ผู้รจนา อรรถกถา คือ พระอรหันต์
500 องค์ที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก
และ พระอรหันต์มหินทเถระโอรสของ พระเจ้าอโศกมหาราช รวบรวมไว้ในลังกา
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค หน้า 121 ปฐมสมันตปาสาทิกา
ปฐมสมันตปาสาทิกา
[ ประวัติย่อของพระมหินทเถระ ]
ได้ยินว่า พระเจ้าอโศกทรงได้ชนบท
( ได้กินเมือง ) ในเวลายังทรงพระเยาว์ เมื่อเสด็จไปกรุงอุชเชนี ผ่านเวทิสนคร
ได้ทรงรับธิดาของเวทิสเศรษฐี ( เป็นอัครมเหษี ) ในวันนั้นนั่นเอง พระนางก็ทรงครรภ์
แล้วได้ประสูติมหินทกุมาร
ที่กรุงอุชเชนี
ในเวลาที่พระกุมารมีพระชนม์ได้ ๑๔ พรรษา พระราชาทรงได้รับการอภิเษกขึ้นครองราชย์
หน้า 92
[ พระมหินทเถระได้บรรลุพระอรหัตเวลาอุปสมบท ]
ท่าน ( พระมหินท
)ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
ในมณฑลอุปสมบทนั่นแล พระอาจารย์แม้ของ
พระนางสังฆมิตตราราชธิดา ชื่อว่าอายุปาลิตเถรี ส่วนพระอุปัชฌายะ ชื่อพระธํมมปาลิตเถรี
ได้ยินว่า คราวนั้นพระนางสังฆ
มิตตา มีพระชนมายุได้ ๑๘ ปี
เวลาที่พระโอรสและพระธิดาทั้ง ๒ องค์ผนวช
พระราชาทรงอภิเษกครองราชย์ได้ ๖ ปี ภายหลังตั้งแต่เวลาที่ทรงผนวช
แล้ว พระมหินเถระได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมและพระวินัย
อยู่ในสำนักพระอุปัชฌายะของตนนั่นเอง ได้เรียนเอาเถรวาททั้งหมด
พร้อมทั้งอรรถกถา ที่ท่านสงเคราะห์ด้วยพระไตรปิฎก ซึ่งขึ้นสู่สังคีติทั้ง
๒ คราว จบภายใน ๓ พรรษา แล้วได้เป็นปาโมกข์
( หัวหน้า ) ของพวกภิกษุประมาณ ๑,000 รูป ผู้เป็นอันเตวาสิก แห่งอุปัชฌายะของตน
คราวนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงอภิเษก
ครองราชย์ได้ ๙ ปี
หน้า 124
[ พระมหินทเถระพร้อมด้วยกับคณะไปเกาะลังกา ]
ก็ท่านพระมหินทเถระ
ผู้มาร่วมกับพระเถระทั้งหลาย มีพระอิฏฏิยะ เป็นต้น
ยืนอยู่อย่างนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า ได้ยืน
อยู่แล้วในเกาะนี้ ( ลังกา ) ในปีที่ ๒๓๖ พรรษา
นับมาแต่ปีที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน
พระพุทธโฆสะ ไปนำเอาอรรถกาที่พระมหินทเถระทำไว้อยู่ที่ลังกา
มาแปล ( เท่านั้น ) เป็นภาษาบาลี แล้วนำกลับมาอินเดีย
วิสุทธิมรรคแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
ภาค ๓ ตอนจบ หน้า 308
เรื่อง ประวัติพระพุทธโฆสะ
ประวัติพระพุทธโฆสะ
เมื่อปี
นับแต่กาลปรินิพพานแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าล่วงแล้ว ๙๕๖ พรรษา
พระราชาทรงพระนามว่า มหานามได้
ครองราชย์ในลังกาทวีป
หน้า 310
พระเถระเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวแนะนำว่า "
ดูกรอาวุโสพุทธโฆสะ ในชมพูทวีปนีมีแต่พระไตรปิฎกบาลีเท่านั้น
อรรถกถา
ของพระไตรปิฎกนั้น และเถรวาท ( คือคำที่พระเถระยุคสังคีติกล่าวไว้ป็นแบบ )
หามีไม่ แต่อรรถกถาในภาษาสีหล
( ลังกา )
อันขึ้นสู่สังคีติทั้ง ๓ หน ที่พระเถระทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้นทำไว้
พระมหินทตรวจดูกถามรรค แล้ว
( รวบรวมมา ) แต่งไว้ด้วยภาษาสีหล ยังเป็นไป ( คือยังใช้ได้ ) อยู่ในสีหลทวีป
แม้นเธอไปที่สีหลทวีปนั้น ตรวจ
ดูทั่วแล้วปริวรรตมาในภาษามคธ ( บาลี ) เสียได้ ( คือแปลเปลี่ยนเป็นภาษามคธเสีย
) อรรถกถานั้นก็จักนำประโยชน์เกื้อกูล
มาให้แก่โลกทั้งปวง "
หน้า 314-315
ท่านพุทธโฆสะ
ได้ทำอรรถกถาสีหลทั้งหมดให้เป็นอรรถกถาพระไตรปิฎก ในภาษามคธ
อันเป็นมูลภาษาดังกล่าวมาฉะนี้ อรรถกถานั้นแล ได้นำมาซึ่งประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวประเทศอื่นทั้งปวง
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
เล่มที่ ๑๑
ทีฆนิกาย สัลขันธวรรค หน้า 68-69 อรรถกถาพรหมชาลสูตร สุมังคลวิลาสินี
อรรถกถาพรหมชาลสูตร
อรรถกถาใดอันพระอรหันต์
๕00 องค์ สังคายนาแล้วแต่ต้น และสังคายนาต่อมา
เพื่อประกาศเนื้อความ
ของทีฆนิกายซึ่งกำหนดหมายไว้ด้วยสูตรขนาดยาว ละเอียดละออ ประเสริฐกว่านิกายอื่น
ที่พระพุทธเจ้า และพระสาวก
สังวรรณาไว้ มีคุณค่าในการปลูกฝังศรัทธา แต่ภายหลังพระมหินทเถระ
นำมาเกาะสีหล ต่อมาได้เรียบเรียงด้วยภาษาสีหล เพื่อประโยชน์แก่ชาวสีหลทั้งหลาย
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้า
จึงแปลภาษาสีหลเป็นภาษามคธ ถูกต้องตามหลักภาษา
ไม่ผิดเพี้ยนอักขรสมัย ของพระเถระ
คณะมหาวิหาร ผู้เป็นประทีปแห่งเถรวงศ์ ที่วินิจฉัยไว้ละเอียดลออ
จะตัดข้อความที่ซ้ำซากออกแล้วประกาศข้อความ เพื่อ
ความชื่นชมยินดีของสาธุชน และเพื่อความยั่งยืนของพระธรรม
หมายเหตุ:
ข้าพเจ้า ก็หมายถึง
พระพุทธโฆสะ พระอรรกถาจารย์ชาวอินเดียเป็นผู้แต่งคัมภีร์วิสุทธิมรรคที่มหาวิหารใน
เกาะลังกา พระพุทธโฆสะ เป็นบุตรของพราหมณ์ เกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้พุทธคยา
อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ในแคว้นมคธ เมื่อประมาณ พ.ศ. 956