เดลินิวส์ 3/2/2542

'อาคม'ขวางธรรมกายแอบอ้าง
อาคมตรวจสอบขวางธรรมกายแอบอ้าง เตรียมเสนอผลศึกษาวัดฉาวถึงพระพรหมโมลีพฤหัสนี้ ขณะที่กรรมาธิการศาสนาประชุมนัดสุดท้ายตั้ง 4 ประเด็น ระบุวัดนี้พิกลตั้งแต่เจ้าอาวาส-รองเจ้าอาวาส-
แม่ชีจันทร์จนถึงพระชั้นใน ใช้คำสอนผิดเพี้ยน สร้างธรรมกายเจดีย์แข่งกับพุทธมณฑล แถมยังพบเครือข่าย
ธุรกิจคนใกล้ชิดมากเกินไป อวดฤทธิ์ปาฎิหารย์
พระพยอมออกโรงโครงการปลูกกัลปพฤกษ์อื้อฉาว 200 ล้าน
วัดโกงชัด ๆ พล.อ.แป้งขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียวที่ช่อง 5 ถ่ายทอดสด บวชชีปะขาว ผบ.สส.พูดชัดทหารแต่งชุดขาวไปงานนี้ไม่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมานายอาคม เอ่งฉ้วนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยกรณีที่มีข้าราชการ
ในสำนักราชเลขานุการในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร เดินทางมาที่กระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ 1 ก.พ.นั้นเป็นเพียงมาสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลของกองงานในพระองค์ ซึ่งเป็นการตรวจสอบภายในว่ามีบุคคล
หนึ่งบุคคลใดแอบอ้างพระองค์ท่านไปในทางที่ไม่เหมาะสมหรือมิบังควรหรือไม
่ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของกองงานในพระองค์ ที่ต้องดำเนินการตามหน้าที่อยู่แล้ว มิได้มีเรื่องอื่นใด
"ขณะนี้ผลสอบสวนของคณะกรรมการชุดกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอถึงผมแล้ว และในวันพฤหัสบดีนี้
จะนำไปมอบให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ต่อไป"นายอาคมกล่าว
รายงานข่าวจากกรรมาธิการศาสนาฯเปิดเผยว่ากรรมาธิการรวบรวมข้อมูลของวัดพระธรรมกายทั้งหมดแล้ว โดย
แยกเป็น 4 ประเด็น โดยประเด็นแรกคือเรื่องศาสนธรรมแยกเป็น 5 ส่วนคือวิชชาธรรมกาย,หลักคำสอนที่ว่านิพพานเป็นอัตตา,การสอนเรื่องต้นธาตุ
ต้นธรรม
,อิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์และกระบวนการให้บุญเป็นสินค้า ประเด็นที่ 2 ศาสนบุคคลแยกเป็น 3 ส่วนคือพฤติกรรมเจ้าอาวาสที่เปลี่ยนแปลงยึดถือตัวเอง มีความลึกลับ,แม่ชีจันทร์ที่ได้รับข้อมูลจาก
สำนักข่าวกรองแห่งชาติและคนใกล้ชิดที่ระบุว่าอ้างปาฎิหารย์และสุดท้ายคือ
พฤติกรรมของพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสและพระชั้นในของวัดอีก 10 รูป ที่ได้รับคำสั่งในการปฏิบัติจากเจ้าอาวาสรวมถึงมีกลุ่มทำงานของมูลนิธิธรรกมาย ่กลุ่มกัลยาณมิตรที่คล้ายเป็นเซลแมน โดยข้อมูลปี 2533 กลุ่มพวกนี้มี 62 กลุ่ม
ประเด็นที่ 3 เรื่องศาสนวัตถุ ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ที่เน้นให้ใหญ่และอัศจรรยที่สุด ซึ่งตามหลักการก่อสร้างต้องเน้นเพื่อสนองหลักไตรสิกขาไม่ควรกระจุกตัวเน้นการแข่งขัน โดยประเทศไทยมีพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางการประกอบศาสนพิธีอยู่แล้ว ไม่ควรมีการก่อสร้างมาแข่งขันอีก และในรายงานยังวิเคราะห์เครือข่ายธุรกิจที่เชือมโยงกับบุคคลสำคัญของวัดโดยตั้งข้อสังกตุว่า
มีมากผิดปกติและการใช้จ่ายเงินของวัดหรือมูลนิธิที่ไม่แน่ชัด ส่วนการถือครองที่ดินของ
เจ้าอาวาสทำไมจึงไม่ใช่ชื่อมูลนิธิหรือชื่อวัด
ประเด็นสุดท้ายเรื่องศาสนาพิธีที่เน้นการถวายข้าวพระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน โดยอ้างว่าได้บุญมากและผู้ประกอบพิธีก็มีเฉพาะเจ้าอาวาสและแม่ชีจันทร์เท่านั้น ซึ่งชาวพุทธจะไม่ถวายทานโดยตรงกับพระพุทธเจ้า แต่จะบูชาตามพุทธานุสติเท่านั้น โดยคณะกรรมาธิการศาสนา
จะประชุมในวันที่ 3 ก.พ.อีกครั้งก่อนสรุปเสนอกระทรวงศึกษาธิาการ เพื่อเสนอต่อพระพรหมโมลีต่อไป
ขณะเดียวกันสำหรับกรณีที่วัดเคยจัดทำโครงการต้นไม้ดูดทรัพย์ ด้วยการระดมเงินปลูกต้นกัลปพฤกษ์ต้นละ 1 หมื่นบาท จำนวน 2 หมื่นต้น โดยอ้างว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศและป้องกันการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ใครทำบุญจะได้บรรลุธรรม ถึงนิพพานได้สมใจเหมือนกับพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งที่ตรัสรู้ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ด้วย แต่ทว่าวัดกลับไม่มีการปลูกต้นไม้ตามที่อ้างนั้น
พระพิศาลธรรมพาทีหรือพระพยอม กัลยาโณ ประธามมูลนิธิวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ ว่า การกระทำเช่นว่านี้เป็น
การโกงอย่างชัดเจน ทางวัดสมควรคืนเงินให้คนทำบุญ นี่กลับเอาไปเก็บไว้ ความมหัศจรรย์ของโลกที่วัดพระธรรมกายกล่าวอ้างนั้น เป็นความฟุ้งซ่านคือระดมเงินไปมากๆ สงครามโลกจะไม่เกิดโลกจะไม่แตก แต่พอได้เงินไปแล้วกลับไม่ปรากฏต้นกัลปพฤกษ์ให้เห็น นี่ละคือสิ่งที่เรียกกันว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
เรื่องพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ที่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์นั้น แท้ที่จริงพระพุทธองค์ตรัสรู้ใต้ต้นมหาโพธิ์ ชาวพุทธยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวไม่มีองค์อื่น การสอนให้คนเข้าใจว่าต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้สวรรค์นั้น ไม่ใช้หลักคำสอนหรือหัวใจของพระไตรปิฎก ไม่มีวัดไหนสอนกันแบบนี้ด้วย
"อาตมามีเรื่องของลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่บ้าไปแล้ว ปากอมไฟมันร้อนรุ่มปากอยู่ไม่สุข โทรศัพท์มาที่วัดสวนแก้วบอกว่าจะบริจาคเงินบ้าง ต้องการพูดกับพระพยอมเท่านั้น แต่พอไปรับสายปรากฏว่าด่าอาตมาเป็นชุด พูดเร็วมากฟังแถบไม่รู้เรื่อง พอรับหลายครั้งเข้าถึงรู้ว่าเป็นลูกศิษย์ธรรมกาย โทรมาขอด่าเท่านั้น พวกนี้อมไฟธรรมกายไว้ในปาก หลงทางกันใหญ่แล้ว อย่างนี้เรียกว่าบ้าแล้ว ถ้าได้ด่าพระแล้วเป็นสุขอาตมาก็เจริญพร"
พล.ร.อ.ชาติ ดิษฐบรรจง อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เผยถึงโครงการปลูกต้นกัลปพฤกษ์ว่าตนไปเป็นประธาน
ในพิธีปลูกปลูกเมื่อปี 2530 โดยได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมกาย ถือเป็นการให้เกียรติ ซึ่งก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
วัตถุประสงค์คือ การปลูกต้นกัลปพฤกษ์เพื่อให้เกิดความร่มรื่น เป็นดินแดนแห่งความสมปรารถนา ความสุขและความรู้
" จำได้ว่าในวันนั้นมีฝนตกหนัก มีคนไปจำนวนมาก เมื่อเสร็จภาระกิจก็กลับ ผมเป็นคนที่เรียนรู้และฝึกเรื่องธรรมะมาตลอด ดังนั้นเราก็มีความเชื่อของเราเอง พูดถึงวัดนี้ก็ไม่ได้มีความชอบอะไรเป็นพิเศษ ยอมรับว่ามีทั้งส่วนที่เราชอบและไม่ชอบวัด
พระธรรมกาย อย่างเช่น เขามีวิธีการจัดการ-ระเบียบวินัยที่ดีเราก็ชื่นชม ส่วนไม่ชอบคือการอวดอุตริมนุษธรรม,การ
อ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ วัดนี้ไม่เคยได้เงินผมแม้แต่บาทเดียว"
ส่วนพ.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร สว.ผ.5กก.3ป. เปิดเผยว่ากองปราบสืบสวนเรื่องการสร้างพระพุทธรูปของวัดพระธรรมกายที่ไม่ได้แต่งหรือห่มจีวรเหมือนทั่วไป โดยผู้เกี่ยวข้องของวัดยืนยันการก่อสร้างไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงต้องส่งให้มหาเถรสมาคมต่อไป ส่วนการตรวจสอบเงินบริจาคปลัดอำเภคลองหลวงเป็นผู้รับผิดชอบ อยู่ระหว่างการเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจจริง ในวันที่
3 ก.พ.พ.ต.อ.วิเชียร สมานพงษ์- รองผบก.ป.หัวหน้าชุดสอบสวนจะเรียกประชุมและสรุปผลอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงกรณีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการถ่ายทอดสดพิธีบวชอุบาสกแก้วหรือชีปะขาวของ
สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5ว่าบรรดานายทหารในกองทัพต่างก็มีการจับกลุ่มการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวโดยบอก
ว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะช่อง 5 โดนต่อว่า-สอบถามว่าเป็นคำสั่งของใคร กรณีนี้ทำให้ พล.อ.แป้ง มาลากุล ณ.อยุธยา ในฐานะประธานทีวีพลูและผอ.สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เดินทางมาขอพบ พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ.เป็นการด่วนเพื่อชี้แจง
พร้อมทั้งได้มีการหอบเอาเอกสารต่างๆ มาอ้างอิงด้วย โดยทาง ผอ.ช่อง 5 บอกว่า การถ่ายทอดสดในครั้งนี้เพราะเห็น
เป็นการเผยแพร่พุทธศาสนา เป็นการดำเนินการในส่วนธุรกิจ โดยมีการเช่าเวลาชั่วโมงละ 800,000 บาท 2 ชั่วโมงก็เป็นเงิน
1,600,000 บาทหากการดำเนินการดังกล่าวทำให้มีผลกระทบต่อกองทัพ ขอเป็นผู้รับผิดชอบ
เรื่องเองทั้งหมด
ส่วนพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ผบ.สส.กล่าวว่าได้ตักเตือนนายทหารระดับสูงบางคนที่แต่งชุดขาว
ไปงานบวชของวัดเพราะไม่เหมาะสมและกองทัพไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดสด และไม่เกี่ยวข้องกับวัด
อาจมีนายทหารบางคนที่ศรัทธา