตุผลในการถอดถอนรายการดังกล่าว.