พระธรรมปิฎกจี้รัฐฟันธรรมกาย

พระธรรมปิฎกระบุการดำเนินการกับปัญหาพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีความล่าช้าและไม่ชัดเจน จนประชาชนสงสัยและจะสร้างความเสียหายกับบ้านเมือง

วานนี้ (5 กรกฎาคม) พระธรรมปิฎกหรือพระประยุทธ์ ปยุตโต เจ้าอาวาสวัดญาณเวสักวัน จังหวัดนครปฐม เปิดให้สื่อมวลชนเข้าสัม ภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาของวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยในหลายแง่มุม

พระธรรมปิฎกกล่าวถึงความยืดเยื้อในการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 8 เดือนว่า การจัดการปัญหาดังกล่าวจะช้าหรือเร็ว ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่จะต้องดำเนินการด้วยความชัดเจน เพราะการจัดการที่ล่าช้า แต่ชัดเจนประชาชนก็ยังเข้าใจ แต่ถ้าชัดเจนแล้วรวดเร็วก็ถือว่าผู้บริหารมีประสิทธิภาพ

"ในเวลาเดียวกันหากล่าช้าแล้วยังไม่มีความชัดเจนอีก ประชาชนก็จะตั้งข้อสงสัยต่อผู้บริหารและผู้ปกครองบ้านเมือง อาทิ มหาเถรสมาคม รัฐบาลว่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง"พระธรรมปิฎกกล่าว

เจ้าอาวาสวัดญาณเวสักวัน ยังแสดงความเห็นใจพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมูลจินดาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีที่ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับพระธัมมชโยล่าช้า โดยบอกว่า เป็นเพราะท่านเป็นพระชั้นผู้ใหญ่จึงต้องระมัดระวัง กอปรกับไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้กฎนิคหกรรมอีกด้วย

ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้พระธัมชโยแยกนิกายออกจากเถรวาทนั้น พระธรรมปิฎกมองว่า เสรีภาพกับความถูกต้องจะต้องเป็นของคู่กัน เพราะเรามีเสรีภาพในการนับถือศาสนาอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่เสรีภาพในการทำงาน

"อย่าแอบแฝงในศาสนาของเขา และทำลายศาสนาเขา แต่จะต้องซื่อตรงมีหลักการ หากจะออกไปนับถือศาสนาที่ตัวเองชอบ แล้วทำไมไม่ออกไป ดังนั้นการอ้างพระธรรมวินัยอาจจะต้องการให้หลงทาง"พระธรรมปิฎกกล่าว ทั้งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสังคายนาเรื่องดังกล่าวกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะผู้บริหารบ้านเมืองจะต้องมีแนวทางในการจัดการปัญหาที่ชัดเจนกว่านี้

พระธรรมปิฎก ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีที่มีพระปริยัติธรรมและผู้จบเปรียญ ธรรม 9 ประโยค (ปธ.9) จากวัดพระธรรมกายมากที่สุดในประเทศไทย โดยเกรงว่า พระเหล่านี้จะออกไปเป็นพระเถระหรือพระชั้นสังฆาธิการ แล้วนำคำสอนแบบธรรมกายไปเผยแพร่ จนส่งผลกระทบต่อสังคม ซึ่งโดยส่วนตัวยอมรับว่าเป็นปัญหาแน่ ดังนั้นผู้บริหารประเทศและคณะสงฆ์จะต้องช่วยกันสะสาง

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ไม่ใช่เรื่องสำคัญนั้น พระธรรมปิฎกกล่าวว่า นิพพานเป็นจุดหมายสำคัญของพุทธศาสนา ซึ่งแตกต่างจากศาสนาอื่นๆ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าศาสนาอื่นจะมาทำลายพุทธศาสนา หากสามารถจัดการหลักการดังกล่าวไว้ได้ แต่หากไม่สามารถรักษาไว้ได้ ก็เท่ากับทำลายพระพุทธศาสนาเสียเอง

ขณะที่ พ.ต.อ.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม (ผกก.3ป.) ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายได้เชิญน.ส.ชนัสถ์นันท์ สุขุมพานิช พยานในที่เกี่ยวข้องในการมอบที่ดินให้กับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมาสอบปากคำ โดยน.ส.ชนัสถ์นันท์ ได้พาทนายความส่วนตัวมาร่วมในการสอบปากคำด้วย

พ.ต.อ.ฉัตรกนก กล่าวว่า สำหรับที่ดินที่ จ.เลย ส่วนใหญ่พยานบริจาคให้กับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ส่วนพยานอีก 2 ปากนั้นได้ส่งหมายเรียกตัวไปแล้วถ้ายังไม่มาอาจจะต้องขึ้นไปสอบที่จ.เลยอีกที

รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเกี่ยวกับการมอบที่ดินจำนวน 10 กว่าไร่ที่ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย โดยน.ส.ชนัสถ์นันท์ ให้การว่า ได้มอบที่ดินให้กับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2535 และหลังจากมอบให้แล้วก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย ซึ่งน.ส.ชนัสถ์นันท์ ก็ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดี

ทั้งนี้น.ส.ชนัสถ์นันท์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายสอง วัชรศรีโรจน์ ที่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินที่จ.เลย หลายพันไร่นั้น หลังจากที่ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกไปแล้วนั้น ทางนายสอง ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวนขอเลื่อนการมาให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนออกไปโดยไม่ได้บอกว่าเป็นวันใด

สำหรับรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทางพนักงานสอบสวนจะนัดมาให้ปากคำภายในอาทิตย์นี้ โดยพล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หัวหน้าพนักงานสอบสวนจะได้นัดสอบปากคำและสถานที่อีกครั้งหนึ่ง


กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2542