พระพยอมเร่งรัฐจับสึกธัมมชโย

พระพยอม กัลยาโณ ระบุว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่มีฝ่ายจัดการภายหลังจากที่ทรงมีพระลิขิตวินิจฉัยว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องอาบัติปาราชิก ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่กล้าดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย สมเด็จพระสังฆราชก็จะทรงว้าเหว่

พระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดสมุทรสาครวานนี้ถึงพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกที่วินิจฉัยกรณีพระธัมมชโยไม่ยอมโอนที่ดินศาสนสมบัติเป็นของวัดต้องอาบัติปาราชิกว่า หากพระผู้ใหญ่มองสมเด็จพระสังฆราชเป็นเสือกระดาษก็จะเกิดปัญหาเกิดขึ้นมาก

"ตอนนี้ถ้าพูดกันตามภาษาโบราณพระผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งมองสมเด็จพระสังฆราชเป็นเสือกระดาษหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ยุ่งแน่ จะมีปัญหามากเกิดขึ้น แต่ถ้าไม่เห็นสมเด็จพระสังฆราชเป็นเสือกระดาษก็น่าจะดำเนินการอะไรสักอย่าง" พระพยอมกล่าว

พระพยอมกล่าวว่า วัดพระธรรมกายเก่งในการจัดการ ขณะที่สมเด็จพระสังฆราชไม่มีใครเป็นฝ่ายจัดการ เมื่อพระลิขิตออกมา ถ้ามีฝ่ายจัดการก็น่าจะมีการรวมฝูงชนออกมากดดันอะไรบางอย่างให้กรรมการมหาเถรสมาคมต้องทำตามพระลิขิต แต่เถรสมาคมกลับทำตรงกันข้าม

พระพยอม กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถ้ามีรัฐบาลที่เข้มแข็งหรือกระทรวงมหาดไทยที่เด็ดเดี่ยวก็น่าจะกดดันว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง แต่หากพระพยอมจะไปรุกไล่ก็จะหาว่ากัดไม่เลิก

ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้วกล่าวว่า เมื่อพระอักษรออกมาแล้วหากไม่มีใครตอบสนอง ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาในมหาเถรสมาคมชุดนี้ แต่จะไม่เสื่อมศรัทธาต่อสมเด็จพระสังฆราช เพราะท่านได้ทำหน้าที่ของท่านไปอย่างเต็มที่ เหลือแต่เถรสมาคมกับการเมืองเท่านั้นที่ยังไม่ตอบสนอง อย่างไรก็ตาม หากเป็นสมัยพระเจ้าอโศกก็จะจัดการฆ่าพระเป็นพันรูป

"ในส่วนของรัฐบาล ไม่ทราบว่านายกฯชวน (นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี) จะกล้าหรือเปล่า หรือกระทรวงมหาดไทยอย่างพล.ต.สนั่น(ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) จะทำหรือไม่ ถ้าท่านเหล่านี้ไม่ทำ สมเด็จพระสังฆราชก็ว้าเหว่ เพราะไม่มีฝ่ายจัดการเหมือนวัดพระธรรมกาย ต่อไปหลักธรรมก็จะเสื่อมหมด หรือถ้าถูกบีบคั้นมากเช่นวัดพระธรรมกายก็อาจจะไปตั้งลัทธิใหม่ แต่ถ้าไม่บีบคั้นก็จะทำตัวเหมือนหัวมงกุฎท้ายมังกรแทรกเข้ามา"พระพยอมกล่าว

นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ขณะนี้ สภาทนายความได้เปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และดำเนินการในชั้นศาล เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการถูกหลอกลวงให้บริจาคทรัพย์สินแก่วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการบริจาคให้วัด แต่พระภิกษุกลับนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

"สภาทนายความเห็นว่า หากประชาชนถูกหลอกลวง กฎหมายต้องเข้าไปเกี่ยวข้องและดูแล รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ อาทิ ตำรวจ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชฯมีพระอักษรอย่างชัดเจนแล้ว ต้องเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะมีหน้าที่โดยตรง หากปล่อยไว้นาน ปัญหาจะยิ่งลุกลาม" นายสักกล่าว

เขาบอกว่า ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จะสอบถามข้อมูลจากประชาชน ที่เข้ามาร้องเรียน โดยเมื่อได้รับข้อเท็จจริงว่า เงินที่บริจาคไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ก็จะดำเนินการทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ด้านนายวันชัย สอนศิริ เลขาธิการสภาทนาย ความ กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าว นอกจากจะเปิดที่สภาทนายความ ถนนราชดำเนินแล้ว ยังจะเปิดศูนย์ที่สำนักงานประธานคณะกรรมการ สภาทนายความจังหวัด กรรมการทนายความภาค 1-9 จากนั้น จะรวบรวมข้อมูลว่า เกิดความเสียหายกับประชาชนเท่าใด และเร่งดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดทันที

เขาบอกด้วยว่า กรมการศาสนา มีหน้าที่เร่งดำ เนินการให้พระคืนที่ดินให้วัดโดยเร็ว โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย และที่สำคัญ ยังมีพระอักษรของสมเด็จพระสังฆราชเน้นในเรื่องที่ดินด้วย

"นายอาคม (เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระ ทรวงศึกษาธิการ) ต้องสั่งการให้กรมการศาสนา ดำเนินการใน 2 ทาง คือ 1.ทำหนังสือทวงถามที่ดิน โดยบอกกล่าวให้ปฏิบัติตามพระอักษรอย่างเคร่งครัด พร้อมระบุวันเวลาที่จะปฏิบัติอย่างชัดเจน 2.พระอักษรระบุชัดเจนว่า การมีเจตนานำที่ดินเป็นของส่วนตัว ถือว่าขาดจากการเป็นพระ ถือว่าปาราชิกตั้งแต่ต้น ดังนั้น เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ ไม่ปล่อยให้พระอักษรเป็นหมัน" นายวันชัยกล่าว

เขาบอกว่า หากปล่อยไว้เท่ากับให้พระหรือบุคคล อยู่เหนือพระอักษร อยู่เหนือประมุขของศาสนา ซึ่งหากนายอาคมไม่เร่งรัดให้กรมการศาสนาดำเนินการ ก็ถือว่าไม่สนองพระอักษร ไม่ปกป้องศาสนา

ด้านนายอาคม กล่าวภายหลังการหารือและได้รับรายงานจากนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ซึ่งได้พบกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ และพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1และได้ยืนยันว่า พระอักษรของสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอักษรจริง ว่า ต้องรอผลการประชุมมหาเถรสมาคมในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ จึงจะทราบว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจะปาราชิกหรือไม่

"พระพรหมโมลีรับปากว่า จะดำเนินการเรื่องการปาราชิกของพระธัมมชโย และการโอนที่ดินของวัด ให้เสร็จสิ้น ทันภายในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้" นายอาคมกล่าว

เขาบอกว่า อาบัติปาราชิกเกิดได้ใน 4 กรณี คือ เสพเมถุน ลักทรัพย์ ฆ่ามนุษย์ทั้งที่อยู่ในครรภ์และนอกครรภ์ และอวดอุตริมนุสธรรม ดังนั้น เวลานี้ ยังไม่เข้าข่าย 4 ประการนี้ ยังถือว่าพระธัมมชโยไม่ปาราชิก แต่เมื่อคนสงสัยว่า ปาราชิกหรือไม่ ก็ต้องรอผลวันที่ 10 พฤษภาคม ที่จะประกาศออกมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เพิ่มกำลังเข้มงวดดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ ในเขตวัดบวรนิเวศวิหาร และอีกหลายวัดที่มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่จำอยู่

ขณะที่วัดพระธรรมกาย พ.ต.ต.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์ศิริ สว.สส.สภ.อ.คลองหลวง กล่าวว่า ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบไปรักษาการณ์อยู่ที่หน้าประตูเข้าวัด ด้านถนนสายบางขัน-คลองห้า และตำรวจนอกเครื่องแบบสายตรวจ คอยดูแลตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางด้านประตูเข้าวัดทางถนนทางดวงธรรม และประตูเข้าวัดทางถนนสายคลองแอบเลียบคลองสาม ตลอด 24 ช.ม. เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น

นายประทีป หงษ์โสภา ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ไม่อยากออกความคิดเห็นใดกลัวจะไปขัดแย้งกับมหาเถรสมาคม เขาก็เป็นศิษย์ของวัดพระธรรมกาย หากเขาเข้าไปวัด ทางสื่อมวลชนและชาวบ้านก็จะมองว่าคงจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าที่ส่วนราชการเข้าไปยังวัดพระธรรมกาย แต่ถ้าหากไม่เข้าก็อึดอัด เพราะศรัทธาในหลวงพ่อธัมมชโย

"หลวงพ่อธัมมชโย น่าจะบอกกับทางมหาเถรสมาคมว่าจะคืนที่ดินหรือไม่คืน เรื่องต่างๆ จะได้ยุติลง ในส่วนของศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี ขณะนี้ต้องรอแต่หนังสือของมหาเถรสมาคมเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีการประชุมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 10 พ.ค.นี้ และจะนำหนังสือไปยื่นให้กับทางวัดพระธรรมกายต่อไป"

กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2542