เดลินิวส์ 18/3/2542
จี้สอบเงิน'ธัมมชโย' กว้านซื้อที่นับพันไร่ ไปเอามาจากไหน
ทนายแมกไซไซ จี้สอบเงิน"ธัมมชโย"ไปกว้านซื้อที่นับพันไร่เอามาจากไหน ถ้าเป็นเงินวัดฟ้องยึดคืนได้ทันที พบกฎหมายคณะสงฆ์ให้อำนาจจัดการ"ธัมมชโย" ถึงขั้นจับสึก ฐานทำผิดพระวินัย เป็นอาจิณ เฉพาะการไปซื้อที่ดิน มาเก็บไว้ใส่ชื่อตัวเองนับพันไร่ก็ศีลขาดต่อไม่ติดมาตลอดแล้ว อยู่ที่มหาเถรฯ ชี้ขาด 19 มี.ค.นี้ พระอดีตแกนนำชาวนาปทุมฯ แจ้งความดำเนินคดีวัดฉาวอีกที่ สภ.อ. คลองหลวง ไล่จากเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ศิษย์คนสนิท ข้อหาทำลายศาสนา หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลอกลวงต้มตุ๋น
ปัญหาวัดพระธรรมกาย จะมีการชี้ขาดในที่ประชุมมหาเถรสมาคมในวันที่ 19 มี.ค.นี้ โดยประเด็น ที่มีการเรียกร้อง ก็คือให้นำปัญหาความไม่เหมาะสมหลายประการ ของพระราชภาวนาวิสุทธิ์(พระไชยบูลย์�ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าพิจารณาด้วย โดยหนึ่งความไม่เหมาะ สมได้แก่ การที่ไปกว้านซื้อที่ดิน จำนวนมหาศาลนับพันไร่โดยใช้ชื่อ-นามสกุลจริงคือพระไชยบูลย์ สุทธิผล เข้าไปครอบครอง
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา นายทองใบ ทองเปาว์ ทนายความรางวัลแมกไซไซ เปิดเผยว่าการที่จะไปออกข้อกำหนดห้ามไม่ให้พระไชยบูลย์ ซื้อ-ขายที่ดินจะทำไม่ได้ เพราะพระไชยบูลย์ มีฐานะเป็นบุคคลจึงไม่สามารถบังคับ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 48 ระบุสิทธิในทรัพย์สินย่อมได้รับสิทธิคุ้มครอง พระในฐานะบุคคล จึงมีสิทธิที่จะซื้อขายที่ดินได้ อย่างไรก็ตามประเด็นอยู่ที่ว่า ทำไมพระถึงได้มีเงินมากมาย จนซื้อที่ดินได้ขนาดนี้ จึงต้อง พิสูจน์ว่าทรัพย์สินเงินทองที่นำมาซื้อที่ดินเป็น เงินของวัด หรือว่าเป็นเงินส่วนตัวของพระ หากเป็นเงินของวัด โดยพระเข้าไปทำการจัดซื้อแทนก็สามารถบังคับให้โอน
กรรมสิทธิ์มาเป็นของวัดได้ ถึงที่สุดแล้วหากพระไชยบูลย์ สึกจากการเป็นพระ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของวัด
ที่ต้องติดตามฟ้องร้องกลับคืนมาได้อีก"ถึงแม้ว่า ขณะนี้พระไชยบูลย์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ภายในวัดก็ตาม หากภายหลังจากที่พระสึกออกไปวัดในฐานะองค์กรนิติบุคคลต้องฟ้อง ร้องเอากลับคืน ขอย้ำว่า ต้องพิสูจน์ให้แน่ชัด ก่อนว่าเอาเงินวัด หรือเงินส่วนตัวพระไชยบูลย์ ความน่าสนใจของเรื่องที่ดินนี้ อยู่ที่ว่าในระหว่างที่พระไชยบูลย์ ยังมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ ก็ยังสามารถซื้อขาย จ่ายโอนได้ตามความพอใจและความชอบใจก็ดี โดยเสน่หาก็ดี ย่อมกระทำได้"
นายทองใบยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าคิดคือเรื่องนี้ ขัดต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนที่ว่า ทำไมพระถึงได้มีที่ดินมากมาย ถ้าทรัพย์สินที่ได้มาอยู่ในระหว่างเป็นพระ ทรัพย์สินเหล่านี้ต้องตกเป็นของวัด ไม่ว่าจะเป็นชื่อใครก็ตาม คนอาจตั้งข้อสงสัยได้ว่าใช้ผ้าเหลืองบังหน้า เพราะที่ดินที่ซื้อหามาไม่ใช่ใช้เงินบาทสองบาท ทางออกของเรื่องนี้ ควรโอนที่ดินทั้งหมดมาเป็นของวัด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นายทองใบยังกล่าวอีกว่า ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์�พ.ศ. 2505 ให้อำนาจมหาเถรสมาคมในการจัดการปัญหาการซื้อที่ดินของพระไชยบูลย์ โดยอาจถึงขั้น จับสึกหากมหาเถรสมาคมเห็นว่าผิด ทั้งนี้ เนื่องจากพระไชยบูลย์เข้าไปกว้านซื้อที่ดินโดยใส่ชื่อจริง นามสกุลจริงว่า พระไชยบูลย์�สุทธิผล โดยซื้อหลายแปลงติดกัน มีชื่อตัวเองครอบครองพันไร่เศษ�ซึ่งถือว่าผิดตามพระวินัยสงฆ์หรือผิดศีลข้อ 9-10 โกสิยวรรคที่ 2 ที่ห้ามภิกษุซื้อ-ขายสิ่งของด้วยเงินทอง และห้ามแลกเปลี่ยนสิ่งของกับคฤหัสถ์
ตามกฎหมายคณะสงฆ์มาตรา 15 ตรี กำหนดไว้ชัดว่า มหาเถรสมาคม มีอำนาจรักษาพระ ธรรมวินัยของพระพุทธศาสนาและในมาตรา 15 จัตวา กำหนดว่า เพื่อรักษาพระธรรมวินัยและเพื่อรักษาความเรียบร้อยดีงาม ของคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจะตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดโทษหรือวิธีลงโทษทางการปกครอง สำหรับพระภิกษ ุและสามเณรที่ประพฤติให้เกิดความเสียหาย และการปกครองของคณะสงฆ์ได้ โดยการซื้อที่ดินของพระไชยบูลย์ที่ผิดพระวินัย ก็เข้าตามมาตรานี้และมหาเถรสมาคมสามารถออกกฎระเบียบมาจัดการได้
นอกจากนั้นในกฎหมายเดียวกันมาตรา 27 (2) กำหนดไว้ว่าหากพระภิกษุรูปใด ต้องด้วยกรณีประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ให้ภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม ซึ่งกรณีการซื้อที่ดินหลายครั้ง ติดต่อกันถือเป็นการทำผิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดอยู่ที่มหาเถรสมาคมที่เห็นว่าเข้า ข่ายก็ทำได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจไว้
พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระไชยบูลย์ซื้อที่ดินไว้ในครอบครองเป็นของตนเองว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นการ
กระทำความผิดที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งผิดศีลที่ห้ามพระภิกษุซื้อขายสิ่งของด้วยเงินทอง ทางธรรมแล้วนับเป็นความผิดที่ปลงอาบัติก็ต่อศีลได้ แต่ก่อนที่จะมีการปลงอาบัติ พระไชยบูลย์ ต้องถ่ายโอนที่ดินทั้งหมดมาเป็นของวัดเสียก่อน หาไม่แล้วการปลงอาบัติกี่ครั้งก็ไม่สามารถต่อศีลได้ เท่ากับว่ายังศีลขาดอยู่ โดยมิได้มีการต่อให้ถูกต้อง เพราะผู้เป็นพระจะต้องลดละเลิกและไม่สะสม ทว่าเป็นทางโลกความผิดที่เกิดขึ้นเท่ากับโลกวัชชะ แต่ถ้าเป็นทางสังคมการลงโทษไม่ใช่แค่ปลงอาบัติ แต่สังคม จะประณามการกระทำที่เป็นการเบียดบังเงินที่บริจาคให้วัด แล้วนำมาซื้อที่ดินเป็นของตนเอง เป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้พระบานเย็น ชินวโร หรือพระบานเย็น ดวงระยศ อดีตแกนนำชาวนาปทุมธานีที่มีปัญหาพิพาทการซื้อที่ดินกับวัดพระธรรมกายในช่วงปี 2528-2533 จะเข้าร้องเรียนดำเนินคดี กับพระไชยบูลย์ รวมถึงพระแกนนำในวัด และอุบาสกคนสนิทอีกหลายคน ที่ สภ.อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในข้อหาร่วมกัน หลอกลวงผู้เช่านา ของกองมรดก ม.ร.ว. สุวพรรณ สนิทวงศ์,บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาบิดเบือนคำสอน
นิพพานเป็นอัตตา โฆษณาต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้แห่งการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า และอวดตัวเป็นต้นธาตุต้นธรรม, หมิ่นพระบรมเดชานุภาพและมีพฤติกรรมบ่อนทำลายความมั่นคง.