สภาถกข้อมูลลับ มั่วสีกาอี๊ด พระผู้ใหญ่ธรรมกาย ระบุเมียเก็บเพียบ พระพยานที่รู้เห็นถึงกับตายปริศนา ชาวพิจิตรรุมแฉ! โดนธัมมชโยไล่ที่ หัวข้อข่าว นสพ.ข่าวสด วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2541

Posted by ฉึกกะฉัก on December 17, 1998 at 08:39:15:

สภาถกข้อมูลลับ มั่วสีกาอี๊ด พระผู้ใหญ่ธรรมกาย ระบุเมียเก็บเพียบ พระพยานที่รู้เห็นถึงกับตายปริศนา ชาวพิจิตรรุมแฉ! โดนธัมมชโยไล่ที่ หัวข้อข่าว นสพ.ข่าวสด วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2541

กรรมาธิการศาสนาถกเครียดปัญหาวัดธรรมกาย งัดข้อมูลลับมาพิจารณาอย่างหมดเปลือก ระบุพระผู้ใหญ่ของธรรมกายตามรอยสมียันตระ สะสมสีการะดับไฮโซฯไว้หลายคน โดยคนโปรดตั้งแต่ยุคแรกๆชื่อ 'สีกาอี๊ด' ซึ่งกมธ.ศาสนาเชื่ออาจมีสีกาบางคนทนไม่ไหวเปิดตัวออกมาเปิดโปงนักธุรกิจในผ้าเหลือง ชี้กรณีนี้ไม่ยืดเยื้อเหมือนตอนพระยันตระแน่ เพราะมีพยานที่พบเห็นพฤติกรรมลับๆนี้หลายคน แฉพระลูกวัดรูปหนึ่งเกิดไปพบเห็นมหัศจรรย์ของพระผู้ใหญ่ของธรรมกายเข้า ถึงขนาดเตรียมเผ่นหนีจากวัดแต่ไปไม่รอด กลายเป็นศพตายปริศนา โดยวัดจัดการฌาปนกิจให้เสร็จ ทั้งที่ปกติไม่เคยทำพิธีเผาศพใครเลย 'ตูมตาม' ชี้ 'ธัมมชโย' กว้านซื้อที่ดินทำเหมืองทองในนามตัวเองไม่เหมาะสมแน่ เกิดสึกออกมาเมื่อไรก็จได้เป็นเจ้าของที่ดินไปเลย จริงๆแล้วควรซื้อในนามกรรมการวัด ด้าน 'พระพยอม' มั่นใจเรื่องเน่าเหม็นของธรรมกายจะหลุดออกมาเรื่อยๆ เนื่องจากตอนนี้โลงแตกแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม ได้ประชุมพิจารณาปัญหาของวัดพระธรรมกาย โดยมีนายเด่น โต๊มีนา ประธานกรรมาธิการฯเป็นประธาน ต่อมานานเด่นให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า หลังจากมหาเถรสมาคมมีมติให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 รับเรื่องวัดพระธรรมกายไปศึกษาในรายละเอียด และกรมการศาสนาได้ตั้งคณะกรรมไตรภาคีขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่ามีสิงใดที่วัดพระธรรมกายกระทำถูกต้องก็ให้ทำต่อไป แต่หากสิ่งใดที่ทำผิดจะต้องแก้ไข สำหรับส่วนของกรรมาธิการนั้นก็จะศึกษารายละเอียดอีกทางหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลเสนอต่อมหาเถรสมาคม ทั้งนี้จะศึกษารวมไปถึงกรณีที่พระภิกษุมโน เมตตานันโท อดีตพระลูกวัดพระธรรมกายออกมาแฉพฤติกรรมภายในวัดว่าขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตามกรรมาธิการฯยังไม่ได้กำหนดเวลาว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปและวัฒนธรรมแจ้งว่า ที่ประชุมได้รวบรวมข้อมูลบางอย่าง ซึ่งเคยมีผู้ศึกษาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายไว้ตั้งแต่ปี 2531 พบว่ามีพระผู้ใหญ่ของวัดได้ทำผิดพระธรรมวินัยต้องอาบัติร้ายแรง มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา โดยมีหญิงสาวบางคนเคยออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนบางฉบับแล้วตั้งแต่ปี 2631 โดยเฉพาะบุคคลที่ชื่อ 'อี๊ด' นับเป็นภรรยาเก็บในระดับต้นๆของพระผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ต่อมาพบว่าพระรูปดังกล่าวมีผู้หญิงเก็บอีกหลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงไฮโซฯ นอกจากนี้บางคนยังเป็นภรรยาข้าราชการระดับสูง แต่คนเหล่านี้ต่างไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัวและเล่าถึงความสัมพันธ์กับพระรูปดังกล่าว เนื่องจากกลัวเสียชื่อเสียง อย่างไรก็ตามกรรมาธิการยังหวังว่าอาจจะมีผู้หญิงบางคนที่อาจทนไม่ได้เมื่อความจริงถูกเผยออกมาคงจะกล้าออกมาแฉพฤติกรรมจากพระผู้ใหญ่รูปนี้ ทั้งนี้กรรมาธิการเชื่อว่าการหาความจริงเกี่ยวกับวัดธรรมกายจะไม่ยืดเยื้อเหมือนคดีอดีตพระยันตระ เพราะมีลูกศิษย์จำนวนมากที่เห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและเป็นเรื่องที่จำนนต่อหลักฐานโดยชัดเจน

ข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากนี้กรรมาธิการยังทราบข้อมูลว่ามีพระบางรูปที่พยายามหนีออกจากวัด เนื่องจากไปพบเห็นความจริงในระหว่างที่มีผู้หญิงคนหนึ่งแสดงความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระผู้ใหญ่ในวัดพระธรรมกายบางรูป แต่ในที่สุดพระรูปนั้นกลับตายอย่างปริศนาในวัดพระธรรมกายโดยตามตัวศพเขียวช้ำ และทางวัดก็นศพไปฌาปนกิจภายในวัดทั้งที่วัดพระธรรมกายไม่เคยเผาศพใครมาก่อน ทั้งนี้ญาติของพระรูปนี้กลับไม่ติดใจเอาเรื่องเพราะเห็นว่าเหตุการณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่กรรมาธิการบางคนก็ยังหวังว่าญาติของพระรูปดังกล่าวจะออกมาเปิดเผยความจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่มีข่าวว่าวัดพระะรรมกายได้ก่อสร้าง อาคาร สำนักงาน และศาลาธรรมกายทั้งหลังใหม่และเก่า ตลอดจนคอนโดมิเนียมด้านหลังวัดฝั่งตะวันออกที่สร้างใหม่ และสิ่งปลูกสร้างสารพัดชนิดซึ่งไม่มีการยื่นแบบแสดงการก่อสร้างต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้งที่เทศบาลต.ท่าโขลง และที่ อบต.คลองสาม เนื่องจากวัดธรรมกายมีพื้นที่อยู่ในเขตรับผิดชอบครอบคลุมใน 2 พื้นที่นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณหญิงจรัสศรี ทีปรัช ผวจ.ปทุธมานี กล่าวถึงกรณีที่มูลนิธิวัดธรรมกายมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในนามของมูลนิธิ แต่กลับไม่ได้แจ้งต่อหน่วยงานรับผิดชอบว่า ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522 ระบุชัดเจนว่าการก่อสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดในนามของมูลนิธิ แม้ว่าจะใช้ในกิจการของวัดก็ตามต้องยื่นแบบก่อสร้าง หากไม่ทำตามนี้ถือว่าเป็นความผิด ทั้งนี้จังหวัดได้มอบหมายให้เทศบาล ต.ท่าโขลง และ อบต.คลองสาม เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องแล้ว จังหวัดคงจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้เว้นแต่มีประชาชนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนหรือคลางแคลงใจเรื่องการก่อสร้าง

"เรื่องนี้ เทศบาล ต.ท่าโขลง และทาง อบต.คลองสาม ต้องรับผิดชอบโดยตรง หากไม่ปฏิบัติถือว่าเป็นการละเว้น" คุณหญิงจรัสศรี กล่าว

นางพิมพ์ใจ แสนงาม ชาวบ้านอาศัยใกล้เคียงวัดธรรมกายกล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในวัดส่งเสียงดังตลอดทั้งวันและคืน จนชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต้องทนเดือดร้อนกับมลภาวะทางเสียง อยากถามว่ามีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปดูแลบ้างหรือไม่ ชาวบ้านต้องทนฟังเสียงดังไม่เป็นอันหลับอันนอนติดต่อกันมาเป็นเดือนแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้วัดพระธรรมกายโดยพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ได้ทำหนังสือชี้แจงจำนวน 2 ฉบับส่งให้กับสมชิกของวัดจำนวนนับแน แจกจ่ายไปยังผู้ปฏิบัติธรรมเพราะเกรงว่าวัดจะเสียหาย และสมาชิกเริ่มเชื่อว่าเป็นจริงตามที่มีการเสนอข่าว จึงพยายามเบนประเด็นว่าสื่อมวลชนจ้องจับผิด

ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไปกว้านซื้อที่ดิน 156 ไร่ ที่อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร เพื่อเตรียมทำกิจกรรมเหมืองทอง โดยมีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของในโฉนดว่า เรื่องนี้คงต้องไปดูข้อเท็จจริงก่อน ตนเห็นว่าทางวัดควรจะดำเนินการในลักษณะเป็นกรรมการมากกว่า ไม่ควรจะซื้อในนามของเจ้าอาวาส เพราะว่าเจ้าอาวาสสามารถที่จะสึกออกมาเป็นฆราวาสไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าซื้อในนามของกรรมการวัด ชื่อที่ดินก็เป็นของวัด และถ้าวัดมีมูลนิธิก็สามารถซื้อในนามของมูลนิธิได้เช่นกัน

"ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวไปนั้น ผมเห็นว่าความจริงก็คือความจริง ปิดบังกันไม่ได้ ซึ่งเรื่องของความเหมาะสมไม่เหมาะสม ทางพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เจ้าคณะภาค 1 จะต้องเป็นผู้พิจารณา" นายอาคมกล่าว ผู้สื่อข่าวภามว่าในการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย ทางกรมการศาสนาจะเข้าไปดูได้หรือไม่ นายอาคมกล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายยุทธชัย อุตมา รองอธิบดีกรมการศาสนาเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว จะต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอให้ตนทราบ เรื่องนี้ไม่มีว่าใครผิดใครถูก ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

วันเดียวกัน ที่โรงแรมมารวยการ์เดน ถนนพหลโยธิน พระพิศาลธรรมพาที (พะยอม กัลยาโณ) แห่งวัดสวนแก้วได้มาแสดงเทศนาธรรม โดยกล่าวพาดพิงถึงวัดพระธรรมกายตอนหนึ่งว่า การออกพระเครื่องรุ่นดูดทรัพย์ของวัดพระธรรมกาย เป็นความอัปมงคล ถือเป็นมิจฉาทิฎบฐิ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน หลอกให้พากันหลงบุญบ้าบุญกันไปหมด อีกทั้งดึงหลวงพ่อสด วัดปากน้ำมาละเลงเสียจนเละเทะมัวหมองไปด้วย

พระพยอมกล่าวภายหลังว่า รู้สึกเห็นใจและสงสารพระเถระในมหาเถรสมาคม ที่ต้องเข้ามาจัดการปัญหาวัดพระธรรมกาย เพราะหากทำอะไรรุนแรงไปก็คงไม่ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ก็มีกันอยู่พอสมควร แต่ถ้าไม่เข้าไปดำเนินการอะไร บรรดานักวิชาการและพุทธศาสนิกชนก็คงต้องตำหนิท่านว่าทำงานล่าช้า ไม่ให้ความสำคัญ แต่เชื่อได้ว่าปัญหานี้ไม่มีพระผู้ใหญ่รูปไหนอยากเข้าไปเกี่ยวข้องให้เปลืองตัว คงต้องฝากความหวังไว้ที่ฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายศาสนจักรให้ร่วมมือแก้ไข

"ขณะนี้ความเน่าเหม็นในวัดพระธรรมกายเริ่มแดงออกมาเรื่อยๆ กลายเป็นธรรมกายโลงแตกไปแล้ว หากคณะสงฆ์เห็นแก่พระศาสนา ควรพิจารณาเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสเสียใหม่ และหาพระดีๆมีแนวทางด้านการบริหารพระศาสนาที่ถูกต้องชัดเจนเข้าไปบริหารแทน ถ้ายังปล่อยให้เจ้าอาวาสที่ตอกเป็นทาสของธุรกิจแสวงหาผลกำไรอยู่อย่างนี้ ในอนาคตอันใกล้ก็คงมีพระรุ่นดูดโน่นดูดนี่ออกมาอีกแน่นอน" พระพยอมกล่าว

ที่ จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายหม่ำ มณี อายุ 70 ปี กรรมการวัดเขาพนมพา อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร สอบถามเกี่ยวกับความเป็นมากรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมากว้านซื้อที่ดินเพื่อไปทำเหมืองทองคำว่า เรื่องเกิดขึ้นเนื่องจากวัดเขาพนมพา มอบที่ดินที่ได้รับบริจาคจากนายธรรม ไม่ทราบนามสกุล เนื้อที่ 25 ไร่เศษ ให้กรรมการวัดสร้างวัดและโรงเรียน กรรมการวัดนำเอกสารที่ดินเป็นส.ค.1 ไปฝากไว้กับนายสมบูรณ์ ใจซื้อ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่7 ขณะนั้น จากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างโรงเรียนและวัดขึ้นมา

ต่อมาประมาณ พ.ศ.2519 ได้มีนายถาวร พรมแดง นายชาญวิทย์ เปรมกมล และเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้ามาดูที่ดินของวัด และให้นายชาญวิทย์ติดต่อขอซื้อที่ดินจากนายสมบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ปรากฎว่านายสมบูรณ์นำที่ดินไปแอบขายโดยไม่ผ่านการยินยอมจากใครทั้งสิ้น ชาวบ้านไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากมีการนำกลุ่มคนแต่งกายทหารเข้ามาข่มขู่ไล่ที่ให้รื้อถอนและย้ายวัดออกไปยังที่ที่นายชาญวิทย์บอกว่าจะยกให้ แต่ไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ ห่างออกไปประมาณ 1.5 ก.ม. ทำให้พระเดือดร้อนในการบิณฑบาตรอย่างมาก

ส่วนพระจันทร์ สาระกันโท อายุ 73 ปี พระลูกวัดเขาพนมพา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์โดนธรรมกายไล่ที่ กล่าวว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับพวก เดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง อ้างว่านายสมบูรณ์ ขายที่ดินให้กับพวกตนหมดแล้วเพื่อจะทำแร่ทองคำ ขอให้ย้ายวัดไปอยู่ที่ไหน ซึ่งอาตมากับพระในวัดรูปอื่นๆจะไม่ยอมย้าย แต่ก็เกรงอิทธพลกลุ่มนายทุนและผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องยอมย้ายมาอยู่วัดเข้าพนมพาแห่งใหม่จนบัดนี้

ด้านพระครูวิเศษ วิริยะกุล เจ้าคณะอำเภอวังทรายพูน กล่าวถึงการขยายธุรกิจเหมืองทองคำของวัดพระธรรมกายว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายทำภารกิจสงฆ์เกินหน้าที่หรือเปล่า การมาก้าวก่ายกิจสงฆ์ข้ามจังหวัด สร้างความวุ่นวาย น่าสงสัยด้วยว่าเอาเงินมาจากที่ไหนมาซื้อที่ดิน ถ้าเป็นเงินบริจาคของชาวบ้าน ก่อนซื้อมีมติสงฆ์ในวัดหรือเปล่า เรื่องนี้คณะสงฆ์น่ามีมาตรการตรวจสอบควบคุม ตามกฎหมายแล้วชื่อพระจะเป็นเจ้าของโฉนดไม่ได้ นอกจากสึกออกมาเสียก่อน เป็นพระจะมากว้านซื้อที่ดินได้อย่างไร ตรงนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เรื่องนี้ทางราชการก็ทำไม่ถูก อาจมีส่วนรู้เห็นด้วย

นายบรรเจิด กลิ่นจันทร์ ผู้ช่วย ผอ.ปอ.วังทรายพูนกล่าวว่า ทราบจากคำบอกเล่าของชาวบ้านว่าจะมีคนมาทำเหมืองทองคำรอบๆเขาพนมพาจริง อยู่ตรงข้ามโรงเรียนแค่ถนนกั้น แต่การย้ายโรงเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องทำเป็นเรื่องสงไปยังสปจ.พิจิตร และอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ต้องยินยอมเรื่องนี้ด้วย