เดลินิวส์ 30/1/2542

ธรรมกายบวชชีปะขาวเหงา
เป้าหนึ่งแสนมาแค่ 5 พันคน
ผีหลอกกลางวัน บวชชีปะขาวโหรงเหรงหลังระดมกำลังภายในทุกรูปแบบหาอาสาสมัคร 1 แสนคนบวช
อุบาสกแก้ว เอาเข้าจริงมีแค่ 5,000 คนเศษเข้าร่วมโครงการ
"ตูมตาม"เชื่อกรณีขัดแย้งอาจยุติ เผยพระพรหมโมลีต้องการให้วัดเปิดข้อมูลเงินบริจาค เลิกสอนนิพพานเป็นอัตตาดูดคนไปเฝ่าพระพุทธเจ้าได้ อวดปาฏิหารย์ คณะกรรมการชุดกระทรวงศึกษาฯสรุปข้อมูลแล้ว เตรียมเสนอเจ้าคณะภาค 1 สัปดาห์หน้า มั่นใจทุกอย่างครบถ้วนทุกประเด็นไม่ต้องหาอะไรเพิ่ม
เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการพิธีบวชอุบาสกแก้ว
ของวัดพระธรรมกาย ที่ปทุมธานีและรายงานว่า ก่อนที่พิธีจะเริ่มนั้นนายสนิท เหลืองภิรมย์ นายอำเภอคลองหลวง ปทุมธานีได้เดินทางมาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งเพื่อค้นหาระเบิดภายในวัด เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการ
วางระเบิด ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่พบระเบิดแต่อย่างใด ในเวลาต่อมาทางวัดได้เชิญให้นายอำเภอคลองหลวง
เป็นประธานในการมอบผ้าเฉลียงแก้วแก่ผู้บวชอุบาสกแก้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ
จากนั้นนายสนิทให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีหนังสือจากนายดำริ วัฒนะสิงหะ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยมาให้ทาง
จังหวัดตรวจสอบเรื่องมูลนิธิต่างๆ ซึ่งทางจังหวัดได้มีหนังสือสั่งการให้อำเภอดำเนินการแล้ว เพื่อดูว่าขัดกับความสงบสุขของราษฎรหรือไม่และดูว่ามูลนิธิได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งให้จัดส่งรายงานการประชุม งบดุล บัญชีรับ-จ่าย อย่างละเอียดให้ด้วย ซึ่งทางอำเภอก็ได้แต่งตั้งกรรมการ
ขึ้นมาดำเนินการแล้ว
บรรยากาศทั่วไปนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดค่อนข้างเงียบเหงาผิดคาดเป็นอย่างมาก เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาวัดพระธรรมกายได้ประกาศตลอดเวลาว่า จะมีผู้มาบวชครบตามจำนวน
ที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ 150,000 คน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มกราคมนั้น ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ
วัดระบุว่ามีเยาวชนมาลงชื่อแล้วกว่า 70,000 คน แต่ในพิธีบวชอุบาสกแก้วนั้นปรากฎว่าตั้งแต่เช้า
จนถึงเมื่อเวลา 18.00 น. มีผู้มาลงทะเบียนบวชอุบาสกแก้วแค่ 2,000-3,000 คนเท่านั้น
รายงานระบุว่า ตลอดทั้งวันทางวัดได้พยายามจัดเจ้าหน้าที่มาคอยควบคุมดูแลการทำข่าวของสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด สังเกตได้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างกระสับกระส่ายมากกับจำนวนผู้มาบวช และได้ชี้แจงกับสื่อมวลชน
ว่าผู้มาบวชส่วนใหญ่จะมาตอนกลางคืน อย่างไรก็ดีผู้ที่มาลงทะเบียนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเด้กนักเรียนในต่างจังหวัดอาทิ จากจังหวัดสุรินทร์ กาญจนบุรี พิษณุโลก ระยอง สมุทรปราการ เป็นต้น
จากการสัมภาษณ์ผู้เข้ามาร่วมโครงการรายหนึ่งบอกว่าตนเองเป็นคนงานก่อสร้างย่านปทุมธานีและได้รับการว่าจ้าง
ให้เข้ามาร่วมในโครงการนี้ โดยบอกว่ามาร่วมโครงการนี้จะได้รับเงิน อาหารและที่พักฟรีนอกจากนี้ยังมีเด็ก
นักเรียนที่ทางโรงเรียนเป็นผู้จัดพามาตามหนังสือของอธิบดีกรมสามัญศึกษา นายกว้าง รอบคอบ ที่ระบุให้ทางโรงเรียนให้ความร่วมมือกับทางวัดพระธรรมกายด้วย
น.ส.ชุรีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่กองส่งเสริมและเผยแพร่ วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
และชาวม้ง จำนวนกว่า 2,000 คน
ได้แจ้งมาว่าจะขอเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย เนื่องจากเกิดความศรัทธา โดยคาดว่าชาว
เขาทั้งหมดจะเดินทางมาถึงตอนกลางคืน
นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าการพิจารณาปัญหาวัดพระธรรมกายของ
พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 จะได้ข้อยุติระดับหนึ่ง ซึ่งประเด็นที่จะชี้คือการเผยแผ่และปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะการฝึก
สมาธิธรรมกาย ส่วนเรื่องปาฎิหารย์คงต้องมีการพูดกับกัลยาณมิตรว่าไม่ใช่ทาง
ที่พระพุทธองค์ต้องการ
เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่ทำให้จิตใจสงบ
"เท่าที่พูดกับพระพรหมโมลี เชื่อว่าเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสนั้นยอมรับหลักธรรมคำสอน
ตามแนวเถรวาทคือนิพพานไม่เป็นอัตตา และการนั่งสมาธิแนวธรรมกายไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ไม่ใช่เครื่องชี้ว่าจะมีโอกาสเฝ้าพระพุทธเจ้าหรือมองเห็นในสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นเหมือน
กับที่วัดอ้างว่าสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าหรือหมองเห็นหลวงพ่อสดในดวงอาทิตย์"
สำหรับวัดพระธรรมกายพระพรหมโมลีเองยอมรับว่า มีข้อดีหลายเรื่องเช่นการบริหารจัดการให้คนมาปฏิบัติธรรม
แต่ควรให้เป็นธรรมชาติหรือด้วยความศรัทธา ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างว่ามีมาปฏิบัติธรรมสอง
หรือสามแสนคน
ไม่ใช่นั้นคงจะมองว่าวัดใช้วิธีการต่างๆนาๆให้คนมาทำบุญหรือนำระบบขายตรงมาใช้กับ
ศาสนาซึ่งอาจถูกมองได้ว่าเป็นการหลอกลวงและบางคนเกิดความเชื่อผิดๆว่าทำบุญมากจะได้มาก
หรือรวยมาก หรือได้พบพระ พุทธเจ้าเร็วขึ้นสิ่งเหล่านี้ถือว่าไม่ถูกต้อง
ศิษย์วัดหรือเจ้าหน้าที่คง
พูดกันเองเพราะยังไม่มีคำยืนยันจากเจ้าอาวาส
นายอาคมกล่าวอีกว่า พระพรหมโมลีไม่ต้องการให้วัดสร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในศาสนา และสิ่งใดปรับเปลี่ยนได้ก็ควรทำ ควรถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าวพูดคุยแบบพบกันครึ่งทาง สำหรับเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินของเ
จ้าอาวาสแม้จะอ้างว่าประชาชนเต็มใจบริจาคให้ แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงควรโอนให้วัดหรือมูลนิธิ รวมถึงควรเปิดเผยเรื่องการบริจาคอย่างชัดเจนและโปร่งใส ถ้าปฎิบัติได้เชื่อว่าปัญหาวัดพระธรรมกาย
คงจบโดยเร็ว เพราะไม่มีใครต้องการเห็นคนนับถือศาสนาพุทธขัดแย้งกันเอง
นายสุวัฒน์ ฉ่ำเงิน รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลวัดพระธรรมกายของกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ว่า ได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญใน 8 ประเด็นคือ คำสอนเรื่องนิพพานไม่ตรงตามพระไตรปิฎก รูปแบบของการประชาสัมพันธ์ของวัด การรับบริจาคทรัพย์ของประชาชนในรูปแบบต่างๆ เช่นการสร้างพระที่สามารถผ่อนส่งได้ และนำระบบเชิงรุกมาใช้ดำเนินการเหมือนระบบธุรกิจ การครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของ
วัดและการรวบรวมที่ดิน การใช้เงินของวัด การสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ การเข้าไปพัวพัน
กับธุรกิจและการสร้างพระพุทธรูป
ประเด็นเหล่านี้ที่ประชุมได้พิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับจากวัดพระธรรมกายประกอบด้วย รวมถึงคำชี้แจงของเจ้าอาวาส ซึ่งเห็นว่าครอบคลุมทุกประเด็นแล้วไม่จำเป็นต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากนี้ก็จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมด
เสนอต่อพำระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 โดยจะไม่มีการเสนอความเห็นประกอบ แต่จะเสนอข้อเท็จจริง
ให้ตรงตามหลักวิชาการศาสนา เพื่อให้พำระพรหมโมลีนำไปพิจารณาประกอบ แต่หากว่าข้อมูลที่ได้รับยัง
ไม่เพียงพอก็สามารถบอกให้คณะกรรมการหาเพิ่มเติมได้ โดยคาดว่าจะเสนอข้อมูลดังกล่าวนี้ในสัปดาห์หน้า
ส่วนความคืบหน้าในเรื่องของการบังคับนักเรียนที่อยุธยาไปร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายนั้น นางทองคำ ไหลนานานุกูล อายุ 40 ปี จากตำบลพระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนได้ชักชวนบุตรชายไปร่วมกิจกรรมของวัด โดยบอกว่าไม่มีการบังคับแต่อย่างใด จึงไม่ได้อนุญาตให้ไปร่วมงานเพราะเห็นว่าในช่วงผิดภาคฤดูร้อนก็จะให้บวชเป็น
สามเณรที่วัดแถวบ้านอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีการเชิญชวนของครูนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่การที่เด็กนักเรียนบางคน
จำเป็นต้องไปเป็นเพราะเด็กเหล่านั้นกลัวว่าจะมีผลต่อคะแนนสอบ เรื่องนี้อยากให้กระทรวง
ศึกษาธิการให้ความสนใจและตรวจสอบการดำเนินการของครูเหล่านี้ด้วย เพราะหากว่า
เกิดปัญหาแก่เด็กเหล่านี้ต้องถามว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับการตระเวนบรรยายธรรมของพระภิกษุสามเณรของวัดพระธรรมกายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนลาดบัวหลวง มีนักเรียนเข้าร่วมฟังการบรรยายประมาณ 200 คนโดยมีครูฝ่าย
แนะแนวเป็นผู้ประสานงาน โดยการบรรยายนั้นได้เน้นให้เห็นถึงผลตอบแทนจาก
การทำบุญอย่างชัดเจน คือทำมากจะได้รับบุญมาก ทำน้อยจะได้น้อย นอกจากนี้ยังมี
การพูดถึงเรื่องของการนั่งสมาธิเพื่อให้สามารถเห็นดวงแก้วมหัศจรรย์ และได้มีการนำเอา
ภาพปาฏิหารย์มาแสดงให้เด็กนักเรียนได้ดู พร้อมทั้งเชิญชวนให้มาร่วมในการบวชอุบาสกแก้วด้วย