เดลินิวส์ 19/2/2542

ส่งหลักฐานจับสึก เจ้าวัดธรรมกาย

"อาคม"ส่งหลักฐานจับสึก"ธัมมชโย"ให้มหาเถรทุกรูปแล้ว คาดชี้ขาดต้นมี.ค. "มหาระแบบ"เสนอประชุมเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศ จัดการแบบสันติอโศก พบชีวิตสุนทรีย์เจ้าอาวาส ฉาวชอบให้หมอจีนจี้จุดกระตุกเส้นแก้เบาหวานลงตา โปรดเมนูหูฉลามเยื่อไผ่-ขนมปังกระเทียมจาก โรงแรมหรู "เจิมศักดิ์"โวยรายการตามหาแก่นธรรมถูกพระผู้ใหญ่ บีบพ้นรั้ว วัดขัดใจวิจารณ์ธรรมกาย พบพิรุธงบดุลมูลนิธิธรรมกายยอดต่ำเกินจริง เร่งขอสอบบัญชีวัด ระบุธรรมกายเย้ย กฎหมายตลอดไม่เคยยื่นแบบก่อสร้างเจดีย์-อาคาร ไม่เคยทำรายงานบัญชีการเงินเสนอ

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมานายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนจะทำบันทึกถึงอธิบดีกรมการศาสนาให้เร่งดำเนินการใน 3 เรื่องคือ เรื่องการบวชสามเณรีของวัดพระธรรมกาย จะให้ไปตรวจสอบให้ชัดเจนโดยไปดูที่บ้านพัก ซอยลาดพร้าว 83 ว่ามีสามเณรีอยู่จริงหรือไม่ และให้รายงานให้ทราบด่วน,ขณะนี้สังคม ให้ความสนใจกรณีวัดพระธรรมกายและวัดอื่นๆ รวมทั้ง ยังมีลัทธิใหม่ๆ อยากให้กรมการศาสนาไปติดตามตรวจสอบและรายงานให้ทราบตามขั้นตอนต่อไป และสุดท้ายจะขอให้อธิบดีกรมการศาสนา หาโอกาสให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กรม นายอาคมกล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 10.30 น. ตนจะไปนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานาวา เจ้าคณะภาค 1 เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีปัญหาของวัดพระธรรมกาย และมอบหมายให้กรมการศาสนาเตรียมเสนอ กรณีปัญหา วัดพระธรรมกายเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม นัดพิเศษ ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ แต่ไม่แน่ใจ จะทันหรือไม่ เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราช ฯ จะเสด็จกลับจากอินเดียในวันที่ 23 ก.พ. ประกอบกับทางวัดบวรนิเวศน์ฯกำลังมีการจัดงานอันเนื่องมาจากการมรณภาพของพระผู้ใหญ่ 2 รูป

รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า นายอาคม นำหลักฐานต่าง ๆ กรณีปัญหา วัดพระธรรมกาย ที่เคยถวาย ให้สมเด็จพระสังฆราช ไป มอบให้กับกรรมการสมาเถรสมาคมทุกรูป ตามบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช เรียบร้อยแล้ว โดยหลักฐานสำคัญ คือการที่ พระไชยบูลย์ ธัมมชโย อวดอุตริมนุสธรรม หรืออวดธรรมวิเศษ ซึ่งเข้าขั้นปาราชิกต้องจับสึก แต่คาดว่า คงต้องยกยอดประชุมได ้ในต้นเดือนมีนาคม เพราะไม่ทัน

นอกจากนั้นขณะนี้ยังมีการรวบรวมหลักฐานความประพฤติของพระไชยบูลย์บางประการ โดยเฉพาะจากกรรมาธิการการศาสนาฯ โดยพบว่าพระไชยบูลย์ป่วยเป็นโรคเบาหวานถึงขนาดลงมาที่ตา ทำให้มองไม่ค่อยเห็นแพ้แสงแดดต้องใส่แว่นตาดำ จนต้องรักษาทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ โดยไปหาซินแสที่เป็นนวดจีนรายหนึ่ง อยู่ถนนเจริญกรุง 85 และจะเหมาให้มาอยู่ที่วัด วันละ 5 ชั่วโมง ให้นวดรวดเดียว 4 รายคือพระธัมมชโย ที่นวด 6 เดือนไม่ขาดแม้เพียงขาดวันเดียว จนอาการดีขึ้นสามารถใส่แว่นตาสีชาได้แล้ว จากนั้น นวดให้พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส ,แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง และนวดสีกานัทคนสนิทค่ารักษาปกติ 5,000 บาท

หมอนวดจีนคนดังกล่าวร่ำลือว่ารักษาได้ทั้งโรคหัวใจพองโต,โรคกระเพาะ,โรคไมเกรน,โรคเบาหวานทุกระยะ โดยมีความชำนาญเป็นพิเศษทางด้านการจี้จุดที่เท้า,นวดเท้า,ไล่ลงมาเป็นต้นคอและลำตัว ด้วยการใช้ใช้ไม้รูปร่างเหมือนไม้ตีพริกขนาดเล็กความยาวประมาณ 4 นิ้วใช้สำหรับจี้จุด นอกจากความนิยมเรื่องนวดจับเส้นแล้ว พระไชยบูลย์ยังไม่ออกไปบิณฑบาตรต้องมีการจัดอาหาร
พิเศษมาให้ แรก ๆ คือร้านกังเจียมทู้ เมนูเด็ดมีปลาช่อนลุยสวน แต่ต่อมาเลิก และ มีการสั่งอาหารจีน จากร้านไต้ท้ง ซอยอโศก ไปให้ แต่ที่นิยมมาก ก็คืออาหารจีนจาก
ห้องเมย์ฟลาวเวอร์ โรงแรมดุสิตธานี เมนูเด็ดคือ หูฉลามเยื่อไผ่ นกพิราบทอด และที่มักจะนำไปถวายบ่อย คือขนมปังกระเทียมเพราะลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เจ้าของรายการตามหาแก่นธรรม เปิดเผยว่ารายการของตนเกิดปัญหาถูกปิดกั้น
จากพระผู้ใหญ่ถึง 3 ครั้งโดยครั้งแรกจัดที่วัดศรีสุดาราม ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แต่ได้รับการติดต่ออย่างกระทันหันในวันศุกร์ก่อนที่จะอัดรายการ1 วันให้เลิกการถ่ายทำ เนื่องจากจะมีการวิจารณ์เรื่องวัดพระธรรมกาย สุดท้ายก็ต้องตกลงว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้จึงอัดเทปรายการ
ได้,ครั้งที่ 2 จะอัดรายการในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.นี้ที่วัดสระปทุม แต่ในวันที่ 18 ก.พ.ก็ได้รับแจ้งกระทัน ให้ไปจัดวัดอื่น ครั้งที่ 3 ได้ติดต่อไปวัดโพธิ์ ท่าเตียนโดยพระธรรมราชานุวัตรหรือ
หลวงเตี่ย
ให้เชิญนายวัลลภเจียรวนนท์ จากกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)มาด้วย ครั้งแรกจะจัดที่ศาลา 12 เหลี่ยมตอนเย็น ๆ เพราะได้บรรยากาศดี แต่ก็มีโทรศัพท์มาจากผู้ประสานงานว่าหลวงเตี่ยจะไม่ออกรายการ และในที่สุดก็รู้ว่ามีการขอมาจาก พระผู้ใหญ่ เนื่องจากเกรงว่าจะมีการพูดถึงปัญหา วัดพระธรรมกาย ถือเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่จัดรายการศาสนาแล้วถูกปิดกั้นซึ่งอยากถามเหมือนกับว่าพระผู้ใหญ่ห่วง
ธรรมกายมากกว่าห่วงแก่นธรรมะที่แท้จริงหรืออย่างไร

รายการตามหาแก่นธรรมนี้นายเจิมศักดิ์กล่าวว่าไม่ใช่รายการเฉพาะกิจเพื่อโจมตีวัดพระธรรมกาย โดยเริ่มคิดรูปแบบรายการตั้งแต่ต้นปี 2541 ที่เกิดปัญหาพระใบ้หวย เสกเครื่องรางของขลัง โดยวาง
แผนเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งวางรูปแบบรายการ ผู้ให้การสนับสนุน

ส่วนนายอภิชาติ สายทอง ศึกษาธิการอำเภอคลองหลวง เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ตนจะเข้าไปทวงถามงบ รายรับรายจ่ายของวัดพระธรรมกาย เพราะหลังจากได้รับงบดุลของมูลนิธิธรรมกายพบว่าสินทรัพย์รวมที่แจ้งมีมูลค่าเพียง 171.39 ล้านบาท น่าจะขัดกับความเป็นจริง โดยมูลนิธิที่มีที่ดินถึง 2,534 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย เช่นมหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากลก็มีมูลค่านับหมื่นล้านบาท แต่มูลนิธิอ้างว่าเงินบริจาคส่วนใหญ่เข้ามานามวัด ซึ่งการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของฝ่ายศึกษาฯ แต่ก่อนหน้านี้ตนแจ้งให้ทางวัดจัดทำงบดุลเช่นเดียวกับงบดุล
ของมูลนิธิแล้ว เมื่อเดือน พ.ย. 2541 ครั้งที่นายอาคมเดินทางไปที่วัด

แหล่งข่าว ในกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ไม่มีใครทราบยอดเงินของวัด แต่มีกฎกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2511) ออกตามความใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ข้อ 5 ระบุว่า การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกิน 3,000 บาทขึ้นไป ให้ฝากกรมการศาสนา จังหวัด หรืออำเภอ หรือที่ธนาคารตามที่กรมการ
ศาสนาเห็นชอบและให้ฝากในนามวัด การเบิกถอนต้องมีผู้ลงชื่อ อย่างน้อย 3 คน

และกฎกระทรวงข้อ 8 ระบุว่าให้กรมการศาสนากำหนดแบบทะเบียนบัญชี แบบสัญญา และแบบพิมพ์อื่นๆ และให้คำแนะนำการปฏิบัติแก่วัดด้านการดูแลรักษา และการจัดการศาสนสมบัติของวัด เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวง แต่ไม่เคยมีรายงานใดๆที่เกี่ยวข้องกับการฝากเงินของวัด ซึ่งกระทรวงควรเข้าไปตรวจสอบ เปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ นอกจากนั้นการก่อสร้างที่มีมูลค่ามหาศาลทั้งหมดจะอยู่ฝั่งของมูลนิธิธรรมกายจึงไม่ได้รับการยกเว้น
เพราะตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2516 จะยกเว้นเฉพาะสถานที่ราชการ โรงเรียน และวัด ผู้ฝ่าฝืนไม่ยื่นแบบจะมีโทษทั้งปรับและจำคุก โดยโทษปรับต้องทำย้อนหลังตั้งแต่วันที่สร้าง และเจ้าพนักงานมีอำนาจระงับการก่อสร้างไว้ก่อนหรือ ให้รื้อถอนได้ หากเจ้าหน้าที่ไม่จัดการถือว่าละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ ผิดตามกฎหมายอาญา
ทางด้านแหล่งข่าว จากกองโยธาเทศบาลท่าโขลง เปิดเผยว่าวัดหรือมูลนิธิธรรมกายไม่เคยมีการยื่นแบบแปลนการก่อสร้าง และขณะนี้ยังขุดทำชั้นใต้ดินเพื่อขยายพื้นที่ของสภาธรรมกายสากลออกไปอีกด้วย

ส่วนพระราชธรรมนิเทศหรือพระมหาระแบบ ฐิตะญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศกล่าวว่าควรจะมีการประชุมเจ้าคณะจังหวัด
ทั่วประเทศ เพื่อจัดการปัญหาวัดพระธรรมกาย เหมือนกับกรณีสันติอโศก เพราะคำสอนนิพพานเป็นอัตตาผิดหลักศาสนาแม้จะมีการตักเตือนไปแล้ว
ก็ไม่ยอมเปลี่ยน