เดลินิวส์ 4/2/2542

ตะวันแก้วรอบ 2
โอ้..ปาฏิหาริย์คุด!!!

จุดขายที่วัดพระธรรมกาย ยกมาอวดอ้าง ในการโฆษณา
ดูดเงินสร้างพระธรรมกายประจำตัวที่จะบรรจุไว้ภายใน
และภายนอกพระมหาธรรมกายเจดีย์ก็คือ
ปาฏิหาริย์วันอัศจรรย์ตะวันแก้ว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมและ 6 กันยายน 2541 โดยมีการอ้างว่าได้เห็น
หลวงพ่อสด กลางดวงอาทิตย์ รวมไปถึงสามารถจ้องแสงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า โดยดวงอาทิตย์เหมือนกับถูก
ดูดหายไป แล้วมีดวงแก้วใส ๆ ปรากฏขึ้นมาตรง กลางคล้ายสุริยคราส และเกิดวงแหวนที่รอบนอกหมุนวนไป
ทางขวา เปล่งแสงประกายต่าง ๆ ออกมาให้เห็น
พระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายใช้เรื่องอัศจรรย์วันตะวันแก้วเป็นหัวข้อในการเทศนาดึง
ดูดปลุกใจสานุศิษย์ให้เร่งการขายบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว โดยถึงกับอวดอ้างว่าเหตุการณ์วันนั้นดวงตะวันเปล่ง
"ฉัพพรรณรังสี" ออกมา ทั้งที่ฉัพพรรณรังสีนั้นจะเป็นรัศมีที่มีเฉพาะพระวรกายของพระ พุทธเจ้าเท่านั้น และเมื่อมีพระประ สงค์พระพุทธเจ้าจะให้มีการเปล่งแสงให้เป็นประกายออกมาได้ และไม่ใช่ใครหน้าไหนจะมาอวดอ้างง่าย ๆ
นอกจากนั้นพระไชยบูลย์กล่าวอ้างว่าเหตุการณ์ตะวันแก้วเหมือนคำทำนายเมื่อเกือบ 500 ปีที่แล้ว ไม่ผิดเพี้ยน !!!
"มีเกร็ดอยู่เรื่องหนึ่ง เขา บันทึกเอาไว้เกือบ 500 ปีที่แล้ว เขาบอกว่าสักวันหนึ่ง ผู้ยิ่งใหญ่จะมาปรากฏบนท้องฟ้า
มนุษย์ได้เห็นดวงอาทิตย์เป็นสีทองคำ ฟ้าจะถูกทาบด้วยสีทอง น้ำตาจะหลั่งไหล สิ่งที่ปิดบังไว้ก็จะเปิดเผยเกี่ยวกับช่อง
ทางภายในมนุษย์
มนุษย์จะพบสันติสุขที่แท้จริงบังเกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป จะพบเพชรพลอยในท้อง แปลกดีนะ พบ
เพชรพลอยในท้อง เขาว่ากันอย่างนั้น ฟังเพลิน ๆ เอาไว้อย่าไปคิดอะไร เพราะฟังดูแล้วมันคล้ายกับวันที่ 6 กันยายน
ที่ผ่านมา" พระไชยบูลย์กล่าว
ไม่เพียงแต่ที่วัดพระธรรมกายสำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่กระบวน การชี้ท้องฟ้ามองตะวันยังระบาดข้ามไปถึง
สหรัฐฯ โดยมีการกล่าวอ้างลงในวารสาร ดวงแก้ว ของวัดพระธรรมกายที่เผยแพร่กันในประเทศสหรัฐฯ ฉบับเดือน
พฤศจิกายน 2541 ว่าเมื่อข่าววันอัศจรรย์ตะวันตาเบิกโพลงที่วัดพระธรรมกายเผยแพร่ออกมา บรรดาสานุศิษย์ที่สหรัฐฯ
ก็ตื่นเต้นเป็นอันมาก และอยากจะเห็นตะวันแก้วจับใจ จึงพากันไปอธิษฐานจิตขอออกไปดูท้องฟ้าในเวลาเช้าของวันอาทิตย์
เหนือเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ หลังทำวัตรเช้า และก็เห็นตะวันแก้วกับเขาเหมือนกัน ขนาดที่มีการบรรยายขนาดว่า
"โอ...ใช่แล้วตะวันแก้ว หลวงพ่อเจ้าขา เห็นแล้วเจ้าค่ะ"
แต่รูปร่างลักษณะตะวันที่เห็นในสหรัฐฯ กลับไม่เหมือนกับที่เคยบรรยายไว้ในประเทศไทย เพราะที่สหรัฐฯ บอกว่าเห็นเริ่มจาก วงกลมสีเทามาบดบังดวงอาทิตย์ และต่อมาวงกลมสีเทากลายเป็นสีเงินยวง ซึ่งสงสัยจะเป็นตะวันคนละดวงกัน เพราะที่วัดพระธรรมกายต้นตำรับที่พระไชยบูลย์บรรยายออกมาก็คือจะเริ่มจากดวงอาทิตย์ถูกดูดหายไปในท้องฟ้าแล้วมี
วงกลมเป็นแก้วใสไม่มีสี โผล่ขึ้นมาแทนคล้ายสุริยคราส แต่เป็นคราสด้วยดวงใส ๆ มองทะลุไปได้
และเหตุการณ์ตะวันแก้วก็ถูกนำมาปลุกศรัทธาอีกครั้ง ในระหว่างที่วัดพระธรรมกายถูกตรวจสอบและวิจารณ์จากสื่อมวลชน
มากขึ้น โดยเฉพาะในงานบวชอุบาสกแก้ว หรือเรียกให้ถูกต้องเป็นการบวชชีปะขาว ระหว่างวันที่ 29-31 มกราคมที่ผ่านมา
เริ่มจาก พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ออกมาเทศนาล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม ว่า ในงานบวชอุบาสกวันสุดท้ายที่มีเหล่าสานุศิษย์มารวมตัวกันที่วัด อาจจะมีการเกิดเหตุการณ์ "อัศจรรย์" ให้เห็นกันอีก โดยพระเผด็จไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก
และความพยายามให้เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นจริง ๆ โดยในวันที่ 31 มกราคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพิธีบวช ในช่วงเย็นก่อนที่งานจะเลิกก็ได้มีการชักชวนให้คนทั้งหมดไปชุมนุมร่วมกันที่ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ที่เคยอ้างว่าเกิดเหตุ
การณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วมาแล้ว
ครั้งแรกได้เชิญชวนให้คนยืนหันหน้าจ้องไปยังทิศตะวันออกก่อน จากนั้นแจกธงสีแดงมีรูปพระมหาสิริราชธาตุอยู่ตรงกลาง ข้างหลังเป็นสีเงินทึบตลอดแผ่นและโบกไปทั่ว พร้อมกับพระเผด็จให้สาวกตะโกนคำว่า "ทุ่มสุดชีวิต สร้างพระธรรมกายเจดีย์ ชิตังเม ๆ ๆ" จากนั้นให้ฝูงชนหันหน้ามาทางทิศตะวันตกที่พระอาทิตย์กำลังอัสดง
และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบรรดาผู้นำบุญและเจ้าหน้าที่ของวัดที่กระจายกันนั่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ 10 คนบ้าง 20 คนบ้าง ทั่วบริเวณก็เริ่มแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการกรี๊ดส่งเสียงว่า "เห็นแล้ว อัศจรรย์ตะวันแก้ว" ทำให้คนที่อยู่ในบริเวณลุกฮือขึ้นมาจ้องไปที่แสง อาทิตย์ แต่ก็เห็นแต่ท้องฟ้าโล่งไม่เห็นอะไร
อย่างไรก็ตาม กระบวนการส่งเสียงร้องเชียร์เห็นตะวันแก้วก็เกิดเป็นระยะ ๆ บางคนถึงกับลงทุนร้องไห้เพ้อรำพันออกมาเหมือนกับไร้สติ แต่คนที่ไม่รู้เรื่องก็เลยเพ่งจนแสบตาก็ไม่เห็น พร้อมกับบรรดาช่างภาพหนังสือ พิมพ์ และโทรทัศน์ทุกช่องก็จับภาพไว้ ก็ไม่เห็นอะไร
จากการสอบถามคนที่ร่วมเหตุ การณ์ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คนของวัดหรือไม่ใช่กลุ่มผู้นำบุญจะไม่เห็น บางคนกลับหันซ้าย หันขวา หน้าเลิกลั่ก พอถูกถามว่าเห็นไหมก็บอกว่าเห็น และพอถูกถามว่าเห็นอะไร ก็หันรีหันขวาง พอคนข้าง ๆ บอกว่าเป็นตะวันแก้ว ก็เออออห่อหมกว่าก็เห็นอย่างที่เขาเห็นกันนั่นแหละ
ผลสรุปสุดท้ายก็คือเหตุการณ์ตะวันแก้วที่วัดชอบเอ่ยไม่ปรากฏขึ้นอีก และไม่สามารถปลุกกระแสขึ้นมาได้ภายใต้การตรวจสอบจากบุคคลภายนอก ทั้งจากสื่อมวลชน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ทั้งตำรวจ หน่วยข่าวกรอง ที่เต็มพรืดในงาน
นอกจากนั้นสิ่งที่เป็นประจักษ์พยานก็คือบรรดาเด็กนักเรียนที่ถูกเกณฑ์ไปร่วมงานบวช ก็ไปจ้องดวงอาทิตย์ด้วย และสิ่งที่ได้รับก็คือดวงตาแดงก่ำ และบวมในวันรุ่งขึ้น
และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันมาแล้ว เช่น ที่ภูเก็ตที่มีการพาไปนั่งสมาธิกลางแจ้ง และนั่งไปสัก พักก็มีบรรดาแกนนำของวัดร้องห่มร้องไห้กันระงมพร้อมชี้ชวนให้เห็น ตะวันแก้วกลางท้องฟ้า แต่คนอื่นที่ร่วมด้วยไม่เห็นอะไรเลย มีแต่คนของ วัดพระธรรมกายเท่านั้นที่พร่ำเพ้อออกมา ส่วนคนอื่นเห็นแต่นกบินเต็มท้องฟ้า
โอ้....หลวงพ่อเจ้าขา...ปาฏิหาริย์แท้ ๆ วันอัศจรรย์ตะวัน คุด!!!