เดลินิวส์ 25/2/2542

แฉ'ธัมมชโย'รวยที่ดิน 5พันไร่กว่าหมื่นล้าน

ลุ้นตะลึงกรุสมบัติ"ธัมมชโย"เป็นพระมหาเสี่ย ถือครองที่ดินทั่วประเทศเฉียด 5 พันไร่ มูลค่าหลายหมื่นล้าน ฤทธิ์ดูดบุญเอาไปกว้านซื้อ แพร่สะพัด มีแผนพาหนีแล้ว กรรมาธิการศาสนา สรุปวัดฉาวผิดทั้งทางโลก-ทางธรรม กระเทือนสถาบันหลัก ความมั่นคง สังคมเดือดร้อน สอนผิดธรรมวินัย พัวพันสีกาสาว เรียกร้องมหาเถรฯนำข้อมูลพร้อมเรียกสมช.-สภาความไปให้ปากคำเร่งตัดสิน ครูสระบุรีร่ำไห้ ลูกเนรคุณหลงวัด ขั้นด่าพ่อว่า"ไอ้"โกรธไม่ให้เงินทำบุญ เตือนคนอื่นดูแลลูกให้ดี มหาเถรฯ ยังไม่ชี้ดขาดให้เป็นเรื่องเจ้าคณะภาค 1 เมื่อวันที่ 24 ก.พ.

ที่รัฐสภามีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ โดยมีนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นประธาน ที่ประชุมแจกผลสรุปของกรรมาธิการ ที่ศึกษาปัญหาวัดพระธรรมกายรวมทั้งข้อเสนอที่จะมีไปถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เอกสารฉบับนี้มี 55 หน้า เป็นเรื่องการเงิน การอวดอุตริมนุสธรรม และเรื่องสีกาสาว ที่ระบุชื่อจริงของผู้หญิง ที่มีเกี่ยวกับพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเนื้อหาส่วนนี้มีทั้งสิ้น 40 กว่าหน้า เป็นข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมของหน่วยงานต่าง ๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อกรรมาธิการเห็นข้อมูลก็ทักท้วงว่าไม่ควรแจกจ่ายสื่อมวลชน เนื่องจากมีรายละเอียดระบุถึงตัวบุคคลชื่อ-นามสกุลจริง และวันเวลาที่มาเกี่ยวพันกับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีต หากข้อมูลหลุดไปจะถูกฟ้องร้องแน่ จึงเสนอให้เก็บรวบรวมใหม่ ให้ข้อความรัดกุมก่อนถึงเผยแพร่ แต่ข้อมูลดิบทั้งหมดมอบให้นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษากรรมาธิการ นำไปเสนอที่ประชุมมหาเถรสมาคมต่อไป และกำชับไม่ให้ข้อมูลรั่ว

นายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ โฆษกคณะกรรมาธิการฯแถลงภายหลังการประชุมว่า กรรมาธิการใช้เวลา 3 เดือนในการเก็บข้อมูล และให้โอกาสวัดแล้ว แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงจำเป็นต้องสรุปและจะไม่มีการประชุมเรื่องนี้อีก โดยข้อเสนอของกรรมาธิการสอดคล้องกับแนวทางของกระทรวงศึกษาธิการที่นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเป็นผู้สั่งการให้ศึกษาและประสานงานกับมหาเถรสมาคม โดยประเด็นใดที่วัดทำถูกให้ดำเนินการตอ่ไป หากทำแล้วสังคมเดือดร้อน ทำผิดจากพระธรรมวินัยและคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ต้องแก้ไข

ความเห็นของกรรมาธิการยังสอดคล้องกับสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ว่า ต้องให้ความสำคัญต่อความมั่นคงของศาสนาโดยรักษาหลักธรรมให้บริสุทธิ์, เมื่อเกิดปัญหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรแก้โดยด่วน และปัญหาศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องระมัดระวัง เน้นความโปร่งใส ไม่เบี่ยงเบนหลักธรรม และกรรมาธิการ ยังตั้งข้อสังเกตุเพิ่มว่าวัดพระธรรมกายมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ สถาบันศาสนา และมีความพยายามจะสร้างจุดขายโดยพยายามให้เห็นว่านิพพานเป็นอัตตา เป็นสถานที่ โดยขยายผลไปยังสถาบันการศึกษา และยังมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างสถาบันเช่นถ้าใครบริจาคเงินเข้าวัดจะได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งต้องแก้ไขต่อไป

กรรมาธิการยังเสนอว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปแก้ไขหลักศาสนวัตถุและศาสนพิธีที่วัดเบี่ยงเบนไป และควรให้ข้อมูล ที่เป็นจริงว่ามีจุดใดที่วัดผิดเพี้ยนไปจากหลักธรรม และอยากให้สื่อมวลชนให้ข้อมูลที่ถูกต้องช่วยกัน
แก้ปัญหาเพราะวัดมีทุนมาก รวมถึงทั้งรัฐบาลรัฐสภาและคณะสงฆ์ต้องร่วมกันพิจารณาปัญหานี้

"ข้อมูลของกรรมาธิการ ที่สำคัญและจำเป็นจะเสนอประกอบการพิจารณาของ
มหาเถรสมาคมในการพิจารณาขั้นตอนสุดท้าย
ระยะยาวเราเห็นว่าควรมีการตั้งหน่วยงานคอยเฝ้าระวังทางพุทธศานา เพื่อติดตาม ความเคลื่อนไหวขององค์กรต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ให้ขยายผลออกไปใหญ่โตเหมือน
กรณีธรรมกายอีก"

นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯกล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้นำข้อมูลไปถวายประกอบการพิจารณาและวินิจฉัยของมหาเถรสมาคม
โดยแยกว่าเรื่องใดเป็นข้อเท็จจริง และขอเรียกร้องให้มหาเถรเชิญมายังกรรมาธิการฯเข้าไปชี้แจงด้วย รวมถึงควรเชิญสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ติดตามเรื่อง ตั้งแต่ต้นเพื่อให้
เกิดความชัดเจนโดยเร็ว กรรมาธิการฯยังหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนผู้บริหารวัดพระธรรมกายใหม่ แต่ยังไม่มีข้อยุติและขึ้นอยู่กับมหาเถรสมาคมจะให้เปลี่ยนแปลงหรือไม่

นายเด่น โต๊ะมีนา ประธานกรรมาธิการฯกล่าวว่า กรรมาธิการฯได้รับข้อมูลเพิ่มเติม จากกรมที่ดินโดยพบพระไชยบูลย์ถือครองที่ดิน ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และใช้ชื่อในโฉนดว่า นายไชยบูลย์ สุทธิผล ไม่ได้ใช้สมณะศักดิ์ของพระรวม 4,853 ไร่ 99 ตารางวา มีที่ดินจ.ปทุมธานีมากสุด 2,666 ไร่ 44 ตารางวา นนทบุรี พิจิตร เลย ลพบุรี เชียงราย พังงา สุพรรณบุรี เพชรบุรี และกรุงเทพฯ บางแห่งอยู่บนเกาะเช่นที่พังงา อยู่ที่เกาะยาวน้อย และเชื่อว่าที่ดินชื่อนายไชยบูลย์จะมีมากกว่านี้ ต้องตรวจสอบ ขอข้อมูลจากกรมที่ดินเพิ่มต่อไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสนายเด่นกล่าวว่ามีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณา แต่ไม่มีข้อยุติความเห็นส่วนตัวของตนก็คือน่าจะเปลี่ยน แต่เป็นอำนาจของมหาเถรสมาคม

จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า การถือครองที่ดินของพระไชยบูลย์นั้น จะถือครอง
ทั้งในชื่อนายไชยบูลย์และถือครองในนามมูลนิธิธรรมกายกับมูลนิธิธรรมประสิทธิ์
ซึ่งมูลนิธิดังกล่าว มีการออกข้อกำหนดว่าจะให้อำนาจพระไชยบูลย์เพียงคนเดียวในการจัดการกับทรัพย์สินทั้งหมด จึงถือว่าเป็นการเข้าไปถือครองที่ดินทางอ้อมของพระไชยบูลย์ โดยผ่านมูลนิธิ และเฉพาะค่าที่ดินในเขตจังหวัดปทุมธานีเพียงแห่งเดียวมูลค่าจะทะลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับที่ดินที่ตั้งวัดพระธรรมกายถือครองในชื่อวัดอีก 196 ไร่ ซึ่งถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด

ในวันเดียวกันเมื่อเวลา 16.00 น.ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคม โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ซึ่งนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ตนได้รายงานให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้ดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 32/2541
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.41 ที่ให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นผู้ดำเนินการ
ส่วนเอกสารข้อมูลที่ทางกรมนำเสนอก็ให้ส่งมอบ
ให้เจ้าคณะภาค 1 ไปพิจารณารวมกับเอกสารอื่นๆ ที่เจ้าคณะภาค 1 มีอยู่แล้ว และให้กรมการศาสนาประสานงานอย่างใกล้ชิดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ ไม่มีการนำเรื่องของวัดพระธรรมกาย บรรจุไว้เป็นวาระการประชุม อีกทั้งพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ไม่อยู่และจะกลับจากอินเดียในวันที่ 28 ก.พ.

ที่จ.สระบุรีนายดวง และ นางบุญปลูก ทับทิมไทย อายุ 46 ปี และ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/1 ม.1 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ทั้ง 2 คนมีอาชีพครูสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดพระพุทธบาทน้อย (มิตรภาพ 69) ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ร้องเรียนผู้สื่อข่าวเดลินิวส์โดยบอกว่าตนกำลังเดือดร้อนเนื่องมาบุตรชายนายอัครเดช หรือเปรม ทับทิมไทย อายุ 19 ปี บุตรชาย ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปี 1 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คลั่งธรรมกาย โดยทั้งคู่นำจดหมายของลูกและมีใบฎีกาบอกบุญของวัดพระธรรมกายแนบมาด้วย

สำหรับเนื้อความในจดหมายนั้น บางฉบับเขียนว่า "ถ้าชวนพ่อ-แม่สร้างพระธรรมกายประจำตัวไม่ทัน วันที่ 1 เม.ย. 2542 คือวันตายของข้าพเจ้า" อีกฉบับเขียนว่า "ถ้า 28 ก.พ. 2542 นี้ยังไม่สามารถชวนคุณแม่กับคุณพ่อสร้างพระธรรมกายประจำตัว
ได้แล้ว ขอยอมสละชีวิต เพราะว่า 1.ทำหน้าที่ลูกไม่ได้ 2.ทำหน้าที่ผู้นำบุญไม่ได้ 3.ศิษย์หลวงพ่อมีแต่คำว่าสำเร็จ เมื่อไม่สำเร็จอะไรเลยแม้เรื่องเล็กน้อยแล้ว ชีวิตนี้ก็ไม่ควรค่าที่จะอยู่ต่อไปอีก 4.ยิ่งทำบุญยิ่งทำให้พ่อ-แม่เดือดร้อน ดีกว่าอยู่ แต่จะให้เลิกทำบุญนั้นไม่ได้ จึงยอมตายเสีย พ่อกับแม่จะได้สบายใจ และ 5.เป็นผู้นำบุญแล้วแต่ชวนไปวัดสักคนยังทำไม่ได้ แล้วชีวิตจะมีค่าอะไร"

นายดวงและนางบุญปลูกร่วมกันเผยว่า ปกตินายอัครเดชเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียนดี เคยเป็นแชมป์คอมพิวเตอร์และแชมป์ปาฐกถาของโรงเรียน แต่หลังจากถลำตัวเข้าไปพัวพันกับวัดพระธรรมกาย
ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมที่โรงเรียนแก่งคอย โดยได้ถูกนางฉวีวรรณ พรหมสูตร อาจารย์สอนจริยธรรม ชักนำก็เปลี่ยนไป โดยนางฉวีวรรณขู่ว่าหากนักเรียนคนใดไม่ไปจะถูกตัดคะแนน

หลังจากจบชั้นมัธยมนายอัครเดชได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาติย่านดอนเมือง ยิ่งทำให้เข้าไปใกล้ชิดหมกมุ่นเรื่องวัดไม่กลับบ้านกลับช่อง เสาร์-อาทิตย์ก็ไปอยู่แต่ที่วัดการเรียนไม่สนใจเอาแต่นั่งสมาธิ เมื่อกลับมาที่บ้านแก่งคอย ก็พยายามชักจูงไปทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวเมื่อปฏิเสธก็มีการโต้เถียงกัน พ่อ-แม่บอกว่าไม่มีเงิน ใช้พระพุทธรูปที่มีอยู่แล้ว เอาไปประดิษฐานแทนได้หรือไม่ นายอัครเดช
ก็ได้ไปสอบถามที่วัดพระธรรมกาย แต่ทางวัดปฏิเสธ อ้างว่าถ้ายอมคนอื่นก็จะเอาอย่าง

นายดวงและนางบุญปลูกร่วมกันเล่าต่อไปว่า ล่าสุด พวกตนได้รับนายอัครเดชกลับมาอยู่บ้าน ที่แก่งคอยแล้วเพราะปล่อยให้อยู่ใกล้วัดพระธรรมกายต่อไปคงไม่ไหว แต่นายอัครเดช ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะกลับก็ต่อเมื่อ ทางบ้านเอาเงิน 8,000 บาท ไปสมทบกับเงินที่ตนผ่อนบุญสร้าง
พระประจำตัวเอาไว้แล้ว 2,000 บาท เพื่อให้ครบ 10,000 บาทตามที่ทางวัดกำหนด จนในที่สุดนางแก้ว ศรีวิไล ผู้เป็นยาย วัย 70 ปี ต้องตัดใจเอาเงิน 8,000 ไปสมทบให้
เหตุการณ์น่าจะยุติลงได้ด้วยดี แต่กลับตรงกันข้าม เมื่อนายอัครเดชกลับมาอยู่บ้านก็เอาแต่พูดจาเสียดสีประชดประชันพ่อ-แม่ บางครั้งเมื่อขัดใจหรือเกิดโต้แย้ง จากการโน้มน้าวให้พ่อ-แม่ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายไม่สำเร็จก็ถึงขั้นด่าว่า นายดวงซึ่งเป็นพ่อเคยถูกนายอัครเดชพูดจาหยาบคายใส่หน้ามาแล้วว่า "ไอ้ดวง อยากให้กูเอาธรรมออกจากกายหรือ"

"เราสองคนปลงแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็อยากจะฝากให้พ่อ-แม่ผู้ปกครองคนอื่นๆดูแลบุตรหลานของตนให้ดี ก่อนที่จะตกอยู่ในความทุกข ์เหมือนอย่างครอบครัวเรา วันมาฆบูชา วันที่ 1 มี.ค.นี้ลูกชายก็คงจะเดินทางไปวัดพระธรรมกายอีก และยังไม่ทราบว่าจะมีเหตุการณ์อะไรตามมาอีกหรือเปล่า"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ในหมู่ศิษย์วัดพระธรรมกาย มีข่าวแพร่สะพัดว่าอาจให้พระไชยบูลย์ออกจากวัด ไปอยู่ในที่อื่นก่อน จนกว่าเรื่องจะสงบ โดยอาจเป็นทั้งในและนอกประเทศ

ที่ดินของพระไชยบูลย์ ทั้งถือทางตรงและทางอ้อม ถือในนาม จังหวัด จำนวน เนื้อที่ แปลง ไร่-งาน-ตรว. พระไชยบูลย์ นนทบุรี 1 2-2-72 พิจิตร 6 155-3-94 เลย 7 283-0-16 ลพบุรี 10 278-0-48.9 ปทุมธานี 1 1-0-0 กรุงเทพฯ 1 1-1-38 เพชรบูรณ์ 34 789-2-40 มูลนิธิธรรมกาย เชียงราย 5 10-3-15 ปทุมธานี 306 2,467-0-66.5 พังงา 34 146-2-78 สุพรรณบุรี 13 18-3-54.5 มูลนิธิธรรมประสิทธิ์ ปทุมธานี 8 1-3-69 หมายเหตุ-ยังมีที่ดินที่ถือครองนามวัดพระธรรมกายอีก 196 ไร่.