page4

เดลินิวส์ 6/3/2542

ธรรมกายดูดทรัพย์อีก ออกเทปขาย'อวดอุตริ'

ปัญหาธรรมกายอาจถึงขั้นมีคนติดคุก มหาเถรฯลงมตินำผลสรุปกรรมาธิการศาสนาฯประกอบการติดสิน ระบุมีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯตัดต้นไม้มงคลทิ้งรวมอยู่ด้วย เรื่องนี้ตำรวจตามกลิ่นหาหลักฐานแล้วพบมีมูล ยังไม่นับอีก 3 กรณีที่เข้าข่ายด้วย "ธัมมชโย" สู้หัวชนฝา ประกาศเป็นรัฐอิสระไม่สนคำตัดสินเจ้าคณะภาค 1 ที่จะห้ามไม่ให้สอนนิพพานเป็นอัตตา ออกเทปขายโต้แหลกไม่บรรลุธรรมก็ไม่มีทางเห็นพระพุทธเจ้าใน
อายตนนิพพานสูงใหญ่หลายสิบวา ยันอวดปาฏิหาริย์ไม่ผิดอ้างพระพุทธเจ้าใช้มาตลอด ใครค้านเรื่องนี้บิดเบือนศาสนา สุดท้ายให้สาวกสร้างธรรมกายเจดีย์แบบทุ่มชีวิต รับประกันทำครั้งเดียวกำไรทุกชาติ

ุเมื่อวันที่ 5 มี.ค. มีการประชุมมหาเถรสมาคม โดยนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้แสดงความเป็นห่วง กรณีของวัดพระธรรมกาย และมีมติให้นำเอกสารข้อมูลที่คณะกรรมาธิการ การศาสนา สภาผู้แทนฯ เสนอมาเพิ่มเติมนำไปมอบให้แก่พระพรหมโมลีใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการพูดถึงกรณีของวัดพระธรรมกายเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พ.ย.41 ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้พระพรหมโมลีเป็นผู้ดำเนินการ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 42 เป็นการนำเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่หลายฝ่ายรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม และที่ประชุมก็มีมติให้มอบข้อมูลทั้งหมดให้แก่พระพรหมโมลี และครั้งที่ 3 คือในวันนี้

"เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ผมได้ไปนมัสการพระพรหมโมล ีได้มีการหารือกัน ท่านก็บอกว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว แต่เอกสารมีมาก ต้องให้เวลากับท่านบ้าง และผมก็คงจะไม่ไปรบกวนท่านอีก" นายพิภพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผลสรุปของกรรมาธิการการศาสนาฯจะมีข้อมูลที่ทำให้ถึงขั้นสึกพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาส เพราะมีเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรมหรือการอวดวิเศษที่ผิดถึงขั้นปาราชิกต้องจับสึก,เรื่องสีกา และธุรกิจวัด ซึ่งเดิมทีแนวทางของพระพรหมโมลีเพียงแต่จะเรียกให้พระไชยบูลย์มาแก้ไขเรื่องคำสอนเท่านั้น

นอกจากนั้นในรายงานของกรรมาธิการการศาสนาฯ ยังมีจุดสำคัญ ที่จะทำให้เกิดการดำเนินคดีกับพระไชยบูลย์ได้ด้วยในเรื่องการเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยกรรมาธิการการศาสนาฯสรุปว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้น่าจะมีมูล

สำหรับเรื่องที่กรรมาธิการได้มีการเก็บข้อมูลรวมถึงการถ่ายภาพไว้แล้วด้วย ได้แก่การสั่งตัดไม้มงคลที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงปลูกไว้ 2 ต้น เมื่อปี พ.ศ. 2522 เมื่อครั้งทรงเททอง หล่อพระประธาน และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ได้ทรงปลูกไว ้เมื่อครั้งเสด็จวางศิลาฤกษ์อุโบสถพระองค์ละ 2 ต้น โดยต้นไม้ทั้ง 6 ต้นเป็นต้นบุนนาคและต้นกันเกรา เรียงรายหน้าพระอุโบสถ

ในรายงานกรรมาธิการการศาสนาฯระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้นไม้ทั้งหมดพระไชยบูลย์สั่งให้โค่นทิ้งหมดในปีพ.ศ. 2530 เพราะแค้นเคืองจากสาเหตุการขอสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ แต่ได้เพียงระดับพระครูเท่านั้น แม้ภายหลังจะมีการปลูกทดแทนเข้าไปก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะได้มีพยานรูปถ่ายที่แสดงให้เห็นว่ามีการโค่นต้นไม้ทิ้ง รวมถึงต้นไม้ที่ปลูกใหม่ก็มีร่องรอยที่พิสูจน์ได้

ปัญหาการโค่นต้นไม้มงคลนี้ ยังได้มีการสืบสวนทางลับจากตำรวจหลายหน่วยงาน ซึ่งส่อเค้าว่าจะเป็นไปตามที่กรรมาธิการการศาสนาฯ สรุป

สำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่เข้าข่ายหมิ่นพระ บรมเดชานุภาพกรรมาธิการการศาสนาฯระบุว่ายังมีเรื่อง การย้ายพระพุทธรูปประธานที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าทรงเททองหล่อไว้เมื่อปี 2522 โดยได้หายไปไม่ทราบอยู่ที่ใด และได้นำพระพุทธรูปหล่อขึ้นใหม ่โดยอาศัยเค้าโครงจากใบหน้า และรูปลักษณ์ของพระธัมมชโยเป็นต้นแบบ นอกจากนั้นยังมีการอ้างอิงสถาบันชั้นสูงเพื่อความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมส่วนตนเอง และของวัดเช่นใช้เป็นเงื่อนไขประกอบการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของอุบาสก อุบาสิ กาที่อุปถัมภ์วัด การขอพระราชทานสมณศักดิ์ของเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2530 การได้สมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญหรือเจ้าคุณในปี 2534 ที่ได้เป็นพระสุธรรมญาณเถระ และได้เป็นพระราชภาวนาวิสุทธิ์ในปี 2539

ที่สำคัญในการซื้อและครอบครองที่ดินของพระไชยบูลย์ ยังไม่ใช้สมณศักดิ์ซึ่งเป็นราชทิน นามที่ได้รับพระราชทาน ในการซื้อหรือถือครองที่ดินตามจังหวัดต่าง ๆ หลายสิบแปลงนับพัน ๆ ไร่ โดยใช้การถือครองที่ดินว่าพระไชยบูลย์ สุทธิผล เป็นการกระทำที่น่าจะเข้าข่ายหมิ่นพระบรม เดชานุภาพ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางการวิจารณ์ปัญหาวัดพระธรรมกายในเรื่องการสอนที่ขัดหลักศาสนาทั้งเรื่องนิพพานเป็นอัตตา เป็นสถานที่ สามารถเข้าไปจับมือถือแขนพระ พุทธเจ้าได้, วิชชาธรรมกายเป็นแค่สมาธิเบื้องต้น, การอวดปาฏิหาริย์และการอวดอุตริมนุสธรรม คือการอวดวิเศษอาทิการอ้างว่านิพพานส่งผังสำเร็จลงมาให้เป็นปีตรัสรู้ธรรมนั้น พระไชยบูลย์ ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยทำเทปรุ่นล่าสุดออกมาขายให้กับสานุศิษย์วัดหลายม้วน

สำหรับเทปม้วนแรกที่น่าสนใจชื่อ "คู่แข่งที่แท้จริง" โดยพระไชยบูลย์กล่าวว่า วิธีการปฏิบัติธรรมมีหลายสิบวิธีนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ถ้าจะมัวแต่พูดโดยไม่ปฏิบัติก็
ไม่มีทางรู้แจ้งเห็นจริง ผู้เข้าไม่ถึงธรรม กายจะมี 2 พวกคือไม่ได้ทำ กับทำแต่ไม่ได้ผลเพราะไม่ถูกวิธี บางพวก
ไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือได้ยินแต่ไม่ได้ปฏิบัติ แล้วยังคงคัดค้านอย่างเดียว ไม่รู้จักธรรมกาย

"ผู้ใดทำไม่ถูกวิธีไม่หยุดนิ่งไม่ต่อเนื่อง สติไม่ครบถ้วน ก็เข้าไม่ถึง ธรรมกายของจริงแท้ ดีจริง เข้าถึงแล้วมีความสุขมาก เปลี่ยนชีวิต จิตใจอยากทำแต่ความดี คิดดี พูดดี ทำดี สังคมอยู่เย็นเป็นสุข วิธีทำลายความสงสัยไม่ใช่พูดคุย โต้แย้ง ถกเถียง เอาชนะด้วยคารมมันไม่ถึงธรรมกาย เกิดมาตายฟรี"

พระไชยบูลย์ยังกล่าวอีกว่าในยุคนี้ ความเห็นมนุษย์แปรเปลี่ยน การที่ชักชวนสร้างพระสร้างเจดีย์กลายเป็นสิ่งไม่ดีแล้ว ทั้งที่เป็นสิ่งที่ใครต้องการ และเป็นสิ่งที่มีมานานแล้วไม่ใช่สิบปี ร้อยปี ไม่ใช่พันปี แต่หลายพันปี ไม่ใช่พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ก่อนหน้านี้สนับสนุนให้สร้างบารมีคนดีที่โลกต้องการ

"เราต้องขอให้บุญบันดาลใครมีความเห็นผิดเพี้ยน ก็ให้เปลี่ยนแปลงใหม่เป็นกุศล หูตา สว่าง ใครจะคิดให้เอาชนะ ให้หยุด พุทธศาสนาไม่มีแพ้ชนะ คู่แข่งที่แท้จริงคือกาลเวลาและพญามารกิเลสในตัว เปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ หากใครปฏิบัติ จะรู้ว่าคนอย่างเราบริสุทธิ์ได้ขนาดนี้เป็นคลังแห่งความดี อัดแน่นเต็มเปี่ยมพร้อมการขยายของใจ เมื่อใจบริสุทธิ์นิมิตจะขยายขึ้นเหมือนมีชีวิต ขยายกว้างขึ้น ๆ ความสุขไม่มีประมาณพรั่งพรูออกมาเหมือนไปเปิดรหัสแห่งความสุข ใจนิ่ง แน่นหนักขึ้น เข้าถึงกายในกาย กายธรรมกายในเรียงรายอยู่ เป็นที่สุดแห่งธรรม ไปถึงอายตนนิพพาน"

พระไชยบูลย์ยังตอบโต้เรื่องการอวดปาฏิ หาริย์ด้วย โดยกล่าวว่าในศาสนาพุทธมีปาฏิหาริย์ 3 ประเภทอิทธิปาฏิหาริย์คือการแสดงฤทธิ์, อา เทศนาปาฏิหาริย์ คือความสามารถในการทายใจบุคคลอื่นและอนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือการสอนธรรมอย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าเปิดหน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายของพระไตรปิฎกล้วนแต่มีปาฏิหาริย์ 3 ประการ บางคราวครบ 3 อย่าง บางคราวใช้ 2 อย่าง บางคราวอย่างเดียว ขึ้นกับสถานการณ์และจริต ขึ้นกับผู้มีบุญ เพื่อทำให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตัว ปาฏิหาริย์เป็นของคู่ศาสนา อย่าไปเชื่อคนไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจ หาว่างมงาย ก็เพราะคนเหล่านี้ทำไม่ได้อย่างพระพุทธเจ้าก็เลยไม่เชื่อว่ามีจริง เป็นจริง

"ปาฏิหาริย์เป็นเรื่องใช้เหตุผลคิดค้านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเหนือความนึกคิด ปาฏิหาริย์มีครบถ้วน บริบูรณ์ในพระพุทธศาสนา ใครพยายามบิดเบือนพระพุทธศาสนาไม่มีเรื่องปาฏิหาริย์อย่าไปเชื่อ พระพุทธเจ้าใช้ปาฏิหาริย์ 3 อย่างในการสั่งสอนตลอดเวลา ความสงสัยจะหมดสิ้นเมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย"

เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว พระไชยบูลย์อ้างว่าจะไปนรกก็ได้ไปสวรรค์ก็ได้ และสามารถนำบุญให้หมู่ญาติได้ด้วยตัวเอง ถ้าตกนรก ธรรมกายลงไปในนรก อานุภาพภาพพระธรรมกาย ทำให้ไฟนรกดับ เครื่องทรมานต่าง ๆ หลุดหมด ความทกุข์ทรมานระงับชั่วคราว ถ้าเป็นบิดา มารดา ก็ช่วยขึ้นมาได้จากนรก ถ้าหากไปอยู่ในสวรรค์ นำบุญไปบอกให้อนุโมทนา มีความสุขในสวรรค์ ถ้าเป็นพรหม เทวดาก็ยิ่งมีสุข

นอกจากนั้นในเทปเรื่อง "พระบรมพุทธเจ้า" ที่พระไชยบูลย์ กล่าวว่ามีพระพุทธเจ้ากำเนิดมาในโลกมากมายกว่า เมล็ดทรายในมหาสมุทร แต่มีพระพุทธเจ้าที่บารมีมากสุด เก่าแก่สุดเรียกว่าบรมพุทธเจ้าวรกายจะใหญ่สุด และจะเห็นต่อเมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาธรรมกายเป็น และจะเห็นทะลุไม่มีอะไรกำบังได้

พระไชยบูลย์กล่าวอีกว่ากายต่าง ๆ มีมาซ้อนกันภายใน ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว เป็นผังสำเร็จ แต่ละกายจะมีดวงธรรมโตใหญ่ขึ้น และน้ำหนักมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ โดยการถวายข้าวพระพุทธเจ้าคือการน้อมเอาเครื่องไทยธรรม
กลั่นเป็นของทิพย์เข้ากลางกาย และจะเห็นกระแสบุญกลางกายยาวเป็นวา

"เราจะเห็นกระแสธารแห่งบุญ ยาวเป็นวาทีเดียวในอายตนนิพพาน ผ่านศูนย์กลางเป็นวา บางคนร้อยวา บางคน 500 วา บุญมาจดกลางกาย แล้วก็จะมีผู้คุมต่างผังสำเร็จ บุญบารมีเหล่านี้จะตั้งผังสำเร็จ มีคำอธิบายคำปรารถนาที่เราตั้งไว้ ถ้าบุญมาก บารมีมากก็เป็นอย่างที่ปรารถนา เห็นบุญเป็นกระแสธาร เห็นผังสำเร็จในกลางกายนั้น ผังสำเร็จไม่ใช่แผ่นกระดาษไม่ใช่วาดอย่างนั้น มันต้องเห็นแจ้งมองเห็นว่าส่งผลอย่างไร เหมือนในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าพยากรณ์ได้อย่างไร ท่านก็มองไปในกลางนั่นแหละ มองดูบุญที่ได้เป็นวา ดูผังเกิดขึ้นแต่เนื่องจากท่านบารมีมาก ธรรมจักขุเห็นแจ้งชัดเจน รู้ว่าผังบุญที่ทำเป็นไปตามปรารถนาในภพนั้น วิชชาธรรมกายจึงดีอย่างนี้ เป็นวิชชาของพระพุทธเจ้าโดยตรง มีอยู่ในตัวของเรา อยากให้รู้เห็นของจริง เมื่อใจหยุดพิสูจน์ได้ เมื่อใจหยาบพิสูจน์ไม่ได้ ชัดแจ่ม ทุกอย่างที่ปรากฏในพระไตรปิฎกปรากฏได้ด้วยวิชชาธรรม กาย"

พระไชยบูลย์กล่าวอีกว่าวิชชาธรรมกายสามารถศึกษาได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกฎแห่งกรรม ภพภูมิ นรก สวรรค์ นิพพาน จักรวาลต่าง ๆ การระลึกชาติ รู้เห็นแตกต่างจากตามนุษย์ เหนือวินัยเหนือการนึกคิด หรือปรัชญา เพราะเป็นวิสัยการเห็นแจ้งอย่างเดียว และอยากให้ทุกคนทั้งโลกเห็น จึงได้สร้าง 3 สิ่งขึ้นมาได้แก่มหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากล และมหาวิหารหลวงพ่อสด เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงทุกคนในโลก

"ใครมีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยสร้าง 3 สิ่งไม่ว่าตะปูสักตัว อิฐสักก้อน ไม้สักแผ่น เป็นทานที่ไม่มีอะไรเสมอเหมือน เพราะช่วยสร้างโลกให้สว่างด้วยแสงธรรม ให้ทุกคนเข้าถึงวิชชาธรรมกาย บุญอะไรจะมาเท่านี้ เมื่ออุทิศตนสร้างด้วยชีวิตในยามยาก มหากุศลที่ยิ่งใหญ่จึงนับประมาณไม่ได้ ให้ดีใจไว้เถิดว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งประเสริฐ แม้เทวดาอยู่บนสวรรค์มีกายละเอียดยังอยากมาทำ เรามีโอกาสดีกว่าท่านเหล่านั้น ทุ่มชีวิตเถิด สุดชีวิต สุดใจ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ วันนั้นเรามาพร้อมใจเพื่อระลึกนึกถึงสิ่งที่ทำมาด้วยความยากลำบาก ด้วยความปีติ ภาคภูมิใจ ด้วยหัวใจของนักสร้างบารมี สิ่งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ให้ลูกหลาน ส่งต่อไปภพหน้าทำครั้งเดียวสำเร็จใช้ได้นับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา กลับมาเป็นมนุษย์�ระลึกชาติหนหลังได้ก็ดีใจอีก นำมาเล่าให้หนหลัง เหมือนพระอรหันต์ระลึกชาติมาเล่าสู่กันฟังเป็นกำลังใจให้พวกเรา"