เดลินิวส์ 13/2/2542

ธรรมกายดูดอีก ขึ้นราคาค่าพระประจำกายเป็นองค์ละ 1.5 หมื่นบาท

วุฒิสมาชิกร้องมหาเถรฯเร่งจัดการธรรมกาย อวดอุตริมนุษยธรรม ใช้ศาสนามาระดมบุญ สร้างภาพอิงสถาบัน เกาะพระผู้ใหญ่ ขยายผลวางรากฐานธุรกิจ ร้ายแรงกว่าสันติอโศก "ครูหยุย" นำเรื่องบวชสามเณร เข้าที่ประชุมกรรมาธิการสตรีและเด็กสัปดาห์หน้า ขณะที่กระทรวงศึกษาบุกสาขาธรรมกายที่เชียงใหม่ ไม่เจอเงาของเหล่าสามเณรี เตรียมสรุปให้"อาคม"ไม่พบหลักฐาน วัดฉาวยังไม่หยุดระดมทุนขึ้นราคาค่า
พระประจำกายเป็นองค์ละ 1.5 หมื่นบาท กะจะหาคนมาสรัางอีกล้านองค์

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมานายอำนวย สุวรรณคีรี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เปิดเผยถึงเทปหลักฐานจำนวน 14 ม้วนที่แสดงว่าพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องปาราชิกว่า เทปดังกล่าวนี้ได้มีการตัดต่อใหม่เพื่อให้สะดวกในการพิจารณา และได้ส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมการศาสนา มหาเถรสมาคม ให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะที่ได้รับการมอบหมายจากมหาเถรสมาคมให้เป็นประธานในการสอบสวนวัดพระธรรมกาย รวมทั้งส่งให้นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณาแล้ว ส่วนนายไพศาล พืชมงคล วุฒิสมาชิก เปิดผยว่าการดำเนินงานของวัดพระธรรมกาย เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนายิ่งกว่าสำนักสันติอโศกมากมายนัก ซึ่งพิจารณาได้ใน 4 ด้าน

ด้านแรกสันติอโศก ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมหาเถรสมาคมโดยตรง และเปิดเผย มหาเถรสมาคมจึงเป็นเจ้าเรื่อง
กล่าวเอาผิดกับสันติอโศก ซึ่งต่างจากวัดพระธรรมกายที่ดูเหมือนได้สร้างสัมพันธมิตรกับผู้หลัก
ผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมไว้อย่างลึกซึ้ง จึงเกิดภาพที่พระชั้นสมเด็จพระราชาคณะ จนถึงหน่วยงานสำคัญ ๆในกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมกิจกรรมกับวัด กลายเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทำให้การขยายกิจกรรม
ของวัดลามไปทั่ววงการสงฆ์และวงการศึกษาของเยาวชน นิสิต นักศึกษา ผลการดำเนินงานของวัดพระธรรมกาย
จึงกระทบกว้างขวางกว่าสันติอโศก

ด้านที่ 2 วัดพระธรรมกายแม้ไม่มีท่าทีชัดเจนในทางการเมือง แต่ก็พยายามสร้างภาพพจน์อิงอยู่กับสถาบันต่าง ๆ อันเป็นที่ยอมรับของสังคมไทย พยายามสร้างพันธมิตรทุกพรรคการเมือง ขณะที่สันติอโศกเข้าเล่นการเมืองโดยตรง ผ่านพรรคการเมือง

ด้านที่ 3 การดำเนินงานของวัดพระธรรมกายยังใช้วิธีทางธุรกิจเป็นหลักในการดำเนินงาน หรือในการจั้ดตั้งทำให้มีศักยภาพจะระดมคนเรือนแสนเข้าร่วมพิธีกรรมเพื่อบันทึกภาพออกเผยแพร่ มิใช่เป็นการระดมคนเพื่อปฏิบัติธรรมอย่างแทัจริง ขณะที่สันติอโศกยังคงใช้การจัดตั้งแบบลับซึมลึก การขยายผลจึงแตกต่างกันมาก

ด้านที่ 4 วัดพระธรรมกายกับสันติอโศกทำลายหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเหมือนกัน มีการอวดอุตริมนุสธรรม อันไม่มีในตัวเอง โดยตู่เอาว่าวิชชาธรรมการคือหลักพระพุทธศาสนา การสอนว่านิพานเป็นอัตตา เป็นสถานที่ การเชิดชูเอาการทำบุญเป็นหลัก เหนือหลักแห่งพระไตรลักษณ์ วิธีการโฆษณาว่ายิ่งทำบุญมากยิ่งดี ล้วนขัดกับหลักศาสนาทั้งสิ้น หากนำหลักธรรมมาเทียบแล้ว การสอนของวัดเป็นการหลอกลวง อ้างเอาพระพุทธศาสนาบังหน้า รวมไปถึงการเรียกอุบาสกแก้ว อุบาสิกาแก้ว สามเณรแก้ว หรือแก้วต่าง ๆเป็นเรื่องนอกศาสนาทั้งสิ้น โดยการสอนอย่างนี้ถ้าไม่กล่าวอ้างว่าเป็นการสอน
ในพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถระดมผู้คนให้มาทำบุญถึงขนาดนี้ได้

"การทำบุญแบบวัดพระธรรมกายเป็นไปเพื่อลาภสักการะ เป็นเพื่อความโลภในการเก็งกำไร ก็ได้แต่หวังว่ามหาเถรสมาคมจะใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องพิทักษ์พระพุทธศาสนา "

นายบุรี แก้วเล็ก ผู้อำนวยการกองศาสนศึกษา กรมการศาสนา เปิดเผยกรณีที่วัดพระธรรมกายจะให้ทุนพระภิกษุและสามเณร 5 หมื่นทุน ทุนละ 1,000 บาท และค่ารถในการเดินทางอีก 500 บาทนั้น จากการพูดคุยกับพระครูสุวรรณสรานุกิจ ประธานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมกลุ่มที่ 10 ทราบว่าเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาประธานกลุ่มโรงเรียนกลุ่มที่ 5,8,10 และรองประธานกลุ่ม 9ไปพูดคุยกับพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสเพื่อสอบถามว่าจะให้ทุนจริงหรือ ซึ่งพระไชยบูลย์กล่าวว่าจะให้จริง หากไม่มารับอาจมอบให้กับโรงเรียนโดยให้โรงเรียนละ 20,000 บาทแทน แต่ทั้งหมดยังไม่มีข้อยุติโดยพระไชยบูลย์กล่าวว่าต้องพูดคุยกันอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายนำเด็กผู้หญิงไปบวชสามเณรี จากการตรวจสอบที่วัดพระธรรมกายยังไม่มีหลักฐานชัดเจน และได้มีการติดตามหาข้อมูลไปที่ดอยสุเทพ และที่อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แต่ไม่พบข้อมูล มีเพียงสำนักปฏิบัติธรรมที่ปิดเงียบ จึงจะรายงานนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการว่าเบื้องต้นยังไม่พบการบวชสามเณรี นอกจากนั้นจากการสอบถามพระผู้ใหญ่ทางภาคเหนือหลายรูปก็ไม่มีใครยอมให้ข้อมูล

นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ ประธานมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และ สมาชิกวุฒิสภา ได้ให้สัมภาษณ์ถึง การนำนักเรียนหญิงที่มีอายุเพียง12 ปี และยังไม่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ไปบวชสามเณรีตลอดชีวิต ว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสตรี เยาวชน และผู้สูงอายุ วุฒิสภา ตนจะได้นำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาในที่ประชุมในวันที่19 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเด็กทั้งนี้มีสาเหตุมาจากพ่อแม่ผู้ปกครอง
มักติดอยู่กับความเข้าใจผิด ๆ กล่าวคือหลงเข้าใจไปเองว่า ประเพณีก็คือกฏหมาย มักเข้าใจว่า บังคับให้เด็กทำอะไรก็ได้ ตัวอย่างกรณีคลุมถุงชน ความจริงพ่อแม่ไม่มีอำนาจกระทำเช่นนี้

การนำเด็กไปบวชสามเณรีนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวเด็ก เพราะเท่ากับหมดโอกาสทางสังคมทันที ขาดการปกป้องคุ้มครองตามสิทธิ ที่ควรได้รับ หมดสิทธิในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการทำลายเด็กอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการบวชสามเณรีไม่ใช่ศาสนาพุทธตามแบบของไทย คงต้องให้อยู่ภายใต้ดุลยพินิจของคณะสงฆ์ ซึ่งชัดเจนว่าจะต้องพิจารณาถึงสาเหตุในการโกนผม การนุ่งห่มที่เป็นแบบเฉพาะ และการกำหนดระยะเวลาเหล่าน ี้เป็นเงื่อนไขที่คณะสงฆ์รวมทั้งสังคมต้องร่วมกันพิจารณา

ในด้านของความรับผิดชอบแน่นอนว่าสงฆ์ต้องดูแลกันเองตามกฏหมาย ที่สำคัญต้องเร่งรัดดำเนินการอย่างจริงจัง ส่วนรัฐบาลคือผู้รักษาความถูกต้อง จำเป็นต้องออกมาบอกให้สังคมทราบถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัดพระธรรมกาย และรัฐจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงและตอบคำถามของประชาชนที่ยังสับสนอยู่เวลานี้ สุดท้ายสังคมต้องหันมากดดันรัฐบาลให้เร่งรีบจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต กล่าวว่าราชบัณฑิต กำลังพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยจะทำเป็นความคิดเห็น และเสนอต่อกรมการศาสนา เพื่อส่งต่อไปยังเจ้าคณะภาค 1 ให้พิจารณาใน 2 ประเด็นใหญ่ คือเรื่องคำสอนของธรรมกายที่ผิดเพี้ยน ที่ระบุนิพพานเป็นอัตตา กับการระดมทุนเกินเลยความพอดี น่าจะมีมาตรการอะไรออกมาว่าสิ่งใดไม่เหมาะ ไม่ควร

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดทางวัดพระธรรมกาย ยังคงไม่หยุดระดมทุนเข้าวัดด้วยการเปิดสั่งจอง "พระธรรมกายประจำตัว" ในราคาองค์ละ 10,000 บาท ซึ่งผู้ที่สั่งจองเป็นระบบเงินผ่อนไว้ จะต้องผ่อนให้ครบ 10,000 บาท ภายในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เพราะหลังจากนี้ไปทางวัดจะขึ้นราคาเป็นองค์ละ 15,000 บาท โดยอ้างว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น และพระชุดใหม่นี้ จะบรรจุอยู่ในส่วนภายในของมหาธรรมกายเจดีย์ ทั้งนี้ มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะจัดสร้าง เพื่อรองรับการสั่งจองเป็นล้านองค์ และทางวัดระบุว่า สามารถสั่งจองได้ถึงวันที่ 28 ก.พ.นี้เท่านั้น เพราะจะทำพิธีปิดธรรมกายเจดีย์แล้ว