ฟ้าลั่น-แผ่นดินสะเทือน!!
2 ปราชญ์ศาสนาวิพากษ์
หาทุนธรรมกายผิดหลัก?!
สั่นสะท้านวงการสงฆ์เมื่อพระที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์วงการสงฆ์...อย่าง พระธรรมปิฎก(ปยุต ปยุตฺโต), พระธรรมโกศาจารย์หรือหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ แห่งวัดชลประทาน ออกมาวิจารณ์การหาทุนสร้าง "ธรรมกายเจดีย์" ของวัดธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่าผิดหลักการของพระพุทธศาสนา
ขณะเดียวกันพระพยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้ว พระนักพัฒนาและนักเทศน์ชื่อดังระดับชาติก็ออกมาสนับสนุนความเคลื่อนไหวของ 2 ปราชญ์แห่งวงการสงฆ์ด้วย ยิ่งทวีความน่าติดตาม
เพราะอาณาจักรแห่งคำว่า "ธรรมกาย" นั้น ยิ่งใหญ่ไพศาลไม่เพียงแต่เฉพาะขนาดอาณาบริเวณ และสิ่งก่อสร้างเท่านั้น แต่คำว่า "ธรรมกาย" ครอบคลุมทั้งด้านกว้างและด้านลึกในสังคมไทย โดยในด้านกว้างคือการที่วัดมีลูกศิษย์มากมายมหาศาลทั่วประเทศ ขณะที่ด้านลึกก็คือลูกศิษย์ของธรรมกายมีทุกระดับโดยเฉพาะบุคคลที่มีบทบาทอย่างสูงยิ่งในสังคม
และศาสนวัตถุแห่งศตวรรษที่วัดธรรมกายกำลังก่อสร้างคือ "ธรรมกายเจดีย์" ซึ่งความพิเศษนอกเหนือจากรูปลักษณะที่ไม่เหมือนกับเจดีย์ทั่ว ๆ ไป โดยไปคล้ายกับจานบินในนิยายวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งสำคัญของธรรมกายเจดีย์คือการก่อสร้างพระพุทธรูปเรียงรายรอบ โดยจะให้ผู้ที่ศรัทธาบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างและให้ชื่อว่า "พระธรรมกายประจำตัว"
ผู้ที่จะสร้างพระธรรมกายประจำตัว 1 องค์ จะต้องบริจาค 1 หมื่นบาท หรือ 3 หมื่นบาท สุดแล้วแต่ว่าพระจะอยู่ในหรือนอกธรรมกายเจดีย์
เป้าหมายของวัดคือจะสร้างพระธรรมกายประจำตัวถึง 1 ล้านองค์ รวมแล้วจะต้องระดมทุนถึง 10,000-30,000 ล้านบาท!!!!
ด้วยเหตุที่ต้องใช้เงินมหาศาลทำให้ต้องมีระดมศรัทธาให้มากสุด และมีการใช้วิธีโฆษณาตามสื่อมวลชน
เนื้อหาของการโฆษณานี้คือจุดกำเนิดแห่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะได้มีการบรรยายถึงความ "ปาฏิหาริย์" ที่ฝูงชนพบเมื่อไปรวมกัน ณ ธรรมกายเจดีย์ อาทิ การจ้องมองแสงอาทิตย์ และเห็นรัศมีแพรวพราย เป็นรังสีแสงต่าง ๆ ด้วยตาเนื้อ หรือขนาดบางคนเห็นหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ผู้ค้นพบวิชาธรรมกาย ปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้า
และเนื้อหาทั้งหมดก็เพื่อสร้างศรัทธาสำหรับการบริจาคสร้างพระธรรมกายประจำตัว โดยถ้าใครบริจาคสร้าง 1 องค์ จะได้รับ "พระของขวัญ" เป็นการตอบแทนด้วย และหากใครไม่มีเงินก้อนก็ผ่อนส่งได้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทางวัดยังจัดการระดมศรัทธาให้กับผู้ที่สามารถชักชวน พ่อแม่ เพื่อนฝูง มาสร้างพระธรรมกายประจำตัว ก็จะได้พระรุ่นพิเศษ เรียกว่า "พระคะแนน" โดยถ้าใครชักชวนหาคนสร้างพระได้ 10 องค์ หรือเป็นเงิน 1 แสนบาท ก็จะได้ "พระสิบคะแนน" ไป 1 องค์ ถ้าหาสร้างได้ 100 องค์ หรือเป็นเงิน 1 ล้านบาทจะได้ "พระร้อยคะแนน" อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
และเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนี้ ได้มีความพยายามค้นหาความจริงจากหลายฝ่าย อาทิได้มีการระบุว่าอาจเป็นลักษณะเหมือนกับการสะกดจิตหมู่ หรือการผิดเพี้ยนของสายตาเมื่อจ้องแสงอาทิตย์อย่างเนิ่นนาน ขณะเดียวกันสานุศิษย์ของวัดธรรมกายยังยืนยันในสิ่งที่ตัวเองรู้เห็น และว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง
เรื่องทั้งหมดยิ่งเป็นที่วิจารณ์มากขึ้นเมื่อ พระพยอมแห่งวัดสวนแก้วออกมาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บางฉบับว่าการ โฆษณาดังกล่าวเพี้ยน เป็นการขายปาฏิหาริย์ ลวงโลก ผิดหลักธรรมของพระพุทธศาสนา และผลที่ตามมาคือวัดธรรมกายได้มอบอำนาจให้สำนักงานกฎหมาย ดีเอ็มเอส ส่งจดหมายจะดำเนินคดีกับหนังสือฉบับนั้น
อย่างไรก็ตามต่อมาหลวงพ่อปัญญา แห่งวัดชลประทาน ได้กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่าการโฆษณาลักษณะนี้ เป็นเจตนามุ่งหาเงินเป็นการลวงโลก สอนให้หลงงมงาย ผิดหลักการศาสนา ที่สอนให้คนปล่อยวางในสรรพสิ่ง ส่วนการสร้างพระธรมกายเจดีย์ก็ไม่มีประโยชน์แก่คนหมู่มาก
ล่าสุดหลวงพ่อประยุทธยืนยันว่าพระพุทธศาสนาไม่สรรเสริญอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เพราะมีโทษ 4 ประการ คือ ทำให้มนุษย์ไม่หวังผลจากการกระทำ, ไม่พัฒนาตนเอง, ตกอยู่ในความประมาทและหมดอิสรภาพ ขณะเดียวกันหลักการของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องคือสอนให้ใช้ความเพียร ให้หวังผลจากการกระทำให้เรียนรู้พัฒนาตนเอง และไม่ประมาท รวมทั้งให้พึ่งตนเองพระพุทธเจ้าทรงไม่ให้สาวกแสดงฤทธิ์ การแสดงปาฏิหาริย์ถือว่าขัดกับหลักการของพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน
ทางด้านพระพยอม เปิดเผยว่าเป็นความไม่เหมาะสมกรณีที่วัดธรรมกาย ดำเนินการเป็นความไม่เหมาะไม่ควร หากแต่เวลานี้ความผิดยังไม่ชัดเจน
"อาตมามองว่าเรื่องนี้อาจเป็นนโยบายของวัด โดยปัญหาอยู่ที่ว่าอาจไม่ใช่หัวคิดของพระ เป็นไปได้ว่าเป็นหัวของอาเสี่ยนักธุรกิจนายทุนเสียมากกว่า"
พระนักเทศน์ชื่อดังยังกล่าวว่าเรื่องนี้หลวงพ่อประยุทธ หรือพระธรรมปิฎกได้ออกมาแสดงธรรมให้เห็นถึงความไม่เหมาะสมแล้ว และจะมีการประชุมหารือไปทั่วประเทศเพื่อแสดงความจริงให้ปรากฏ เท่าที่ทราบมามีหลวงพ่อประยุทธเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ มี สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์, ทองใบ ทองเปาด์ ทนายแม็กไซไซ ที่ต่างมีความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินงานของวัดธรรมกาย ซึ่งขณะนี้ทราบว่าผู้เกี่ยวข้องกับการสร้างพระ เริ่มที่จะรู้แล้วว่ากำลังจะถูกต่อต้าน จึงมีการระงับการลงโฆษณา
"ถ้าจะถามอาตมาว่าไม่กลัวถูกมองว่าอิจฉาหรือ? เหมือนครั้งที่ต้องถูกสังคมเคยมองว่า อาตมาอิจฉาอดีตพระนักเทศน์ที่โด่งดังมาก แต่ในที่สุดความจริงก็ปรากฏให้ได้เห็น เรื่องนี้ก็เช่นกันอาตมาก็ต้องแสดงให้ความจริงปรากฏออกมา ไม่ได้หวั่นไหวกับคำนินทาสาปแช่งหรือคำว่ากล่าวใด ๆ ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าพุทธศาสนาต้องมีความสำคัญยิ่งกว่าตัวอาตมา"
ปัญหาวิวาทะด้านปัญญาในวงการสงฆ์กรณีของวัดธรรมกายนี้ จะผิดจะถูกเวลาและพระธรรมพระวินัยเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัด ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว ใครทำกรรมใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาปกรรมจะเป็นทายาท คือจะได้รับผลแห่งกรรมนั้นสืบไป
เพียงแต่ชาวพุทธ จะต้องตั้งสติ ยึดมั่นว่าอย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ฟังหรือพูดต่อกันมา ตามแนวคำสอนของพระพุทธศาสนา และแยกแยะด้วยปัญญาว่าธรรมใดคือธรรมของพระพุทธเจ้าดังที่เคยตรัสไว้ช่วงสมัยพุทธกาลและทรงเผยแผ่พระศาสนาว่า ในอนาคตกาลข้างหน้า หากจะพิสูจน์ว่าธรรมใดคือธรรมของพระองค์ ก็มีหลักง่าย ๆถ้าเป็นธรรมเพื่อการมักน้อย ธรรมเพื่อการแสวงหาสันโดษ และธรรมเพื่อการแสวงหาความหลุดพ้น....
นั่นแหละ...คือธรรมของตถาคตที่แท้จริง!!!!!.


LE FastCounter