เดลินิวส์ 11/2/2542

กมธ.สภา เสนอฟันธรรมกาย อวดอุตริ

พบหลักฐานขั้นจับ "ธัมมชโย" สึก อวดอุตริมีธรรมวิเศษต่อหน้าศิษย์ อ้างนิพพานส่งผังสำเร็จลงมาให้ เป็น"ปีตรัสรู้ธรรม"ลูกศิษย์จะถึงธรรมเป็นแถว ประกาศธรรมกายเท่านั้นเป็นที่พึ่งเดียวในโลก สำนักอื่นสอนผิดหมด ใครทำบุญถวายข้าวพระพุทธเจ้าที่วัดจะได้กุศลมากกว่าไปทำบุญแบบอื่นเป็นพันชาติ แถมพูดให้ได้ยินชัด ๆนิพพานเป็นอัตตา มีธรรมกายพระพุทธเจ้าสูง 20 วา กว้าง 20 วาตั้งอยู่เต็มไปหมด กรรมาธิการศาสนาส่งข้อมูลให้เจ้าคณะภาค 1 ชี้ขาด พระรูปร่างเหมือนพรหมโมลีพบเจ้าอาวาสธรรมกายตลอดวัน

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยมีนายเด่น โต๊ะมีนา ส.ส. ปัตตานี พรรคความหวังใหม่ เป็นประธาน ใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการมาให้ข้อมูล เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบและเตรียมสรุปผลการพิจารณาในเบื้องต้น การประชุมครั้งนี้ประธานที่ประชุมได้สั่งเก็บเอกสารข้อมูลทั้งหมดเพื่อไม่ให้รั่วไหลก่อนที่จะมีการสรุปผลอย่างเป็นทางการด้วย

นายเด่นเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้สามารถสรุปผลชี้ชัดได้ในระดับหนึ่ง ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้รับจะตรงกัน แต่เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงมีมติที่จะเชิญพระไชยบูลย์ ธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมารับฟังข้อมูลและชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการฯนำสาส์นไปนมัสการเชิญเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในวันที่ 11 ก.พ. และให้มาชี้แจงข้อมูลในวันพุธที่ 17 ก.พ.

"เชื่อว่าวัดพระธรรมกายจะส่งตัวแทนมาชี้แจงอย่างแน่นอน ส่วนจะสรุปเลยหรือไม่นั้นต้องรอฟังมติที่ประชุมอีกครั้ง เราคงไม่รอไปเรื่อยๆแน่นอน เพราะต้องสรุปเรื่องเสนอฝ่ายบริหารต่อไป และยืนยันว่าไม่ได้เตะถ่วง ปัญหาที่สะสมมานานกว่า 20 ปี จะให้มีการสรุปเรื่องภายใน 2 เดือนคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน"

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการฯยังได้รับหลักฐาน เป็นเทปการบรรยายคำสอนธรรมะของพระไชยบูลย์ที่ผิดเพี้ยนในเรื่องของพระนิพพานเป็นอัตตา และการอวดอุตริมนุสธรรมด้วย หลักฐานทั้งหมดจะให้อธิบดีกรมการศาสนาส่งให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับหลักฐานในเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรมนั้น ถ้ามีการตัดสินว่าผิดจริง โทษที่จะได้รับคือปาราชิกเพราะถือเป็นการอ้างธรรมวิเศษที่ไม่มีตัวเอง เป็นความผิดร้ายแรงทางศาสนาต้องจับสึกขาดจากการเป็นสงฆ์ โดยกรรมาธิการศาสนาได้รับเทปการเทศนาจำนวน 14 ม้วนของพระไชยบูลย์ เจ้าอาวาสวัด ตั้งแต่ปี 2526 เป็นต้นมา โดยเนื้อหาคำเทศนาจะเป็น
การเทศน์ให้สานุศิษย์ฟังในวันอาทิตย์ต้นเดือน ซึ่งวัดจัดให้มีการทอดผ้าป่า ขณะเดียวกันก็มีพิธีถวายข้าวพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน เนื้อหาทั้งหมดเป็นการยืนยันความคิดของพระไชยบูลย์ที่ว่านิพพานเป็นอัตตา คือเป็นสถานที่มีตัวตน และธรรมกายเท่านั้นเป็นที่พึ่งอันสูงสุด มีความวิเศษกว่าหลักการปฏิบัติอื่นๆ รวมถึงอวดคุณวิเศษ
ของตัวเองตลอดเวลา

ตัวอย่างเช่นเทปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค. 2526 พระไชยบูลย์เทศน์ว่า การปฏิบัติธรรมในโลกนี้ สรุปแล้วมี 3 วิธี ซึ่ง 2 วิธีแรกล้วนไม่ถูกต้อง ส่วนวิธีที่ 3 คือฝึกแบบธรรมกาย เป็นวิธีถูกที่สุดโดยเอาใจมาหยุดที่ฐาน 7 ซึ่งอยู่กลางกายเหนือสะดือ 2 นิ้วมือและเพ่งให้เห็นลูกแก้วใส ใครจะหลุดพ้นต้องทำด้วยวิธีนี้ ซึ่งมีเพียงไม่ถึง 1% ในโลก วิชาธรรมกายสูญหายมานาน เมื่อนำมาเสนอใหม่ๆ มีปัญหาคนไม่รู้ทั้งหลายคัดค้าน

นอกจากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ค. 2526 พระไชยบูลย์ยังเทศน์ยืนยันความคิดเดิม โดยกล่าวว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา เปลี่ยนตลอดเวลา อยู่สภาพเดิมไม่ได้ โดยการที่พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้เพื่อให้ปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ และแสวงหาของที่เป็นจริงภายในตัว คือธรรมกายที่เป็นนิจจังคือเที่ยง เป็นสุขและเป็นอัตตาคือมีตัวตน เป็นสถานที่ นั่นคือการฝึกให้ถึงธรรมกาย

พระไชยบูลย์ยังได้เทศน์อีกหลายครั้งว่าการทำบุญที่ไหนก็ไม่ได้บุญเท่ากับที่วัด โดยเฉพาะถ้าได้มาทำบุญถวายข้าวพระพุทธเจ้า ที่จะให้ประชาชนนำสิ่งของมาถวาย และพระไชยบูลย์กับแม่ชีจันทร์ ขนนกยูงเท่านั้นที่จะใช้วิชาธรรมกายกลั่นของที่ถวายทั้งหมดเป็นของทิพย์เป็นของละเอียด และนำไปถวายพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เคยเกิดขึ้นในโลกที่จำนวนมากกว่าเมล็ดทรายในมหาสมุทรซึ่งไปรวมกัน
อยู่ที่อายตนนิพพาน โดยนอกจากจะถวายพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังจะกลั่นให้เป็นของทิพย์ถวายเทวดาทุกระดับชั้นอีก

เทปการเทศนาวันที่ 4 มี.ค. 2527 ของพระไชยบูลย์ยังกล่าวว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมก็ด้วยอาศัยวิชาธรรมกาย จนมองเห็นกายธรรมของตัวเองที่หน้าตักกว้าง 20 วา สูง 20 วาที่ศูนย์กลางกาย ก็ถือว่าสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพาน ก็ถอดกายทุกๆ กาย เหลือแต่ธรรมกายที่เข้าสู่อายตนนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่มีธรรมกายพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เต็มไปหมด ทุกองค์จะหน้าตัก 20 วา สูง 20 วา ใสเป็นแก้วเหมือนกันตั้งอยู่ ถ้าใครปฏิบัติถึงธรรมกายเมื่อตายไปก็จะถูกดูดไปอยู่ในอายตนนิพานเหมือนกัน การบูชาข้าวพระในอายตนนิพานจึงจะได้บุญมาก ทำเพียงครั้งเดียวอานิสงส์จะได้มากกว่าทำบุญตัก
บาตรแบบปกติทุกวันตั้งแต่เกิดจนถึงตายเป็นพันชาติก็ไม่เท่ากับการถวายข้าวที่วัดพระธรรมกาย
เพียงครั้งเดียว โดยเรื่องเหล่านี้พระไชยบูลย์กล่าวรู้ได้จากวิชชาธรรมกายของตัวเอง

ในอาทิตย์ที่ 6 ม.ค. 2528 พระไชยบูลย์ยังอวดวิเศษมากไปกว่าเดิมอีกโดยกล่าวว่าในปีนี้จะมี
ธรรมกายเกิดขึ้นมาก พวกที่มานั่งปฏิบัติธรรมจะได้ผลแห่งการปฏิบัติธรรม เรียกว่าเป็น "ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม" เพราะ "นิพพาน" ได้ส่ง "ผังสำเร็จ"
ลงมาให้ว่าเป็นปีตรัสรู้ธรรม ใครตั้งใจประพฤติปฏิบัติ จะได้รู้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยรู้เห็น มีสุขที่สุดในชีวิตจริงๆ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้ และให้ขอบุญบารมีท่าน พระรัศมีกำลังฤทธิ์ให้พวกเราดวงตาเป็นธรรม เข้าถึงธรรมกาย เบิกบานแจ่มใส กำลังใจเข้มแข็ง ให้มีสติปัญญาในปีนี้

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการเปิดตู้ปณ.เพื่อให้ประชาชนส่งหลักฐานวัดพระธรรมกาย โดยใครมีหลักฐานในทุกกรณีสามารถต่งไปที่ตู้ปณ. 222 ปณจ.จระเข้บัว กรุงเทพฯ 10230 ซึ่ง จะมีการปกปิดชื่อ ที่อยู่ให้ ผู้ที่ส่งข้อมูลมาให้ด้วย

รายงานข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดปทุมธานีตรวจสอบการเสียภาษีของวัด และพบพื้นที่รอบวัดมีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมโดยบริษัทมีชื่อรายหนึ่ง เพื่อขายให้ลูกศิาย์วัด โดยเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเพราะไม่มีการเสียภาษี ถ้าหากเจ้าของคอนโดมิเนียมเป็นวัดก็จะเก็บภาษีได้

ขณะเดียวกัน นายลิ่วละล่อง บุนนาค นักธุรกิจชื่อดัง เปิดเผยถึงเรื่องการยื่นคำร้องต่อศาลให้แบ่งทรัพย์สินกรณีนางประวาท บุนนาค ภรรยานำเอาสินสมรส 100 ล้าน บริจาควัดพระธรรมกาย ว่า เมื่อ 2 ปีแล้วตนมีความจำเป็นต้องการใช้เงินอย่างมาก ก็ไปขอแบ่งสินสมรสแต่ถูกปฏิเสธพร้อมกับอ้างว่าเงินที่บริจาควัดนั้นไปกู้หนี้ยืมสินเขามา พร้อมกับนำเอกสารมาให้ดูว่า ไปกู้ใครจำนวนเท่าไรมาบ้าง

"ผมรับทราบข่าวว่าจากญาติๆว่า ประวาทได้บริจาคเงินให้วัดพระธรรมกาย 80 ล้านบาท สร้างหลังคาสภาธรรมกายสากล,บริจาคสร้างพระเงิน แกนกลางของธรรมกายเจดีย์ 10 ล้านและบริจาคสร้างพระทองคำหนัก 1 ตันอีก 10 ล้าน ผมก็บอกว่า แบบนี้มันไม่ถูกนะ เงินของตนแท้ๆ ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ใช้ ก็ขอยื่นศาลขอจัดการทรัพย์สินร่วม เขาไม่ให้เราต้องฟ้อง แม้ว่าประวาทจะอ้างว่าเป็นเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง มันก็เป็นสินสมรสแม้จะไม่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังไม่หย่ากัน ผมจึงมีสิทธิ์อยู่ ทราบอีกว่าตอนที่ขอพระราชทานเครื่องราชฯ ที่วัดแจ้งมาว่า 30 ล้านบาท ผมเช็กแล้วว่ามันมากว่านั้นเยอะ"

นายลิ่วละล่องกล่าวอีกว่านางประวาทเข้าวัดพระธรรมกายบ่อยตนเองก็เคยไปวัดเพียงครั้งเดียวคือตอนที่นางประวาท เป็นประธานทอดผ้าป่าในครั้งแรก ๆ

"ตอนแยกทางกันก็ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันเลย ทุบตีก็ไม่เคย ด่าก็ไม่เคย ตนก็ได้ย้ำถามตลอดว่า คุณคิดดีแล้วหรือ คิดให้ดีก่อนนะ เพราะถ้าผมออกไปแล้ว การจะกลับเข้ามาอีกยาก เธอก็บอกว่าเคิดดีแล้ว ก็โอเค ตั้งแต่แยกกันแล้วก็ไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย มีแต่เขาจะโทรมาปรึกษาเรื่องธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน ทราบว่าตั้งแต่ลดค่าเงินบาทธุรกิจเธอตกลงไป ส่วนตนก็มีธุรกิจเกี่ยวกับที่จอดรถและมีหุ้นส่วนกับพรรคพวกที่บริษัทไพบูลย์ จำกัด ตอนนี้ผมก็ป่วยเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น เป็นมะเร็งตอนแรกเป็นที่ต่อมลูกหมาก ค่ารักษาประมาณ 2 ล้านบาท ผมไม่เคยศรัทธาวัดพระธรรมกาย และขณะนี้ผมมีลูกกับภรรยาใหม่ 1 คน"

ทางด้านนางประวาท บุคนาค ภรรยาที่ถูกนายลิ่วละล่องฟ้องขอเป็นผู้จัดการทรัพย์สินร่วมสมรส กล่าวว่า นายลิ่วละล่องนั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้มาเป็นเวลา 17 ปีแล้ว ไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น ขอปฏิเสธเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง

ในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่าได้มีพระองค์สำคัญมาพบและฉันเพล
ที่วัดพระธรรมกายกับพระไชยบูลย์ เจ้าอาวาสวัด และอยู่จนถึงช่วงค่ำก็ยังไม่เดินทางออกจากวัด โดยจากการสังเกตุภายนอกว่าพระองค์ดังกล่าวคล้ายกับพระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค 1