เดลินิวส์ 12/2/2542

ส่งข้อมูลลับพระธัมมชโยถวายสมเด็จฯ

"ธัมมชโย"อาการหนัก"อาคม"เตรียมนำข้อมูลเทปลับกรรมาธิการศาสนาที่เจ้าอาวาสธรรมกายอวดวิเศษ ร้ายแรงถึงขั้นต้องจับสึกถวายสมเด็จพระสังฆราช พร้อมทั้งจะพบเจ้าคณะภาค 1 ทุกสัปดาห์ถามความคืบหน้า ผู้ช่วยอธิการบดีมหาจุฬาฯยันเทปใช้ตัดสินได้ พระพยอมระบุฟังแล้วเข้าข่ายผิดเต็มตัว ธรรมกายยังไม่ดูดเงินฉลองปิดเจดีย์ปีหน้า หาคนเป็นประธานรองจะจ่ายครั้งเดียว 1 ล้านหรือผ่อนส่งบุญครั้งละ 5 หมื่นก็ได้

การสะสางปัญหาวัดพระธรรมกายมาถึงจุดสำคัญเมื่อคณะกรรมาธิการการศาสนาฯสภาผู้แทนราษฎร พบหลักฐานเทปคำเทศนาของพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 14 ม้วน ซึ่งได้มีการอวดอุตริมนุสธรรม หรืออวดว่ามีธรรมวิเศษในตัวเอง ตามหลักศาสนาหากพบว่าผิดจริงจะต้องโทษถึงปาราชิก และต้องจับสึกพ้นจาก สภาพความเป็นพระนั้น

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีนี้พระไชยบูลย์เข้าข่าย
อาบัติปาราชิกถึงขั้นต้องจับสึกขาดจากการเป็นสงฆ์แน่ พระธรรมวินัยสงฆ์กำหนดไว้ชัดเจน
ห้ามอวดอ้างในเรื่องคุณวิเศษของตัวเอง ถึงมีจริงก็ห้ามพูดห้ามอวดอ้าง หากมีเทปที่บันทึกการเทศน์ของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็สามารถใช้เป็นหลักฐาน
ดำเนินการในเรื่องนี้ได้ นอกจากจะอวดอุตริหลายเรื่องแล้วยังกล่าวตู่ไปสอนสานุศิษย์ในสิ่งที่ผิด เช่นที่บอกว่าพระพุทธ เจ้าตรัสรู้โดยอาศัยวิชชาธรรมกาย มองเห็นกายธรรม กว้าง 20 วา สูง 20 วา ที่ศูนย์กลางกายจึงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เรื่องนี้ก็ไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ด้วย "อริยสัจ 4" ส่วนธรรมกายนั้นเป็นแค่ชื่อของธรรมข้อหนึ่งหมวดหนึ่งเท่านั้น

ด้านพระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กล่าวว่า ได้ฟังเทปการเทศน์ของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้ว ซึ่งพบว่ามีการอวดอ้าง
ถึงขั้นที่เรียกว่าอวดอุตริอวดคุณวิเศษหลายอย่าง หากตั้งใจที่จะเทศน์อย่างนั้นก็ต้องถือว่าปาราชิก เทปคำเทศน์น่าจะใช้เป็นหลักฐานพิจารณาได้ แต่หากเจ้าอาวาสวัดพระ ธรรมกายปฏิเสธว่าไม่ใช่เสียงตัวเองก็คงต้องมีการพิสูจน์กัน และสิ่งที่ยิ่งกว่าอวดอุตริก็คือ "อวดรู้" อย่างเรื่องที่บอกว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ด้วยวิชชาธรรมกาย หรือที่บอกว่ามีสานุศิษย์
บางคนบรรลุแล้ว ก็หมายความว่าเจ้าอาวาสอวดอ้างตัวเองว่าบรรลุเช่นกันถึงได้รู้ รวมถึงเรื่องที่บอกว่ามี "ผังสำเร็จ" จากนิพพานส่งมาบอกกับตัวเองว่าปีนี้เป็น "ปีตรัสรู้ธรรม" นั่นก็ยิ่งเป็นการอวดอุตริ อวดรู้ไปกันใหญ่

ส่วนนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย จึงได้ขอให้รวบรวมข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด
และจัดทำเป็นข้อสังเกต เพื่อส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาจากนั้นส่งให้รัฐบาล
หรือกรมการศาสนาดำเนินการ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะกรรมาธิการฯคงจะสรุปผลได้ และตนจะนำข้อมูลเหล่านี้เสนอพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เจ้าคณะภาค 1 พร้อมกันนี้ก็จะนำไปถวายสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกด้วย

"คณะกรรมาธิการฯมีหน้าที่รวบรวมและศึกษาข้อมูล แต่ไม่มีหน้าที่ตัดสิน การทำงาน ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางสภาฯจะส่งข้อมูลให้ผมโดยตรงไม่ได้เพราะจะเป็นการลัดขั้นตอน จากนี้ผมจะเข้าพบพระพรหมโมลีทุกสัปดาห์เพื่อพูดคุยถึงข้อมูลต่าง ๆ และติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการ เรื่องวัดพระธรรมกาย"

นายอาคมกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการยกร่าง พ.ร.บ.การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่กระทรวงศึกษาฯอยากให้องค์กรปกครองท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการดูแลวัดมากขึ้นนั้น ขณะนี้ทางกรมการศาสนากำลังเร่งดำเนินการพิจารณาเป็นรายมาตรา คาดว่าจะเสร็จพร้อมส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะมีบทลงโทษพระสงฆ์ที่ต้องปาราชิกว่าต้องถูกดำเนินคดีทางอาญา แต่คณะสงฆ์ได้แสดงความเป็นห่วงว่าอาจมีขบวน การนารีพิฆาตที่มีผู้หญิงบางคนแบล็กเมล์พระให้ถูกจับสึกได้ง่าย

พระครูชินธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดสีกุก ต.น้ำเต้า อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วัดพระธรรมกายส่งเอกสารเชิญชวนให้นำสาม เณรไปรับทุนที่วัดในวันมาฆบูชา คือ วันที่ 1 มี.ค. ที่จะถึงนี้ แต่วัดสีกุกคงไม่ร่วมมือ แม้ว่าจะเสนอให้ทุนสามเณรรูปละ 1,500 บาท ก็ตามเพราะจะเป็นแค่การไปร่วมสร้างภาพให้วัดพระธรรมกายเท่านั้น วัดสีกุกเองมีกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำ ทั้งการเจริญภาวนานั่งสมาธิ รวมถึงบวชสามเณรภาคฤดูร้อนไม่ต้องไปเรี่ยไรบอกบุญ อาศัยศรัทธาจากชาวบ้านไม่จำเป็นต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ใหญ่โต

ในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่าบรรยากาศของวัดค่อนข้างตรึงเครียด มีการระดมกำลังเวรยามเฝ้า ตามจุดต่าง ๆ ตลอดเวลา และสั่งห้ามไม่ให้รถคนภายนอกที่ไม่ได้ติดตราของวัดผ่านเข้าออกอย่างเด็ดขาด รวมถึงได้มีการเก็บป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่เคยเชิญชวนให้ทำบุญต่าง ๆ หมด นอกจากนั้นมีรถมาตรวจ ตราอีก เท่าที่ทราบวัดพระธรรมกายมีการประชุมเรื่องการแจกทุนจำนวน 5 หมื่นทุนของพระไชยบูลย์ให้กับพระและสามเณรที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม และปรากฏว่ายังไม่มีข้อยุติโดยต้องประชุมกันใหม่ มีรถนายตำรวจ พ.ต.ต. อดุลย์ เม่นบางผึ้ง สว.สส.สภ.อ.คลองหลวงช่วยราชการสภ.อ.หนองเสือ มาช่วยตรวจตราให้กับวัด

นางสาวชุลีพร ช่วงรัศมี ประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกายกล่าวว่าที่ห้ามสื่อมวลชนเข้าวัดเพราะมีตำรวจ
จะขอมาที่มูลนิธิเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย จึงต้องขอให้รอข้างนอก

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต. สุรเชษฐ์ แสนวงษ์ศิริ สว.สส.สภ.อ.คลองหลวง ซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการตรวจสอบหลักฐานของมูลนิธิวัดพระธรรมกายได้เดินทางมามูลนิธิ เพื่อตรวจสอบเรื่องโฉนดที่ดิน และบัญชีรายรับรายจ่าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิแจ้งว่าหลัก ฐานยังไม่พร้อมและขอให้มาในวันที่ 12 ก.พ. แทน นอกจากนั้นยังมีตำรวจสันติบาลเข้ามาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าจากการสังเกตมีรถเก๋งจำนวนมากวิ่งเข้าไปในวัดจากการตรวจสอบพบว่าวัดระดมลูกศิษย์โดย
แจกจ่ายเอกสารให้ไปช่วยกันหาคนที่มีฐานะมาเป็นประธานรองฉลองปิดมหาธรรมกายเจดีย์ ในวันมาฆบูชาปี 2543 โดยถ้าใครจะเป็นประธานรองจะจ่ายค่าทำบุญรวด เดียว 1 ล้านบาท หรือจะผ่อนบุญสะสมครั้งละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทก็ได้ โดยวัดจะมีพระของขวัญรุ่นพิเศษมอบให้ในวันพิธี ประธานรองเหล่านี้จะมีการทำ
เอกสารตรวจสอบอย่างละเอียด โดยทำบัตร 3 ใบประกอบด้วยบัตรสีฟ้าที่ใช้ติดสำหรับ
เจ้าภาพ,สีแดงสำหรับนำเข้าอาคารภาวนาและสีเขียวสำหรับกองกลางไว้ประสานงาน การแจกจ่ายเอกสารทั้งหมดในครั้งนี้ทำเป็นความลับ โดยใส่ซองเอกสารยาวประมาณ 1 ฟุต และซองทั้งหมดต้องส่งกลับเพื่อป้องกันการรั่วไหล