'ธัมมชโย' กว้านซื้อที่ดิน ทำเหมืองทอง 'โฉนด'ติดชื่อหรา 156 ไร่ ให้คนสนิทขอ'ประทานบัตร' ชาวบ้านข้อใจ'กิจของสงฆ์' พาดหัวข่าว หน้า 1 นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2541

Posted by ฉึกกะฉัก on December 16, 1998 at 08:10:11:

'ธัมมชโย' กว้านซื้อที่ดิน ทำเหมืองทอง 'โฉนด'ติดชื่อหรา 156 ไร่ ให้คนสนิทขอ'ประทานบัตร' ชาวบ้านข้อใจ'กิจของสงฆ์' พาดหัวข่าว หน้า 1 นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2541

เปิดหลักฐานเด็ด 'ธัมมชโย' เจ้าสำนักธรรมกาย ส่งสาวกออกกว้านซื้อที่ดิน 156 ไร่ ที่จ.พิจิตร ไล่โรงเรียน วัด หมู่บ้าน ที่อยู่มาก่อนออกหมด ขอโฉนดใส่ชื่อตัวเองเรียบร้อยได้มาเมื่อต้นปี 2540 เตรียมขอประทานบัตรทำ'เหมืองแร่ทองคำ' ยามวัดพระธรรมกายแฉมีหญิงเข้าไปนั่งสมาธิจนเสียสติ ถูกคำสั่งห้ามเข้าวัด ต้องคอยไล่ไม่ให้เข้าไปยุ่งงานบุญ รองเจ้าอาวาสสวนโมกข์ชี้ไม่ต้องมีโบสถ์ ศาลาใหญ่โตก็ปฏิบัติธรรมได้

หลังจากที่หนังสือพิมพ์ 'มติชน' ได้นำเสนอเรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี มีการสอนหลักธรรมโดยมุ่งไปในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เน้นการบริจาคทรัพย์มากจะได้บุญมาก และการสร้างวัตถุมงคลรุ่น "ดูดทรัพย์" ซึ่งได้ก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนต่อผู้ที่หลงศรัทธาต่อทางวัด บางครอบครัวถึงกับบ้านแตกสาแหรกขาด และต่อมามีผู้รู้ในทางหลักพุทธศาสนา อาทิ พระธรรมปิฎก(ประยุทธ์ ปยุตโต) พระพิศาลธรรมพาที (พระพยอม กัลยาโณ) นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต นายแพทย์ประเวศ วะสี พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ และพระมโน เมตฺตานนฺโท ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์และเขียนบทความชี้ถึงพฤติกรรมของวัดพระธรรมกายที่ขัดต่อหลักธรรมของพุทธศาสนา เช่น มีการสอนว่านิพพานเป็นอัตตา ทั้งที่หลักคำสอนระบุว่าเป็นอนัตตา และยังมีการสั่งอาหารจากภัตตาคารชื่อดังไปฉันแทนการบิณฑบาตรทุกวัน ฯลฯ นั้น

ล่าสุดหนังสือพิมพ์ "มติชน" ได้ตรวจพบข้อมูลหลักฐานพฤติกรรมของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ไม่เหมาะสมต่อสมณเพศและเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นไปโดยชอบในหลักการของกฎหมายบ้านเมืองหรือไม่ที่พระสงฆ์มาดำเนินการดังกล่าว

สำหรับพฤติกรรมดังกล่าวนี้พบว่า พระธัมมชโย ได้เข้าไปกว้านซื้อที่ดินบริเวณโดยรอบภูเข้าพนมพา หมู่ 7 บ้านเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร จำนวน 6 แปลง รวมเป็นเนื้อที่ 156 ไร่ 1 ตารางวา เพื่อจะประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ทอง เมื่อปี 2534 โดยในพื้นที่ดังกล่าวก่อนหน้านี้มีทั้งโรงเรียน วัด และหมู่บ้านตั้งอยู่ แต่ต่อมาได้ถูกกันออกนอกพื้นที่ดังกล่าวไปทั้งหมด

รายงานข่าวแจ้งว่า การเข้าไปกว้านซื้อที่ดินดังกล่าว ตอนแรกมีพระรูปหนึ่งและฆราวาสอ้างว่ามาจากวัดพระธรรมกาย ได้เข้าไปกว้านซื้อที่ดินเป็นเงิน 870,000 บาท โดยแจ้งกับชาวบ้านว่าจะนำที่ดินบริเวณนี้ไปทำเหมืองแร่ทอง โดยเอกสารหลักฐานของที่ดินดังกล่าวเป็น น.ส.3 ชื่อ นางละม้าย อยู่แก้ว ซึ่งอยู่ที่บ้านเขาพนมพา หมู่ 7 ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน ต่อมาได้เปลี่ยนมือเป็นชื่อนายชาญวิทย์ เปรมกมล ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ 3 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และล่าสุดนายชาญวิทย์ได้ขายที่ดินต่อให้พระธัมมชโยเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2534 โดทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ณ.สำนักงานที่ดินอำเภอวังทรายพูน มีนายจำกัด ญาณฤทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอวังทรายพูน เป็นคนทำสัญญา แยกที่ดินเป็นแปลงดังนี้

น.ส.3 ก. เลขที่ 1826,1730 เนื้อที่ 14 ไร่เศษ ในราคา 120,00 บาท น.ส.3 เลขที่ 1623,1625 เนื้อที่ 20 ไร่เศษ ราคา 150,000 บาท และน.ส.3 เลขที่1565,1566,209 เนื้อที่ 112 ไร่เศษ ราคา 600,000 บาท และต่อมามีการเปลี่ยนเป็นโฉนดมีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์คือ พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย (สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2540

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวต่างชาติเข้าไปสำรวจหาแร่ทองคำในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งได้สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านอย่างมาก เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีแหล่งแร่ทองคำอยู่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันต่างก็พากันโจษขานว่าพระธัมมชโยรู้ได้อย่างไรว่าที่ดินผืนนี้มีแหล่งแร่ทองคำ และเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของธุรกิจที่ดินและเหมืองแร่ อีกทั้งเงินที่นำมาซื้อที่ดินนั้นได้มาจากส่วนไหนอย่างไร

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากที่มีการจัดซื้อที่ดินแล้วยังมีบุคคลใกล้ชิดพระธัมมชโยได้ไปติดต่อขอประทานบัตรทำเหมืองกับกรมทรัพยากรธรณีด้วย

นายกำพล วงศ์ธนสมบัติ วิศวกรเหมืองจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า การจะขออนุญาตทำเหมืองแร่ต้องไปขออนุญาตที่กรมทรัพยากรธรณีในส่วนกลางเท่านั้น เพราะทรัพยากรจังหวัดไม่สามารถอนุญาตให้ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ "มติชน" จะติดตามรายละเอียดมานำเสนอต่อไป (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หน้า2)

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยองค์การทหารผ่านศึกผู้หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ทำหน้าที่ยามรักษาการณ์ในวัดเป็นเวลาปีเศษแล้ว มีเรื่องไม่สบายใจที่ต้องคอยขับไล่อุบาสิกาอุบาสิกาหญิงผู้หนึ่งที่สติไม่ดีให้ออกไปจากวัด เนื่องจากหญิงคนดังกล่าวนั่งสมาธิแล้วเสียสติ เจ้าหน้าที่วัดส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่รักษาไม่หาย ผู้ปฏิบัติธรรมหญิงดังกล่าวพยายามเข้ามาที่วัดทุกวันอาทิตย์ที่มีงานบุญประจำวัด จึงต้องคอยขับไล่ออกจากวัด แท้จริงตนไม่อยากขับไล่เพราะสงสาร แต่ระเบียบของทางวัดเข้มงวดมาก หากฝ่าฝืนจะถูกสั่งพักงาน สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกายนั้นเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นคนมีฐานะดี เป็นคุณหญิงคุณนาย อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากคุยกับสื่อมวลชนเพราะช่วงนี้มีคำสั่งห้ามให้ข่าว หรือคุยกับสื่อมวลชนเด็ดขาด ถ้าทางวัดเห็นจะถูกสั่งพักงานทันที

ทางด้านพระอาจารย์สุชาติ รองเจ้าอาวาสฝ่ายปฏิบัติธรรมสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าการจะปฏิบัติธรรมนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกสร้างอาคารใดๆให้ใหญ่โต เพราะถ้ามีการทำ"นวกรรม"ใดๆ ขึ้นมาแล้วจะเกิดความทุกข์เพราะปัจจัยที่นำมาทำนั้นพระไม่ได้ออกแต่ประชาชนเป็นผู้ให้ พอมีการปลูกสร้างขึ้นมาก็เป็นวัตถุนิยมก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในทางโลกที่สวนโมกข์ใช้ต้นไม้ ป่าทึบ เป็นที่อบรมสั่งสอนผู้คนให้ลดละกิเลส อย่าเห็นแก่ได้ อย่าเห็นแก่ตัว การทำบุญด้วยสิ่งของนั้นไม่ใช่จะขอไปขึ้นสวรรค์ได้หมด เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้เกิดการค้ำกำไรเกินควร การที่ผู้คนจะยึดมั่นในพระพุทธศาสนานั้นสิ่งหนึ่งไม่ต้องไปวัดก็ได้ อยู่บ้านก็ปฏิบัติธรรมในวันขึ้น 8 ค่ำ 15 ค่ำ ได้ โดยทำจิตใจให้ผ่องใส บริสุทธิ์ อย่าเห็นแก่ตัว

"ขณะนี้พุทธบริษัทของไทยกำลังอยู่ในห้วงของการลุ่มหลงในทิศทางที่ผิด เพราะเรามุ่งเน้นกันที่วัตถุ เครื่องรางของขลัง ไม่เข้าไปถึงแก่นของศาสนา เลือกเอาแต่เปลือกนอกแล้วมายึดติดกันโดยความแน่นแฟ้นชักจูงกันมา เวลานี้พุทธบริษัทจากกรุงเทพฯมาปฏิบัติธรรมกันมากมายทั้งที่สวนโมกข์และเขาสันติ อ.หัวหิน ไม่เห็นมีใครบ่นว่าไม่มีโบสถ์ ศาลาเลย เพราะทุกสิ่งอยู่ที่ใจต่างหาก" พระอาจารย์สุชาติกล่าว

นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมนี้ว่า วันเดียวกันนี้ได้รับรายงานจากกรมศาสนาว่า นายยุทธชัย อุตมา รองอธิบดีกรมการศาสนาได้เข้านมัสการพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เจ้าคณะภาค 1 เพื่อหารือถึงการตรวจสอบกรณีวัดพระธรรมกายแล้ว พระพรหมโมลีแจ้งให้ทราบว่า อยู่ระหว่างพิจารณา ดังนั้นคงต้องให้เวลาอีกระยะหนึ่ง หากมีมติอย่างไรจะนำเสนอกรรมการมหาเถระสมาคมต่อไป ถ้าพบว่าเกิดความไม่ถูกต้องในวัดพระธรรมกายอาจะใช้วิธีการตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ประกอบด้วยตัวแทนวัดพระธรรมกาย ตัวแทนกรรมการมหาเถรสมาคม และกรมการศาสนา ทำหน้าที่แก้ไขจะดบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้นต่อไป เชื่อว่าวิธีการนี้จะสามารถยุติปัญหาต่างๆได้

พระมโน เมตฺตานนฺโท หรืออดีตนายแพทย์มโน เลาหวนิช ที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมนาศาสนาและสันติภาพแห่งโลก ซึ่งเป็นอดีตศิษย์เอกของหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ลาออกจากวัดเปิดเผยว่า ได้รับเชิญจากรายการ "เจาะใจ" ทีวีช่อง 5 ให้ไปพูดในรายการในวันที่ 24 ธันวาคม เรื่องวัดพระธรรมกายโดยตนได้ตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามทราบว่าในรายการคงจะมีคนของฝ่ายวัดพระธรรมกายไปร่วมด้วย ส่วนประเด็นต่างๆที่จะพูดยังไม่ทราบคงแล้วแต่ผู้ดำเนินรายการจะถาม

"งานนี้อาตมาได้ตัดสินใจแล้วที่จะเปิดตัว และทราบดีว่าทางฝ่ายวัดพระธรรมกายคงตำหนิอาตมาอย่างมาก แต่เป็นเรื่องจำเป็นอาตมาคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคมและพุทธศาสนา" พระมโนกล่าว