บุกพิสูจน์ 'หุบผาสวรรค์ 2'

เปิดโฉม 'ดร.สุชาติ' เจ้าเก่า

สร้างสถานีติดต่อ

มนุษย์ต่างดาว

วันเวลา..ล่วงเลยมาถึงปลายปี 2540 ข่าวคราวของ 'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' หรือ 'หุบผาสวรรค์ 2' จ.เพชรบุรี ก็อุบัติขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์สาส์นสวรรค์เจ้าเดิม รายการของชมรมสวดคาถาชินปัญชร ในรูปของสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา สถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เจ้าแม่กวนอิม 4 ปางพิทักษ์ไทย เจ้าแม่กวนอิมไม้ปางพันมือใหญ่ที่สุดในโลก และสถานที่รวมของรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาและลัทธิความเชื่อต่างๆ สถานที่ที่หากใครเคยไปเที่ยวชมหุบผาสวรรค์เมื่อสิบปีกว่าที่ผ่านมาแล้วจะต้องตกตะลึงคิดว่า

"โอ..พระเจ้า..เขาโคลนนิ่งสถานที่กันได้แล้วหรือนี่"

'ดร.สุชาติ' คืนชีพ

ปลุกหุบผาสวรรค์ 2

'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' หรือ 'หุบผาสวรรค์ 2' ตั้งอยู่ที่ 40 หมู่ที่ 2 ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บนเนื้อที่ 100 ไร่เศษ ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของเอกชน มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องทั้งที่เป็น น.ส.3 และโฉนด ผู้ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดินคือ 'นายสมคิด สังขเนตร' อายุ 47 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 384 หมู่ที่ 13 แขวงมีนบุรี กรุงเทพฯ เข้ามาซื้อที่ดินต่อจากชาวบ้านในพื้นที่ครอบครองอยู่เดิม ในราคาไร่ละประมาณ 20,000-70,000 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด

อุทยานศาสนาฯ แห่งนี้ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปลายปี 2538 ในเริ่มแรกดำเนินการในรูปของสวนเกษตรใช้ชื่อว่า 'สวนเกษตรพุสวรรค์เม้าท์เท่นวิวส์' การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่าง 'ปิดลับ' มีการล้อมรั้วลวดหนามกั้นอาณาเขต ห้ามบุคคลภายนอกเข้าออกโดยเด็ดขาด มีการทยอยนำรูปปั้นต่างๆ มาติดตั้งเริ่มจากพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 พระนเรศวรและเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ

วันดี คืนดี ก็มีพระภิกษุ และกลุ่มคนนุ่งขาวหุ่มขาว โดยสารรถบัสคันใหญ่เข้าไปข้างใน พักค้างคืน คืนสองคืนก็กลับไป พฤติกรรมชวนสงสัยดังกล่าว ล่วงรู้ถึงหน่วยราชการ ทางอำเภอแก่งกระจานจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว ก็ได้รับการชี้แจงจากผู้ดูแลสถานที่ในขณะนั้นก็คือ นายวันชัย ตรีไพชยนต์ศักดิ์ (เคยพักอยู่ที่ ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ที่ตั้งสำนักหุบผาสวรรค์เดิม) ว่าเป็นสวนเกษตร ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักหุบผาสวรรค์ และไม่รู้จัก นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์ แต่ครั้นมีคนลองไปติดต่อขอซื้อที่ดินก็ไม่ยอมขายให้

และแล้ว 'สวนเกษตรพุสวรรค์เม้าท์เท่นวิวส์' ก็เปลี่ยนชื่อเป็น 'อุทยานศาสนาพระ-โพธิสัตว์กวนอิม' เปิดตัวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.เพชรบุรี เมื่อต้นปี 2541 โดยการโฆษณาอย่างเอิกเกริกในหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อโฆณาวิทยุ โทรทัศน์ เปิดตัวกรรมการบริหาร ซึ่งประกอบด้วยบุคคล ที่มีชื่อเสียง อาทิ พล.ร.ต. สุระ ยุทธวงศ์ อดีตนายทหารประจำ บก.สูงสุด เป็นประธานบริหาร พ.ต.อ.ชัยชาญ เงินมูล รอง ผบก.ตร.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นกรรมการ และยังมีกรรมการกิตติม-ศักดิ์ระดับอดีตปลัดกระทรวง คือ ดร.สุธี อากาศฤกษ์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ รศ.ดร. พิชัย โตวิวิชญ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์จุฬาลง-กรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ

ก้าวแรกที่เข้าไปใน 'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' หรือ 'หุบผาสวรรค์ 2' นี้ ท่านจะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่และกลิ่นอายแห่งพุทธ-ศาสนา ที่จัดสรรแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนเริ่มต้นด่านแรกจะได้พบกับ'แดนสิบ 12 นักษัตร' ดินแดนแห่งการตรวจชะตาราศีประจำปีเกิด จากนั้นจะได้พบกับ 'เจ้าแม่กวนอิมหยกขาวอันศักดิ์สิทธิ์'

ถัดขึ้นไปด้านขวามือเป็น 'ศาลาบรมครู' มี พระสยามเทวาธิราช และ เทพเจ้ากวนอู ประดิษฐานอยู่ตรงประตูทางขึ้นไปสู่ศาลา ภายในจะมีพระประธาน, พระแก้วมรกต และรูปภาพเจ้าแม่กวนอิม ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านข้างซ้ายมือตั้งโต๊ะจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม หยก เหรียญที่ระลึก ลูกประคำ สร้อยคอ สร้อยมุก รวมทั้งเทปสวดมนต์และหนังสือเกี่ยวกับบทสวด หนังสือเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว หนังสือเกี่ยวกับจักรวาล ทางด้านขวามือจะเป็นที่รับแขกผู้มาเยือน

ส่วนด้านล่างซ้ายมือเป็นโรงทาน มีอาหารมังสวิรัติไว้คอยบริการฟรี แก่ผู้ไปเที่ยวชมอีกด้วย สถานที่แห่งนี้เปิดให้ชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ตามมุมต่างๆ จะปรากฏตู้บริจาควางไว้เกือบทุกซอกมุมนับได้ร่วมร้อยตู้

เจ้าแม่กวนอิมพันมือ..

ใหญ่ที่สุดในโลก

จุดขายของอุทยานศาสนาฯ คือ เจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ ซึ่งมีถึง 4 องค์ โดยองค์ที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจก็คือ 'เจ้าแม่กวนอิมไม้ปางพันมือ' ทางอุทยานฯอ้างว่า ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากไม้หอมการบูน นำเข้ามาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างวิหาร ซึ่งต้องใช้เสาทั้งหมด 29 ต้น จึงได้มีการเรี่ยไรบริจาคเงินซื้อเสา 29 ต้นๆ ละ 100,000 บาท (ปัจจุบันจองครบทั้ง 29 ต้นแล้ว..ไม่นับรวมมูลค่าการก่อสร้างในส่วนอื่นๆ)

ส่วน 'เจ้าแม่กวนอิม 4 ปาง พิทักษ์ไทย' นั้น ประกอบด้วย ปางยืนดอกบัว, ปางยืนบนเต่า, ปางยืนบนปลาตะเพียน และปางยืนบนมังกร ในแต่ละปางจะตั้งโดดเด่นกระจายไปทั่วอุทยานศาสนาฯ แห่งนี้ นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นหรือรูปเคารพในศาสนาต่างๆ ครบถ้วน แบ่งเป็นแดนต่างๆ เริ่มตั้งแต่แดน 'ห้าแม่ผู้ยิ่งใหญ่' ที่โลกบูชาเริ่มตั้งแต่ แม่พระธรณี แม่พระโพสพ แม่พระคงคา แม่พระพายและแม่พระเพลิง

ถัดมาเป็น 'แดนพุทธเกษตร' ดูคำพยากรณ์พระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน และตรวจชะตาราศีประจำปีเกิดที่ 'แดน 12 นักษัตร' และ 'แดนอริยสงฆ์ 7 ภาค' ของไทย ประกอบด้วย หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และครูบาศรีวิชัย..

ท่องแดนสุขาวดี 'แดนมหายาน-เต๋า' ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์และสิ่งศักดิ์อย่าง ขงจื้อ เหลาจื้อ และเง็กเซียนฮ่องเต้และเซียนอีกมากมาย..

'แดนฮินดู-พราหมณ์' อันประกอบไปด้วย องค์อมรินทร์จอมเทพ พญายมราช และมหาเทพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระศิวะ พระนารายณ์ พระนางลักษมีเทวี พระสุรัสวดี พระอุมาเทวี พระพิฆเนศร และพระวิษณุกรรมมหาเทพ.. และยังมี 'ลานบูชาฟ้าดิน' ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางไว้สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ

ตำหนัก 'มิตรต่างดาว'

จุดที่น่าสนใจในอุทยานศาสนาฯ อีกแห่งก็คือ บริเวณที่เรียกว่า 'ตำหนักมิตรต่างดาว' ซึ่งตั้งอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วนจากสถานที่อื่นๆ ภายในส่วนนี้มีการจัดเป็นดินแดนต่างดาว มีจานบินจำลอง มนุษย์ต่างดาวมีห้องบรรยายในบรรยากาศเปรียบเสมือนหลุดเข้าไปในยานอวกาศ ซึ่งในห้องนี้จะมีผู้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของอุทยานฯ แห่งนี้

โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว หากใครจับพลัดจับผลูหลงเข้าไป..กลับออกมาไม่อมยิ้มน้อยๆ ก็ตาลอยไปเลย เพราะเรื่องที่วิทยากรประจำตำหนัก ที่มีนามว่า 'ไชยวัฒน์' บรรยายนั้น มียิ่งกว่าหนังเรื่อง สตาร์วอร์ทุกภาค รวมกับคอนแทค บวกกับอมาเกดดอน เสียอีก อย่างเช่น

การเล่าถึงวัตถุประสงค์ของการสร้างอุทยานศาสนาฯ แห่งนี้ว่า เพื่อบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ปี ค.ศ.2000 ซึ่งมนุษย์ต่างดาวส่งสาส์นมาบอก 'ผู้รู้' (ในที่นี้ก็คือ นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์ หรือ พระอริยวังโส ภิกขุ) ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างอุทยานฯ ว่า

"โลกจะแตก น้ำท่วมโลก 'ผู้รู้' ของวิทยากรนี้ เป็นผู้ถือศีล มีความสามารถสูงติดต่อทางจิตกับมนุษย์ต่างดาวได้ และเคยช่วยโลกให้พ้นภัยพิบัติมาแล้ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐอเมริกาได้ยิงจานบินของมนุษย์ต่างดาวตกทำให้ 'ลูกผู้นำ' มนุษย์ต่างดาวเสียชีวิต ผู้นำต่างดาวโกรธมาก จะแก้แค้นโลกมนุษย์ด้วยการระดมจานบินเตรียมมาถล่มโลกให้สิ้นซาก..แต่ก็ได้ 'ผู้รู้' นี่แหละ เจรจาขอยุติสงครามจักรวาลให้ไม่ให้เกิดแก่โลกมนุษย์สำเร็จ

ที่สำคัญ 'ตำหนักมิตรต่างดาว' แห่งนี้ ในอนาคตจะเป็นฐานสถานี หรือลานจอดยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวทั่วจักรวาล และที่แห่งนี้ยังจะเป็นจุดนัดพบหรือที่ชุมนุมของมิตรต่างดาวทั่วจักรวาลอีกด้วย

'ผู้รู้' ของเราสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวด้วยพลังจิต สื่อสารเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว (มีฉบับแปลเป็นไทย แจกด้วย).. วันดี คืนดี มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ดาวศุกร์ ก็จะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนท่าน 'ผู้รู้' ณ ตำแหน่งมิตรต่าวดาวแห่งนี้อยู่เป็นนิต" นายไชวัฒน์ กล่าวและว่า

เหตุที่ให้ชื่อว่า 'ตำหนักมิตรต่างดาว' ก็เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติระดับเชื้อพระวงศ์ที่เคยมาเยี่ยมเยียน จึงต้องให้ชื่อว่า 'ตำหนัก'

ปัญจเจดีย์พิทักษ์โลก

ล่าสุด 'ผู้รู้' ได้ก่อสร้าง 'ปัญจ-เจดีย์พิทักษ์โลก' ขึ้นที่ อ.เชียงกลาง จ.น่าน บนพื้นที่ 700 ไร่ (ดร.บุญยง ว่องวานิช เป็นผู้บริจาคทรัพย์ก่อสร้างทั้งหมด) เพื่อช่วยเหลือโลกและประเทศไทย ด้วยการส่งกระแสจิต..ไปทำลายอุกกาบาตและดาวหางที่จะพุ่งเข้าใส่โลก อันเป็นจุดดับของดาวราหูและมนุษย์โลกจะทำให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว แผ่นดินแยกถล่มทลาย น้ำจะท่วมโลก อากาศจะเป็นพิษ ภูเขาไฟจะระเบิดมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พิภพตามรอยแผ่นดิน ซึ่งภัยพิบัติครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยต้องทำแผนที่ใหม่ เพราะดินแดนบางส่วนจมลงใต้ทะเล ทั่วโลกจะมีชีวิตรอดเพียงไม่เกิน 100 ล้านคน จากประชากรทั่วโลกปัจจุบันกว่า 5,000 ล้านคน

แต่ประเทศไทยจะเหลือมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยจะมีมนุษย์เหลือประมาณ 3 ล้านคน เพราะประเทศไทยบังเอิญโชคดีที่มีพระโพธิสัตว์ 2 องค์ ที่รับผิดชอบโลกมนุษย์อยู่เวลานี้ คือ สมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์ (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี ได้ดลใจให้พวกเราสร้างสิ่งดุลกรรมให้ประเทศขึ้นมา 2 สิ่ง คือ 'ปัญจเจดีย์พิทักษ์โลก' ที่ จ.น่าน และ 'เจ้าแม่กวนอิม 4 ปาง พิทักษ์ไทย' ที่ จ.เพชรบุรี ทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยทำให้เหตุการณ์ชะลอลงไปอีก 30 ปี

จะเห็นได้จากเหตุการณ์ ล่าสุด ที่จะเกิด 'ฝนดาวตก' ทาง 'ผู้รู้' ของเราก็ได้ส่งกระแสจิต..ไปทำลายอุกกาบาตและดาวหางที่จะพุ่งเข้าใส่โลก ทำให้เกิดระเบิดและเบี่ยงเบนออกจากโลก...จึงไม่เกิดปรากฏการณ์ 'ฝนดาวตก' อย่างที่ใครต่อใครคาดการ

นอกจากสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ภายใน 'ตำหนักมิตรต่างดาว' ยังมีสถานที่จำหน่ายของที่ระลึกและหนังสือเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว อาทิ 'เจ็ดพิภพจักรวาล' เขียนโดย ส.อริยวังโส และ ส.พรมนิล 'หนังสือวิธียุติสงครามจักรวาล' เขียนโดย พล.ต.ต. พิบูลย์ ภาษวัธน์ 'มนุษย์ต่างดาวยึดโลก' เขียนโดย รศ.ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ พร้อมเครื่องรางของขลัง ได้แก่ เหรียญมงคลจักรวาล, พระกริ่งอริยวังโส รุ่นเสาร์ 5 รวมทั้งสัญลักษณ์มนุษย์ต่างดาวที่ทำเป็นพวกกุญแจ ตุ๊กตาตั้งโต๊ะ สนนราคาตัวละ 35 บาท มีจำหน่ายที่นี่แห่งเดียวในโลก

ในจำนวนนี้มีของขลังที่น่าสนใจอยู่ 2 อย่าง คือ พระกริ่งอริยวังโส รุ่นเสาร์ 5 สนนราคาเช่าที่ 10,000 บาท (ของบูชาที่แพงที่สุด) จากการสอบถามพนักงานขาย ได้ความว่า พระกริ่งอริยวังโส รุ่นนี้เป็นรุ่นที่หาอยากที่จุด เหลือเพียงไม่กี่องค์ มีขายที่นี่แห่งเดียว เพราะเป็นเครื่องรางของขลังที่มีอานุภาพเทียบเท่ากับ 'พระสมเด็จวัดระฆัง' เนื่องจากปลุกเสกจากพระผู้ใหญ่ที่บำเพ็ญศีลเพียรภาวนาอยู่ในป่าลึกแถวเทือกเขาตะนาวศรี..

เมื่อถามว่า ปลุกเสกจากวัดไหน พระองค์ใดเป็นผู้ปลุกเสก กลับได้รับคำตอบว่า 'ไม่ทราบรายละเอียดรู้แต่ว่าเป็นของ 'ผู้รู้' เท่านั้น'

ของขลังอีกอย่างหนึ่งก็คือ 'เหรียญมงคลจักรวาล' เป็นเหรียญทรงกลมคล้ายเหรียญที่เขามอบเป็นรางวัลแก่นักกีฬา พนักงานขาย กล่าวกับทีมงาน 'เนชั่น สุดสัปดาห์' ว่า สร้างโดย 'ผู้รู้' อีกเช่นกัน เหรียญนี้ทรงอานุภาพมาก และมีการกล่าวอ้างไว้ใน หนังสือวิธียุติสงคราม ระบุว่า

"ข่าวเด่นที่สุดของเหรียญมงคลจักรวาลในปี พ.ศ.2539 ได้แก่หนังสือพิมพ์สาส์นสวรรค์ ฉบับที่ 185 วันที่ 1-3 ธ.ค.2539 แฉเหตุลับว่า พลังเหรียญมงคลจักรวาลช่วย ฯพณฯ บิล คลินตัน ให้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัยที่ 2 เนื่องจากคลินตัน ได้เหรียญนี้จาก รศ.ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ แล้วนำไปห้อยคอขณะหาเสียง เหรียญจึงแผ่อานุภาพทำให้คลินตันชนะการเลือกตั้ง"

สอดรับกับคำยืนยันของพนักงานขายว่า "คลินตัน ได้ทำหนังสือขอบคุณมาถึงลูกศิษย์ของ 'ผู้รู้' ด้วย"

กิจกรรมพิเศษของอุทยานฯ

สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในสถานที่แห่งนี้นั้น ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน จะมีการรวมกลุ่มสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม และทุกวันสำคัญของลัทธิศาสนาต่างๆ จะมีการจัดงานพิธีเป็นประจำ อาทิ วันปีใหม่ วันตรุษจีน วันสารทจีน วันสงกรานต์ วันลอยกระทง แต่จะพิเศษก็เมื่อเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา

เนื่องจากใน 4 วันสำคัญนี้ 'พระ-อริยวังโส' จะมาทำหน้าที่เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยจะมารับการถวายสังฆทานพิเศษ และเทศนาโปรดลูกศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการกล่าวถึงมนุษย์ต่างดาว สงครามจักรวาล (ถ้าวันไหนอารมณ์ดีๆ พระอริยวังโส ก็จะเรียกจานบินมาให้ลูกศิษย์ดูด้วย แต่ต้องรอดูดึกๆ หน่อยนะ) ในระหว่างประกอบพิธีกรรมทุกครั้งก็จะมีลูกศิษย์ลูกหาระดับราชวงศ์, ดอกเตอร์ และอดีตปลัดกระทรวง ทหาร ตำรวจระดับนายพล มานั่งประดับบารมีอยู่ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ คือ พื้นที่ภายในบริเวณอุทยานศาสนาฯ ที่มีจำนวน 100 ไร่เศษแล้ว ยังมีพื้นที่รอบนอกของอุทยานฯ อีกกว่า 100 ไร่ ที่ถูกจัดสรรในนาม บริษัท โฟมเอสสมายแลนด์ จำกัด ถือหุ้นโดย นายสมคิด สังขเนตร, นายสมศักดิ์ สันทรายเงิน, นายสิทธิชัย พิทยาพฤกษ์ (และอีก 1 ส. รวมเป็น 4 ส. ซึ่งบุคคลทั้ง 3 นี้ ล้วนเป็นลูกศิษย์ของนายสุชาติทั้งนั้น)

เป็นที่สังเกตว่าที่ดินรอบๆ อุทยานฯ นี้ ส่วนใหญ่จัดสรรเป็นที่ดินสำหรับปลูกบ้านของสานุศิษย์ของนายสุชาติแทบทั้งนั้น โดยลักษณะของบ้านเหล่านี้จะเป็นบ้านทรงสมัยใหม่ หลังใหญ่ ราคาไม่ต่ำกว่าหลักล้านขึ้นไป ทุกหลังจะมีรั้วรอบขอบชิด ที่สำคัญ บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของที่นี่ ถ้าเข้าไปขอซื้อดินดังกล่าวจะถูกปฏิเสธทันที

ชมรมดำรงธรรม แฉเบื้องหลัง

พฤติกรรมของกลุ่ม 'ดร.สุชาติ' แห่งสำนักหุบผาสวรรค์นี้ อยู่ในสายตาของกลุ่มชมรมดำรงธรรม ซึ่งมีพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ เป็นที่ปรึกษาชมรมฯ มาโดยตลอด ตั้งแต่หุบผาสวรรค์ 1 ที่ จ.ราชบุรี จนมาถึง 'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' หรือ หุบผาสวรรค์ 2 ที่ จ.เพชรบุรี โดยเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวของกลุ่มผีบุญนั้น เข้าข่ายหลอกหลวงประชาชน และเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติ จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง นายชูชาติ พูลศิริ ผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี ลงวันที่ 24 เมษายน 2541 ระบุว่า

พระสุชาติ โกศลกิติวงศ์ และสานุศิษย์สำนักปู่สวรรค์ ได้ออกหนังสือเล่มเล็กขนาด 9 ซม.คูณ 13 ซม. หน้าปก 1999 โลกพินาศ 2542 แผนอยู่รอด ขึ้นมาจ่ายแจกไปทั่วประเทศ เพื่อชักชวนให้ผู้คนตื่นตระหนก และปลอมพระพุทธพจน์มาอ้างทำนายว่า 'ไทยจะวิบัติ 70% คนไทยจะตายเหลือ 3 ล้านคน'

ชี้นำให้ทำบุญบริจาคกับสำนักปู่สวรรค์ ณ อาคารอริยสัจสี่ และอุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม องค์กรของตน ทั้งนี้ เพื่อที่จะขายใบโพธิสัตว์ และเหรียญมงคลจักรวาล ที่พระสุชาติกับพวกสร้างขึ้น อีกทั้งยังตอกย้ำอีกว่า "เพื่อความอยู่รอด จะต้องสร้างเจ้าแม่กวนอิม 4 ปาง ที่อุทยานศาสนาฯ ที่ จ.เพชรบุรี ค้ำยันไว้ จึงจะอยู่รอด"

การกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนอีกครั้งหนึ่ง และเวลานี้เริ่มมี นักเรียน นักศึกษา ครู ชาวบ้าน เกิดความสับสน หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลายข้อหา เช่น ข้อหาหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ข้อหาแกล้งบอกกล่าวความเท็จ ตามหลักประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343, 384 และความผิดฐานเป็นซ่องโจร มาตรา 2:10 รวมทั้งความผิดที่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร เป็นต้น

จึงร้องเรียนมาให้ทางจังหวัดดำเนินการกับกลุ่มผีบุญดังต่อไปนี้ 1.สั่งให้อุทยานศาสนาฯ ยุติการดำเนินงานไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเมิดกฎหมายให้แล้วเสร็จว่า ใครทำผิดอะไร อย่างไร 2.เร่งรัดดำเนินการให้สั่งปิด อุทยานศาสนาฯ เพื่อป้องปรามพฤติกรรมอันเป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนสังคม และ 3.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้ข่าว เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อการลวงโลกของบุคคลกลุ่มนี้

กระนั้นก็ตาม ที่ผ่านมา กลุ่มดังกล่าว ยืนยันและปฏิเสธเสียงแข็งขันว่า 'สวนเกษตรพุสวรรค์เม้าท์เท่นวิวส์' หรือ 'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' ไม่เกี่ยวข้องกับ 'สำนักหุบผาสวรรค์' ไม่รู้จัก 'นายสุชาติ โกศลกิติวงศ์' นั้น ดูเหมือนจะเป็นการหลบหลีกมากกว่า เพราะจาก 'คำคม คำขวัญ ที่ลงชื่อ ส.อริยวังโส ศาสตราจารย์ ส.โกศลกิติวงศ์' ติดหราอยู่ตามผนังอาคารหลายหลังในอุทยานศาสนาฯ รวมทั้งตัว 'พระอริยวังโส' เอง ก็ได้ออกมาโปรดลูกศิษย์ในโอกาสต่างๆ นั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างแน่นแฟ้นและมิอาจปฏิเสธได้

ฤานี่จะเป็นสัญญาณที่ส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า 'อุทยานศาสนาพระโพธิสัตว์กวนอิม' พร้อมแล้วสำหรับ 'หุบผาสวรรค์ ภาค 2' และการกลับมาอีกครั้งของ 'สุดยอดคนทรงเจ้า' (สุชาติ โกศลกิติวงศ์)




Last modified: วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2542