เดลินิวส์ 1/2/2542

บวชวัดธรรมกาย มาเป็นแสน
บวชชีปะขาววัดพระธรรมกายวัดสุดท้ายเครียด ลูกแถวทำร้ายสื่อมวลชนทุกแขนง ผู้สื่อข่าว"มติชน"เจอหนักถึงขึ้นขู่ทำร้ายร่างกาย แกนนำวัดยืมมือกาฝากวงการสิ่งพิมพ์ปฏิเสธเหตุการณ์ดังกล่าว เผยเหตุผู้คนร่วมแสนร่วมงาน วัดใช้วิธีแจกพระล่อแถมเกณฑ์ชาวบ้านทุกหัวระแหง แจกเงินแจกอาหารเพียบ พร้อมให้โรงเรียนที่ชนะเลิศรายการตอบปัญหาธรรมะรับมอบโล่ห์พระราชทานในวันเดียวกัน สร้างภาพศรัทธาแรงกล้า แฉแหลกลูกศิษย์หัวใสปล่อยข่าวอัศจรรย์ตะวันแก้วซ้ำ "สุลักษณ์ ศิวลักษณ์"อัดแหลกพระชั้นผู้ใหญ่ ทำตัวใบ้หูหนวกไม่เคลื่อนไหวดำเนินการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย มั่นใจมวยล้มแน่
เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการบวชอุบาสกแก้วจำนวน 60,000 คน โดยจะลาบวชในเวลา 16.45 น. โดยในช่วงเช้านั้นผู้เข้าบวชได้รับศีลและถวายข้าวบูชาพระพุทธ นั่งสมาธิและฟังพระธรรมเทศนา โดยมีพระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นผู้แสดงธรรมเทศนา
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปนั้น ปรากฎว่ามีผู้คนที่ทะยอยเดินทางมาตั้งแต่คืนวันเสาร์มากมาย ทำให้การจราจรบริเวณวัดพระธรรมกายค่อนข้างติดขัด ซึ่งผู้คนที่เดินทางมาครั้งนี้มีจำนวนกว่า 1 แสนคน แต่ส่วนใหญ่นั้นมาร่วมในกิจกรรมรับมอบโล่ห์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินีนาถฯและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ในการตอบปัญหาธรรมะ โดยมีโรงเรียนที่ชนะเลิศ รองชนะเลิศ
เข้ารับรางวัลกว่า 13 โรงเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการแสดงธรรมเทศนานั้น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้กล่าวว่า การบวชครั้งนี้ทุกคนได้รับอานิสสงฆ์โดยทั่วกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บวช พระพี่เลี้ยง และเหล่ากัลยาณมิตรก็ตาม และขอให้ทุกคนจดจำไว้ชั่วชีวิตเพราะต้องถือว่าเป็นปรากฎการณ์พิเศษที่ไม่เกิดขึ้นง่ายนัก และกว่าจะได้เข้าบวชต้องต่อผู้กับผู้ขัดขวางพิธีนี้มากมาย อานิสสงฆ์ครั้งนี้ทุกคนจะได้รับการต้อนรับจากเหล่าเทวดาที่จะปรุงแต่งสถานที่ให้เกิดความสว่างไสว เป็นที่น่าสังเกตว่าการบวชอุบาสกแก้วครั้งนี้วัดพระธรรมกายได้ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ในการบวชมาก มาย อาทิ การอนุญาต
ให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าบวช ซึ่งทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวัดชี้แจงว่าที่อนุญาตเพราะว่ามีผู้ปกครองมาคอยควบ
คุมดูแลอยู่ด้วย ทางวัดเห็นว่าเป็นบุญกุศลแก่เด็กจึงอนุญาตให้เข้าบวชได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลา 16.00 น. ทางวัดได้ประกาศเชิญชวนให้ผู้ที่มาร่วมในงานเดินออกจากสภาธรรมกายไปยังบริเวณสถานที่ก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ โดยบริเวณดังกล่าวมีเหล่าพระสงฆ์นำโดยพระราชภาวนาวิสุทธิ์และพระภาวนาวิริยคุณ เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสรออยู่ เมื่อผู้มาร่วมในงานถึงบริเวณดังกล่าว พระภาวนาวิริยคุณได้ประกาศให้ตั้งอธิษฐานสมาธิ พร้อมทั้งแจกธงแดง ซึ่งมีรูปพระมหาสิริราชธาตุรุ่นพิชิตมารติดอยู่ และบอกให้นำกลับไปบูชาที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้นพระภาวนาวิริยคุณได้ประกาศให้ผู้มาร่วมงานชูธงแดงที่ได้รับแจกพร้อมกับโบกธงดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน และกล่าวปฏิญาณว่า ทุ่มสุดชีวิต สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ชิตังเม ชิตังเม ซึ่งผู้เข้าร่วมงานก็เปล่งเสียงโดยพร้อมกัน พระภาวนาวิริยคุณยังได้ประกาศให้ผู้มาร่วมงานหันไปทางทิศตะวันตก ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้อัสดงค์ ปรากฎว่ามีญาติธรรมของวัดพระธรรมกายราว 50-60 คน ได้ปล่อยข่าวออกมาอย่างหนาหูว่าเกิดอัศจรรย์ตะวันแก้วขึ้น เหมือนเมื่อประมาณต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งอัศจรรย์ดังกล่าวยังคงเป็นที่กล่าวขวัญถึงความถูกต้องจนทุกวันนี้
ขณะเดียวกันจากการสอบถามเด็กที่มาร่วมงานนั้น ส่วนใหญ่จะกล่าวเหมือนกันว่าทางวัดไปประกาศเชิญให้มาร่วมงาน โดยระบุว่ามางานที่วัดจะได้เที่ยว ได้เล่นของเล่น เล่นเกมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งมีเพื่อนใหม่และได้ทานอาหารมากมายซึ่งทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ด้วย โดยเด็กชายอนุศักดิ์ โกสะ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 1 จากจังหวัดสุโขทัยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า มาร่วมงานพร้อมกับยาย เหตุที่มาเพราะยายบอกว่าให้มารับพระเพื่อนำมาเป็นศิริมงคล และยายก็จะได้รับเงินในการเดินทางมาครั้งนี้ อย่างไรก็ดีในการแจกพระมหาสิริราชธาตุครั้งนี้ปรากฎว่าไม่สามารถแจกได้อย่างทั่วถึง ทางวัดจึงใช้วิธีแจกคูปองให้แก่ผู้มาร่วมงานที่ไม่ได้รับ พร้อมประกาศว่าให้มารับในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. แต่ในคูปองนั้นระบุว่า
เป็นวันที่ 1 มี.ค.ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา
ในวันเดียวกันที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง ปทุมธานี ได้มีผู้ปกครองเดินทางมาแจ้งความว่า มีเด็กหายไปจากบริเวณวัดชินวรารามจำนวน 5 คน สงสัยว่าจะถูกล่อลวง โดยเด็กทั้ง 5 คนนั้นวิ่งเล่นอยู่บริเวณภายในวัดซึ่งมีงานฉลองผ้าป่าและงานฝังลูกนิมิตร ภายหลังจากได้รับแจ้งความ ร.ต.อ.ชวลิต รำวุฒิ ร้อยเวรสอบสวนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกสอบสวนเรื่องดังกล่าว จากการสอบสวนพบว่ามีชายวัย 60 ปีเศษขับรถเก๋งสีฟ้ามาพูดคุยกับเด็กก่อนที่เด็กเหล่านั้นจะหายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามจนกระทั่งเวลา 15.00 น.เศษ ก็ได้พบเด็กทั้ง 5 คนที่บริเวณวัดพระธรรมกาย รวมทั้งได้ผู้ต้องหารายนี้ด้วย โดยเด็กชายชำนาญ เจริญสวน 1 ใน 5 คนที่ถูกล่อลวงมาให้การว่า ชายคนดังกล่าวได้ระบุว่าให้ไปช่วยรับพระที่วัดพระธรรมกาย โดยในงานจะมีอาหารและเครื่องเล่นให้ แต่ต้องไปเข้าแถวรับพระให้ด้วย โดยจะให้เงินภายหลังจากที่นำพระมาให้ ซึ่งราคาที่ตกลงกันก็คือ องค์ละ 30 บาท ใครได้มามากก็จะได้เงินมาก
อย่างไรก็ดีผู้ต้องหาคนดังกล่าวก็หลบหนีไประหว่างการควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนเป็นผู้ควบคุม จากการสอบถามร้อยเวรคนดังกล่าวก็ได้รับการปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าใครเป็นผู้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ และไม่สนใจที่จะดำเนินการในเรื่องนี้แต่อย่างใด ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของผู้ปกครองเด็กทั้ง 5 คนเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. ได้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายสื่อมวลชนขึ้น โดยระบุว่า ขณะที่นายไพศาล ตั่งยฤทธิ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชนกำลังนั่งเขียนข่าวเพื่อที่จะรายงานกลับสำนักพิมพ์นั้น ได้มีชายในชุดขาว อายุราว 40 ปีเศษ ทราบชื่อภายหลังว่า นายประภัสสร ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นทหารเรือไม่ทราบสังกัดและเป็นเจ้าหน้าที่ของวัดเข้ามาตบกลางหลัง 3 ครั้งด้วยความรุนแรงพร้อมทั้งกล่าวว่า ไอ้น้องขอนั่งด้วยคนได้ไหม ซึ่งนายไพศาลก็ได้เชื้อเชิญให้นั่งโดยดี
ระหว่างนั้นได้มีการสนทนากันถึงเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกายหลายประเด็น โดยนายประภัสสรระบุว่าข่าวที่เสนอไปนั้นเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและใส่ร้ายพร้อมทั้งต่อว่า
ต่างๆนานา หลังจากนั้นไม่นานผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้เดินเข้ามานั่งด้วย ทำให้นายประภัสสรลุกออกจากบริเวณนั้นไป แต่ก่อนที่จะออกไปนั้นได้กล่าวอาฆาตไว้มากมาย ก่อนจะทิ้งท้ายว่าเราจะได้เห็นดีกันแน่ ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.อ.เมือง ปทุมธานีเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยทางสภ.อ.เมือง ปทุมธานีได้ทำหนังสือถึงวัดพระธรรมกายเพื่อขอความร่วมมือในการตามหานายประภัสสรต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเข้าไปทำข่าวนั้นทางวัดจะจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลการทำข่าวอย่างใกล้ชิด โดยผู้สื่อข่าว 1 คนจะมีเจ้าหน้าที่วัดติดตามถึง 5 คน และจะถูกกลั่นแกล้งพูดจาเสียดสีโดยตลอด บางคนถูกแกล้งขี่รถจักรยานชน ขับรถทับรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้บริเวณริมทางก่อนเข้าไปในสภาธรรมกายก็มี
นายมานิตย์ รัตนสุวรรณ 1 ในแกนนำลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเปิดเผยว่า การเดินทางมาร่วมงานอุบา สกแก้วของผู้คน
เรือนแสนนั้น เป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่าศรัทธาของวัดยังคงมีหนาแน่นมาก สื่อมวลชนทุกแขนงควรเลิกโจมตีอย่างไร้เหตุผลได้แล้ว เพราะทุกอย่างพิสูจน์กันให้เห็นแล้ว ส่วนเรื่องที่ระบุว่ามีการจ้างคนมาร่วมงานนั้น หากเห็นว่าเป็นเรื่องจริงให้สื่อมวลชลหา
หลักฐานมายืนยัน เพราะวัดไม่เคยมีนโยบายแบบนี้ แต่หากจะมีลูกศิษย์วัดคนอื่นทำก็เป็นเรื่องที่วัดไม่รับรู้ด้วย
สำหรับกรณีที่มีนักข่าวถูกทำร้ายนั้น นายมานิตย์กล่าวว่า ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน พร้อมทั้งได้นำช่างภาพวีดิโอของวัดพระธรรมกายและผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันพิมพ์ไทยมาร่วมชี้แจง ซึ่งทุกคนยืน ยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว สื่อมวลชนสร้างภาพกันเองว่ามีเหตุการณ์รุนแรงภายในวัด โดยนัดแนะกับทางสถานีโทร ทัศน์ไอทีวีมาร่วมสร้างสถานการณ์
ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันเดียวกัน นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ ราชบัณฑิตสาขาศาสนศาสตร์เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบวัดพระธรรมกายว่า เชื่อว่าการตรวจสอบครั้งนี้
ต้องเป็นมวยล้มแน่นอนเพราะที่ผ่านมาทางวัดพระธรรมกาย
มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพระชั้นผู้ใหญ่บางรูปอย่างแน่นแฟ้น
ปัญหาวัดเวลานี้ก็คือคำสั่งสอนของวัดทั้งหมดที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ แต่ไม่เห็นว่าจะมีพระชั้นผู้ใหญ่รูปไหนเลยที่กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาเคยพูดเรื่องของ
วัดพระธรรมกายมา 20 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจเพิ่งจะมาตื่นเต้นตอนที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังตกต่ำ อย่างไรก็ตามคาดว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะมีพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปที่มีพฤติกรรมคล้ายๆกับวัดพระธรรมกาย
เช่นเดียวกัน
"ผมกำลังรอดูอยู่เหมือนกันว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสจะกล้าออกมาพิสูจน์ความจริงกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่จะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสอนที่ทางวัดอ้างว่าพระนิพพานเป็นอัตตา ซึ่งขัดกับหลักพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก"