'หลวงพ่อสด'ทองไม่ถึงตัน โฆษณามุสา! ช่างหล่อแฉ'ธรรมกาย'ของจริงหนัก 420 ก.ก. 'ธรรมกาย' ปลดป้ายดึงคนทำบุญสร้างพระประจำตัว นำพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงขึ้นแทน พร้อมวนให้ร่วมบวชอุบาสกแก้ว ช่างหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อสดกลัวผิดศีล 5 เปิดความจริงที่แท้ใช้ทองคำแค่ 420 ก.ก. หวั่นต้องร่วมขบวนโกหกาติโยมทุ่มสร้าง 1,000 ก.ก. หัวข้อข่าว นสพ.มติชน รายวัน ฉบับวันพุธที่ 23 ธันวาคม 2541

Posted by ฉึกกะฉัก on December 23, 1998 at 18:58:12:

'หลวงพ่อสด'ทองไม่ถึงตัน โฆษณามุสา! ช่างหล่อแฉ'ธรรมกาย'ของจริงหนัก 420 ก.ก. 'ธรรมกาย' ปลดป้ายดึงคนทำบุญสร้างพระประจำตัว นำพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงขึ้นแทน พร้อมวนให้ร่วมบวชอุบาสกแก้ว ช่างหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อสดกลัวผิดศีล 5 เปิดความจริงที่แท้ใช้ทองคำแค่ 420 ก.ก. หวั่นต้องร่วมขบวนโกหกาติโยมทุ่มสร้าง 1,000 ก.ก. หัวข้อข่าว นสพ.มติชน รายวัน ฉบับวันพุธที่ 23 ธันวาคม 2541

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่เข้ามาภายในวัดพระธรรมกายยังคงบางตา มีประชาชนมาทำบุญประมาณ 100 คนเท่านั้น อีกทั้งในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่มีกำหนดการว่าจะนำพระประจำตัวชุดแรกมาบรรจุไว้ในแกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์กลับไม่มีกิจกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตามยังคงก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ต่อไป เป้นที่น่าสังเกตว่าบริเวณทางเข้าวัดซึ่งแต่เดิมเป็นปายโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทำบุญสร้างพระประจำตัวจำนวน 1,000,000 องค์นั้นมีการปลดป้ายออกแล้วเปลี่ยนเป็นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ โดยนำเอาพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ "พ่อ คือสุดยอดผู้นำเลิศล้ำกว่าใครในหล้า พระคุณพ่อมากล้นเกินพรรณา ลูกขอบวชบูชาอุบาสิกาแก้ว 100,000 คน วันที่ 29-31 มกราคม 2542" และชักชวนให้ประชาชนบวชอุบาสกแก้ว

พระครูพิพัฒน์ปทุมเขร เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ในสายการปกครอง การบอกบุญ การหล่อพระ และสร้างถาวรวัตถุของวัดพระธรรกมายจะต้องรายงานของอนุญาตตามลำดับชั้นถึงกรมการศาสนา รวามถึงการขึ้นป้ายโฆษณา แต่ทั้งหมดนี้ทางวัดไม่เคยดำเนินการใดๆตามระเบียบเลย ส่วนเรื่องพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาส ทำธุรกิจกว้านซื้อที่ดินนั้น พระอยู่อีกในสมณเพศไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการค้า เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม (มส.) ควรเร่งดำเนินการให้กระจ่างว่าจะมีมาตรการกำหนดบทลงโทษอย่างไร เพราะมีพฤติกรรมอีกมากมายที่พระทั่วทั้ง จ.ปทุมธานี เห็นว่าไม่เหมาะสม แต่ไม่มีพระรายใดกล้าเพราะเกรงอิทธิพลของวัดนี้

นายบุญส่ง นุชน้อมบุญ นายช่างประจำกรศิลปากร ซึ่งเป็นช่างหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อมงคลเทพมุณีหรือหลวงพ่อสด ที่วัดพระธรรมกาย โฆษณาชวนเชื่อว่าสร้างจากทองคำแท้หนักถึง 1 ตัน ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับการติดต่อจากวัดเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา โดยพระที่ชื่อหลวงพี่หมู กับศิษย์เก่าของวิทยาลัยช่างศิลป์รายหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับตนมาขอคำแนะนำเรื่องเทคนิคการหล่อ แจ้งว่าเจ้าอาวาสต้องการหล่อรูปเหมือนทองคำของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตนจึงแย้งว่าการหล่อรูปเหมือนทองคำขนาดใหญ่นั้นเป็นการสิ้นเปลือง เพราะทองคำมีราคาแพงและใช้จำนวนมาก หลวงพี่หมูกลับตอบว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน ทkงวัดขอเพียงความช่วยเหลือและคำแนะนำเท่านั้น ส่วนเรื่องทองคำที่หามานั้นทางวัดจะจัดการเอง ตนจึงตอบตกลงโดยขอหล่อรูปเหมือนจากตะกั่วเพื่อเป็นการทดลองก่อน

"หลังจากตกลงกันแล้ว 2 สัปดาห์ต่อมาทางวัดเชิญผมและทีมงาน ซึ่งมีลูกน้องผมไปด้วยกัน 2 คน ไปตัวเปล่า เพราะเห็นว่าทองคำจำนวนมากจึงไม่เอาของส่วนตัวติดไปเลย เมื่อไปถึงวัดมีช่างของวัดหลายคนมาช่วยกันโดยช่างบางรายเป็นพระ และผู้ปฏิบัติธรรมที่มีความรู้ทั้งทางจิตรกรรม ช่างศิลป์ และวิศวกรรมมาควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ครั้งแรกผมหล่อด้วยตะกั่วหนัก 400 กิโลกรัม (ก.ก.) เมื่อหล่อรูปเหมือนตะกั่วเสร็จแล้วก็กลัมาอีกครั้งเพื่อหล่อพระทองคำ โดยผมกำหนดใช้ทองคำประมาณ 400 ก.ก. และทางวัดบอกว่ามีทองคำ 99.95% จำนวน 600 ก.ก. เตรียมไว้ ทุกขึ้นตอนจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดดูแลอย่างรัดกุม และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคุมเข้มตลอดเวลา" นายบุญส่งกล่าว

นายบุญส่งกล่าวต่อว่า หลังจากตนเบิกทองคำมาแล้วใช้วิธีหลอมทองจำนวน 10 เบ้าหลอม แต่ละเบ้าหลอมมีทองจำนวน 60 ก.ก. ซึ่งใช้ทองไปเพียง 7 เบ้า หรือประมาณ 420 ก.ก. ก็เต็มองค์ ส่วนทองที่เหลืออีก 3 เบ้า ทางวัดตอบว่าจะนำไปหล่อพระพุทธรูปในโอกาสต่อไป หลังจากเสร็จพิธีแททองหล่อพระในวันดังกล่าวตนไม่เคยไปที่วัดนี้อีกเลย และไม่ทราบมาก่อนว่าทางวัดประชาสัมพันธ์ว่าพระองค์ดังกล่าวมีน้ำหนักถึง 1 ตัน ครั้งแรกรู้สึกแปลกใจเพราะเท่าที่สอบถามญาติโยมที่ไปทำบุญ หลายรายดุจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมากมาย แต่สามารถบริจาคได้ถึงคนละ 1-2 ก.ก.

"ผมไม่อยากโกหก เพราะผมไม่มีลับลมคมในและผลประโยชน์ใดๆกับวัด เมื่อสื่อมวลชต้องการข้อเท็จจริงผมก็ต้องเปิดเผย เนื่องจากการหล่อพระหลวง่พอทองคำขนาดใหญ่นี้ ผมต้องบันทึกลงจดหมายเหตุของช่างว่าสร้างเมื่อใด ขั้นตอนอย่างไร จะโกหกว่ามีน้ำนหักทองคำ 1 ตันจริงไม่ได้ เพราะรูปหล่อนี้มีลักษณะที่กลวง หนาประมาณ 3.0 - 4.0 มิลลิเมตรเท่านั้น ไม่ใช่องค์เต็ม หากเทให้เต็มองค์ต้องใช้ทองคำหนักถึง 3 ตัน ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่จำเป็น" นายบุญส่งกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีชื่อสีกาอี๊ด ผู้ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย และเกี่ยวข้องกับบริษัท โซอ๊อกซ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ เลขที่ 542/1981 หมู่ที่ 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวมีนางจิรวัฒน์ บุณยบุตร ซึ่งก็คือนางจิรวัฒน์ ศรีสัตนา เป็นเจ้าของ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 44 ซศุภราช ถ,พหลโดยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2533 นอกจากนี้ยังพบอีกว่า นางจิรวัฒน์ บุณยบุตร ยังเป็นเจ้าของบริษัทอีก 3 แห่ง ที่ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกัน คือ บริษัท โซโซ่ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2533 บริษัท แมน แอนด์ วูแมน จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2533 ด้วย และห้างหุ้นส่วนจำกัดเอส.วี.เจ.ฟาร์มามีร้อยตำรวจโทอำนวย ดิษฐกวี และนางสาวจีรพร วงศรานุชิ ร่วมหุ้นด้วย จดทะเบียนเมื่อ 30 มกราคม 2518

นายวัฒนา อัศวเหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกรมที่ดิน กล่าวว่า ได้สังการให้นายมั่น พัธโนทัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึงกรมที่ดินให้ตรวจสอบที่ดินของวัดพระธรรมกายแล้วว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จำได้ว่าวัดเคยมีหนังสือบอกบุญที่บริษัทของตนสองครั้ง เพื่อนำเงินทีทำบุยไปก่อสร้งสถานทีสำคัญ แต่ตนไม่ได้ร่วมทำบุญด้วย เพราะทราบว่าวัดนี้มีผู้มีจิตศรัทธาทำบุญอยู่มากแล้ว อีกทั้งชอบทำบุญในวัดที่ยังไม่เคยมีใครเข้าไปทำบุญมาก่อน

"การทำบุญไม่ใช่เป็นการบริจาคเงินมากและต้องได้บุญมาก คนทำบุญถ้าทำบุญเพียงแค่ข้าวช้อนเดียวไม่ได้หวังผลตอบแทนก็ได้บุญแล้ว ดังนั้นขึ้นอยู่กับการทำบุญ อย่ายึดติดว่าการทำบุญแล้วหายเจ็บป่วย เพราะหลักพุทธศาสนาบอกว่าการทำบุญขึ้นอยู่กับใจ ทำแล้วปล่อยไป ไม่ต้องไปทวงบุญ" นายวัฒนากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีวัดเมืองคง สาขาของวัดพระธรรมกาย ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพระมหาสมชาย กุลสโม อ.ราษีไล จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพระมหาสมชาย กุลสโม เจ้าอาวาสยึดเอาที่ของกรมศิลปากร 415 ไปสร้างวัดว่า นายพัน บุตรวงศ์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านหลุบโมกข์ ต.เมืองคง ผู้ต่อต้านการสร้างวัดเมืองคง กล่าวว่า พวกตนเคยต่อต้านการสร้างวัด โดยเข้าร้องเรียนต่อศึกษาธิการอำเภอราษีไศล แต่กลับบอกว่าเป็นนโยบายของข้าราชการระดับสูงของจังหวัดที่อนุญาตให้สาขาของวัดพระธรรมกายตั้งสาขาได้ พวกตนจึงต้องเดินทางต่อไปถึงกรมการปกครองเพื่อร้องทุกข์ จนที่สุดทางวัดได้ที่ไปเพียง 60 ไร่ ซึ่งตนไม่ทราบว่ากรมศิลปากรอนุญาตจริงหรือไม่

นายสุรพงษ์ ผดุลรัฐ ศึกษาธิการจังหวัดศรีสะเกษกล่าวว่า วัดเมืองคงได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกรมศิลปากรอย่างถูกต้อง แต่ยังไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ด้าน จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ประชาชนทั้งในเขต อ.ชนแดน และอำเภออื่นๆต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีวัดพระธรรมกายมากว้านซื้อที่บริเวณเขาบ่อทอง จ.เพชรบูรณ์ รวม 479 ไร่ โดยตั้งข้อสังเกตว่าเงินที่ทางวัดนำมาซื้อที่ดินอาจมาจากการทำบุญของผู้มีจิตศรัธทาต่อวัด อีกทั้งยังมุ่งซื้อในแปลงที่กรมทรัพยากรธรณีวิทยาทำการสำรวจ และชี้ว่าเป็นแหล่งแร่ทองคำทั้งสิ้น

นายคำแพง นิระพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ผู้ซึ่งขายที่ดินให้วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขายที่ให้กับวัดในปี 2535 จำนวน 45 ไร่ ไร่ละ 40,000 บาท ซึ่งจำนวนที่ดินของทางวัดในเขตปกครองของตนมีราว 1,000 ไร่ โดยมีชาวบาน 13 รายที่ตกลงขายให้วัด แต่จนปัจจุบันยังไม่มีการทำประโยชน์อะไรเลย และยังปล่อยให้ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่เดิมทำกินอยู่ แต่เก็บค่าเช่าไร่ละ 100 บาท/ปี น่าสังเกตว่าทำไมทางวัดถึงเจาะซื้อที่ที่กรมทรัพยากรธรณีชี้ว่าเป็นแหล่งแร่ทอง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพื้นที่บริเวณเขาบ่อทองนั้น ทางพระธัมมชโยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองโดยส่วนใหญ่ ในขณะที่บริษัทอัคราไมนิ่ง ได้รับอาชญาบัตรพิเศษจากกรมทรัพยากรธรณีวิทยา ให้ดำเนินการสำรวจแร่ทองคำ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2540 จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2542 โดยมีเนื้อที่สำรวจ 16 ตารางกิโลเมตร