บุกค้น เสธ.ม่อย โยงบึ้มเชียงใหม่
ย่านรัชดาฯ บิ๊กหมงสั่งเชือด ผู้พัน'ตึ๋ง'
กองปราบฯ ยกพลตรวจค้นห้อง "เสธ.ม่อย" สำนักงาน
น.ส.พ.พิมพ์ไทย ย่านรัชดาฯ
ควานหาหลักฐานเกี่ยวโยงบึ้ม ที่เชียงใหม่
แต่ต้องคว้าน้ำเหลว
ขณะที่ตำรวจถูกลองดีมือมืดโทรฯ ข่มขู่วางระเบิด เซ็นทรัลหนที่ 3 ด้าน "จิ๋ว"
หยามพลเรือน มาเป็นทหารเสียบ้านเสียเมืองทุกที
แนะ "ชวน" เป็น รมว.กลาโหม อย่าหยิ่งจะไปไม่รอด ส่วน "บิ๊กหมง" เอาจริงเรียก "ผู้พันตึ๋ง" เข้าเขียนชี้แจง หากสืบสวนพบหลักฐานมีมูลถูกลงโทษหนักแน่ ถึงขั้นถูกปลดออก แต่ต้องรอข้อมูลตำรวจด้วย
จากพฤติกรรมพวกโรคจิตที่ไม่หวั่นเกรงความผิดยังขู่วางระเบิดป่วนบ้านเมืองแทบทุกวัน แม้ตำรวจออกสืบสวนจนลากคอมาดำเนินคดีรายแล้วรายเล่า ล่าสุดจับกุมตัวนายพิชญุตย์- แซ่หลี อายุ 17 ปี และนายจรัญ- คล้ายดวง อายุ 23 ปี ผู้ลงมือโทรศัพท์ข่มขู่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว และเป็นลูกน้องของนางอรทัย มัจฉากล่ำ ภรรยาของ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ"ผู้พันตึ๋ง" นายทหารหน่วยข่าวกรอง บก.สูงสุด ต่อมาทาง พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์- ผบช.น.เรียกตัว"ผู้พันตึ๋ง"มาสอบสวนหาความจริงเพราะยังกังขาสงสัยอยู่ ขณะเดียวกันทาง พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.สูงสุด สั่งลงโทษทางวินัยกับ พ.ต.เฉลิมชัยด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
  • ชายลึกลับโทรแจ้งขู่เซ็นทรัล
  • แต่แล้วตำรวจยังถูกลองดีจากมือมืดโทรฯข่มขู่อีกครั้ง เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 21 ม.ค.ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า (191) กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้รับแจ้งเหตุจากชายนิรนามว่า มีเหตุวางระเบิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งระเบิดจะทำงานภายในเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน หลังจากโทรฯแจ้งเสร็จชายคนดังกล่าวรีบวางหูโทรศัพท์ทันที ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ (191)- จึงรีบตรวจสอบโทรศัพท์ที่ชายต้องสงสัยโทรฯแจ้ง พบเป็นเครื่องโทรศัพท์สาธารณะ หมายเลข C1-5955 ตั้งอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์หน้ากระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีฯ ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี จึงแจ้งวิทยุไปยัง ร.ต.ท.สมิง รอดรักษา หัวหน้าสายตรวจ สน.พญาไท พร้อมกำลังรุดไปตรวจสอบตู้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวทันที ผลปรากฎว่าตู้โทรศัพท์เกิดเสียใช้การไม่ได้ จากนั้นได้สอบถามจากประชาชนที่บริเวณป้ายรถเมล์ ทุกคนบอกว่าไม่พบเห็นชายต้องสงสัยเข้าไปโทรฯ แต่เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าชายผู้ไม่หวังดีเข้าไปโทรฯแจ้ง แล้วรีบวางหูพร้อมกับทำโทรศัพท์ให้เสีย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไขว้เขวและคาดว่าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโทรศัพท์แน่ ซึ่งจะออกสืบสวนหาตัวมาดำเนินคดีต่อไป
    ขณะเดียวกันศูนย์วิทยุ 191 ได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.สมชาย สรรประเสริฐ สว.สส.สน.พหลโยธิน ท้องที่เกิดเหตุ พร้อมกับรายงานให้ พ.ต.อ.ประดิษฐ์ มะกรูดทอง ผกก.พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ รอง ผกก.ป.และกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมกับตำรวจจากกองปราบฯ ตำรวจ บก.สปพ.(191) เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารโดยการนำของ พล.ต.บุญยัง บูชา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 และสุนัขตำรวจ เข้าตรวจค้นตั้งแต่ชั้นใต้ดิน จนถึงชั้น 5 พร้อมกับแจ้งให้พนักงานของห้างและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของให้ทราบว่ามีเหตุชายโทรฯแจ้งขู่วางระเบิด เมื่อทุกคนทราบดังนั้นต่างวิ่งหนีออกจากห้องกันโกลาหลอลหม่านหาที่กำบังวุ่นวายไปหมด ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าที่บริเวณขายเสื้อผ้าชั้น 2 ซึ่งแบ่งเป็นล๊อกพบกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเดินทางสีดำวางอยู่ 1 ใบ ภายในบรรจุผ้าขนหนู เสื้อ-กางเกง สอบสวนทราบว่าเป็นของเพื่อนสาวพนักงานห้างคนหนึ่งนำมาฝากไว้ สำหรับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ที่ผ่านมาถูกข่มขู่วางระเบิดมาแล้วรวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
    ที่กองปราบปราม ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผกก. 3 ป.พร้อมกำลังและหมายค้นของศาลอาญา เลขที่ 237/2542 ขอทำการตรวจค้นหลักฐานเอกสารหรือวัตถุพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีมีผู้ลักลอบวางระเบิดบ้านพักผู้บัญชาการเรือนจำ จ.เชียงใหม่ ถูกซุกซ่อนอยู่ที่บ้านเลขที่ 25/4 อาคารสว่างโรจน์ ชั้น 2 ซอยเสือใหญ่อุทิศ ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.เมื่อกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบพบอาคารดังกล่าวสูง 3 ชั้น ที่บริเวณชั้น 2 ที่ตั้งของบริษัทเคียงดาวกรุ๊ป และบริษัท ซีพีดี ทีมจำกัด นอกจากนี้เป็นสำนักงานของ น.ส.พ.เมืองอีสาน น.ส.พ.พิมพ์ไทยฝ่ายบันเทิงและศึกษา โดยมีนายเอกวิทย์ อรรคสิงห์ หัวหน้าข่าวบันเทิงของ น.ส.พ.พิมพ์ไทย ออกมารับหมายศาล จากนั้นนายเอกวิทย์ นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในสำนักงานด้านนอก ส่วนในห้องทำงานของ พล.ต.อินทรัตน์- ยอดบางเตย หรือ"เสธ.ม่อย" ปัจจุบันประจำ บก.ทหารสูงสุด พล.อ.ต.นันทวัช บัวสุวรรณ และ พ.ต.หิมาลัย ผิวพรรณ ช่วยราชการ กองข่าว หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.สูงสุด ถูกล๊อคกุญแจ ทางตำรวจจึงติดต่อไปยัง พ.ต.หิมาลัย กระทั่งเวลา 12.00 น.พ.ต.หิมาลัย เดินทางมาถึงแต่งกายชุดทหารเต็มยศ และได้ไขกุญแจเปิดห้องทำงานของตัวเอง โดยทาง พ.ต.ท.มนตรี ปิดประตูห้องเข้าพูดคุยกันอยู่ประมาณ 20 นาที ต่อจากนั้น พ.ต.หิมาลัย นำตำรวจเข้าตรวจค้นห้อง หลังเสร็จสิ้นพาเข้าตรวจค้นห้องทำงานของ พล.ต.อินทรัตน์ ซึ่งอยู่ติดกันและห้องทำงานของ พล.อ.ต.นันทวัช โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที การตรวจค้นจึงเสร็จสิ้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการตรวจสอบตามห้องต่างๆมีตำรวจส่วนหนึ่งได้ตรวจสอบตามเครื่องคอมพิวเตอร์ของ น.ส.พ.พิมพ์ไทย และโต๊ะทำงานของพนักงานทุกคน ขณะเดียวกันทางพนักงานในบริษัทไม่ยอมให้บรรดาสื่อมวลชนเข้าไปในสำนักงาน โดยให้รอที่หน้าประตูและสั่งห้ามไม่ให้มีการบันทึกภาพ พร้อมกันนี้มีการนำเอากล้องถ่ายวีดีโอมาบันทึกบรรดาสื่อมวลชนทุกคนด้วย ทางด้าน พ.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผกก.3 ป.กล่าวภายหลังตรวจค้นเสร็จสิ้นว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการนำหมายศาลเข้าตรวจค้นอาคารแห่งนี้ ผลการตรวจค้นไม่พบหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิดที่ จ.เชียงใ่หม่ ต่อข้อถามว่าการตรวจค้นห้องทำงานของ"เสธ.ม่อย"พบหลักฐานอะไรหรือไม่ รอง ผกก. 3 ป.ตอบว่าห้องทำงานของ พล.ต.อินทรัตน์ และ พ.ต.หิมาลัย ยังไม่พบหลักฐานใดๆทั้งสิ้น แต่รายละเอียดต่างๆขอให้ไปถามผู้บังคับบัญชาระดับสูง
    ส่วนนายเอกวิทย์- อรรคสิงห์ หัวหน้าข่าวบันเทิง น.ส.พ.พิมพ์ไทย กล่าวว่าไม่ทราบมาก่อนว่าว่าจะถูกเข้าตรวจค้น ในส่วนของ น.ส.พ.พิมพ์ไทยนั้นเป็นส่วนของการศึกษา ทหาร และอาชญากรรมบางส่วน รวมทั้งบันเทิงด้วย แต่เรื่องระเบิดทางเราไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็นใดๆทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องดังกล่าวทาง พล.ต.อินทรัตน์-เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร นายเอกวิทย์ตอบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสำนักงานส่วนตัว ทางเราได้เชิญท่านทั้ง 3 มาเป็นที่ปรึกษา ไม่มีอะไรป็นพิเศษตามปกติแล้วก็มาทำงานเป็นบางครั้ง ส่วนการที่ตำรวจเชื่อมโยงเหตุระเบิดมาที่นี่ ก็เพราะทางเรามีการนำเสนอข่าวเหตุวางระเบิดที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีข้อมูลบางอย่าง และในวันเกิดเหตุทาง พ.ต.หิมาลัยเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อทำธุระส่วนตัวเท่านั้น แต่ตำรวจตั้งประเด็นเชื่อมโยงมาที่ตัวผู้พันหิมาลัย หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมามักจะโยนเรื่องมาที่ฝ่ายทหาร เพราะต้องการหาแพะมารับผิดชอบเหมือนเช่นเหตุการณ์วันนี้ที่เข้าตรวจค้นสถานที่แห่งนี้ ก็เพราะมี น.ส.พ.รายวันฉบับหนึ่งลงข่าวไปก่อนหน้านี้
    ทางด้าน พ.ต.หิมาลัย ผิวพรรณ กล่าวว่าตนให้ความร่วมมือกับตำรวจเต็มที่ เข้าใจว่าตำรวจทำงานไปตามข่าวแต่อยากฝากถามว่าหากเกิดเหตุขึ้นจะมีการโยนเรื่องให้ทหารจึงไม่มีความเป็นธรรม เพราะทหารแต่ละคนกว่าจะเรียบจบต้องฝึกอบรมมาอย่างดีจึงรู้ว่าอะไรควรมิควร และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น การตรวจค้นครั้งนี้ได้แจ้งไปยัง พล.ต.อินทรัตน์ แล้ว โดยท่านเองสั่งการให้ทางเราอำนวยความสะดวกเต็มที่เพราะไม่มีความลับต้องปิดบังอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีข่าวว่าตัวผู้พันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พ.ต.หิมาลัย ตอบว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องตรงไหน ส่วนกรณีที่ สน.สุทธิสาร ยอมรับว่าเคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานบริการ แต่ในฐานะเป็นลูกจ้างของร้านเท่านั้น เพราะมีลูกน้องเข้าไปทำงานรักษาความปลอดภัย แต่ได้มีการประสานงานกับตำรวจท้องที่ทุกครั้งที่เกิดเหตุและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีรวมทั้งด้านการข่าวด้วย และเมื่อผู้บังคับบัญชามีนโยบายไม่ให้ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องตนก็ถอนตัวออกมาแล้ว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.กล่าวถึงการแก้ปัญหาเหตุระเบิดที่มีรายงานว่า พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์- ผบช.น.เข้ารายงานความคืบหน้าให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ทราบว่ามีกลุ่มขบวนการอยู่เบื้องหลังจำนวน 7 กลุ่มว่าเรื่องนี้รายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่ ผบช.น.แต่จะจับกุมเพิ่มเติมหรือไม่นั้นอยู่ที่พยานหลักฐานที่ปรากฎ หากพบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ตนจะไม่เร่งรัดหรือกำหนดระยะเวลาตายตัว หากเร่งรัดไปจะมีรายละเอียดที่ไม่รัดกุม เกิดความผิดพลาดได้ ส่วนกรณีมีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะผู้บังคับบัญชาของทหารให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์- ผบ.สูงสุด และเหล่าทัพทั้ง 3 เหล่าก็มีจุดยืนเดียวกัน คือใครที่กระทำไม่ดีเป็นการผิดกฎหมายก็ต้องลงโทษหมด
    ต่อข้อถามว่ามีการประเมินสถานการณ์อย่างไร พล.ต.อ.ประชา ตอบว่าประเมินเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ อาทิการป้องกัน การสืบสวนหาข้อมูล ที่จะติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ เบื้องต้นได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจ ส่วนเหตุการณ์จะยุติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้มองจุดนั้น แต่ตำรวจเน้นการทำงานมากกว่าให้ได้ผลดีที่สุด เรื่องแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างตำรวจกับทหารกระทำอยู่ตลอดเวลา
  • "จิ๋ว"แนะ"ชวน"อย่าหยิ่ง
  • นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น.ได้รายงานสรุปผลเรื่องระเบิดว่าเป็นการรายงานสรุปผลในภาพรวมตั้งแต่เกิดเรื่องทั้งหมด มีทั้งการวางจริงและวางข่มขู่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่นั้นจะไม่ขอพูดถึง เนื่องจากรายละเอียดเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนเพื่อประโยชน์ต่อรูปคดีต่อไป พร้อมทั้งกำชับให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.ติดตามอย่างต่อเนื่องจริงจังทุกระยะและเชื่อว่าจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงได้มากกว่านี้
    พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ผู้นำฝ่ายค้าน ต่อข้อถามถึงกรณีสำนักข่าวกรองแห่งชาติระบุว่าเหตุลอบวางระเบิดเป็นฝีมือของทหารยศนายพล 5 คน โดย 1 ใน 5 นั้นสนิทสนมกับพรรคฝ่ายค้านนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า 5 นายพลทหารเขาโกรธรัฐบาลจะตายน่าจะมีซัก 500 คน "เมื่อพลเรือนมาเป็นทหาร มันก็เสียบ้านเสียเมืองทุกที เรื่องนี้อย่าหยิ่งมี พล.อ.เป็นถึงรัฐมนตรีช่วย ก็ไม่ใช้เขา ไม่ปรึกษาหารือกัน ก็ไปไม่รอดทำอย่างไรก็ไม่เข้าใจทำทีไรก็ผิดทุกที"ผู้นำฝ่ายค้านย้ำ
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการทหารสูงสุด ถึงกรณีการลงโทษ พ.ต.เฉลิมชัย มัจาฉากล่ำ ว่าขณะนี้ความผิดยังไม่ชัดเจนแต่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาเกี่ยวกับกรรโชกทรัพย์และถูกสำรองราชการเมื่อวันที่ 1 ต.ค.41 ที่ผ่านมา เพราะถูกฟ้องฐานความผิดต่อหน่วยงานทางราชการ ดังนั้นสำนักงานเลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุดจึงมีคำสั่งสำรองราชการตั้งแต่นั้นมา ซึ่งลักษณะคล้ายกับพักราชการทั่วๆไป แต่ได้รับเงินเดือนตามชั้นยศซึ่งไม่ต่ำกว่า 17,000 บาท ทั้งนี้ไม่มีงานต้องรับผิดชอบ จนกว่าผลสรุปของตำรวจจะชี้ชัดด้วยหลักฐาน
    มีรายงานอีกว่า พ.ต.เฉลิมชัย ถ้าตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรโชกทรัพย์-หรือการส่งลูกน้องขู่วางระเบิด ก่อความวุ่นวายในประเทศ หากตำรวจพบหลักฐานและข้อมูลความจริงต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน หนักที่สุดคือออกจากราชการ ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาสืบสวนทางลับและทางเปิดอย่างรัดกุมตามธรรมเนียมของทหาร เพราะมิเช่นนั้นหากหละหลวมจะถูกฟ้องร้องกลับได้ ดังนั้น ผบ.สูงสุด จึงสั่งกำชับให้ติดตามพฤติกรรมของ พ.ต.เฉลิมชัยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการสติดตามหาข่าวจากตำรวจอีกทางหนึ่งด้วยเพื่อประกอบการพิจารณาลงโทษ
    ขณะเดียวกันวันนี้ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด สั่งการให้ พล.ต.พิษณุ อุไรเลิศ เลขานุการกองบัญชาการทหารสูงสุด เรียกตัว พ.ต.เฉลิมชัย มาเขียนรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นมาอย่างไรจะเป็นข้อแก้ตัวหรือข้อเท็จจริงก็ต้องเขียนขึ้นมา เพื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลอื่นๆ ซึง ผบ.ทหารสูงสุด สั่งการเน้นย้ำว่านอกจากจะรู้ข่าวจากสื่อมวลชน จากตำรวจ ก็ต้องรู้ข่าวจากเจ้าตัวเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงด้วย
    ส่วนกรณี บก.ทหารสูงสุดเรียกตัว"ผู้พันตึ๋ง"มาสอบสวนช้าเนื่องจากถูกเรียกไปใช้งานที่กระทรวงกลาโหม โดย พ.ต.เฉลิมชัย อ้างว่ามีผู้ใหญ่ยศ พล.อ.ขอตัวไปช่วยงานทางด้านยาเสพย์ติดกรณีตามหา"บังรอน" แต่ทั้งนี้หนังสือคำสั่งที่ขอตัวไปช่วยราชการที่กระทรวงกลาโหม ทางสำนักงานเลขานุการ บก.ทหารสูงสุด ยังไม่เห็น จึงไม่ทราบว่านำเอาผู้ใหญ่มาแอบอ้างหรือไม่ ขณะนี้กำลังเร่งหาต้นฉบับดังกล่าวเป็นการด่วน เพราะข้อเท็จจริงการขอตัวนายทหารไปช่วยราชการจะต้องมีหนังสือมายังต้นสังกัด ว่าขัดข้องหรือไม่ แต่ในกรณีนี้ยังไม่เห็นหนังสือมีเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น
    อย่างไรก็ตามมีรายงานด้วยว่าหลังจากที่ พล.ต.พิษณุ สอบสวน พ.ต.เฉลิมชัย เสร็จสิ้น จึงสั่งให้ทำรายงานเสนอ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะเดินทางกลับจาก จ.เชียงราย เพื่อมารับทราบเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง โดย"ผู้พันตึ๋ง"ได้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้รายงานดังกล่าวจะใช้ประกอบร่วมกับการสอบสวนของตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริง
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่าทางหน่วยข่าวกรองทหารตั้งข้อสังเกตว่าเราต้องดูจากเทปที่ทางตำรวจอัดไว้ขณะที่ลูกน้องของ"ผู้พันตึ๋ง"โทรฯขู่วางระเบิดว่ามีเสียงแทรกเข้ามาด้วยหรือไม่ เพราะอาจจะมีคนคอยบอกให้พูดอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้
    ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ทำดี ผกก.สภ.อ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากนายสุวรรณ อยู่ในวง ผจก.สหกรณ์ออมทรัพย์ครูบุรีรัมย์ ว่าเช้าวันนี้ขณะที่มีการประชุมประจำเดือน คณะกรรมการออมทรัพย์ครูบุรีรัมย์ ที่สำนักงานสหกรณ์ฯใกล้ศาลากลางจังหวัด ได้มีชายลึกลับโทรศัพท์มาสำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ ข่มขู่ว่าได้วางระเบิดไว้ในสำนักงานฯแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระ ชำนาญหมอ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร.ต.อ.ชูพล อ่อนชัย หน.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ตชด.21 บุรีรัมย์ ทำการตรวจค้นภายในสำนักงานและด้านนอกอย่างละเอียดประมาณ 2 ช.ม. ไม่พบสิ่งแปลกปลอมแต่อย่างใด
    ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวว่าวางระเบิดไว้ในศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ จะระเบิดขึ้นในเวลา 15.00 น. ก่อนวางสายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดิมจึงเดินทางไปตรวจสอบภายในศาลากลางต่อ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบสิ่งแปลกปลอมแต่อย่างใด
    รายงานข่าวแจ้งว่าเหตุการณ์ข่มขู่วางระเบิดสหกรณ์ออมทรัพย์ครูบุรีรัมย์ ครั้งนี้ อาจมาจากความไม่พอใจของกลุ่มครูด้วยกัน เนื่องจากไม่กี่วันก่อนมีใบปลิวโจมตีการโยกย้าย หน.สำนักงานประถมศึกษาอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัด ที่อยู่มากว่า 10 ปีสร้างผลงานไว้มากมาย ไปอยู่พื้นที่ห่างไกล และย้ายเอาคนเพิ่งสอบบรรจุได้มาดำรงตำแหน่งแทน จนสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มครูบางส่วนเป็นอย่างมาก ด้าน พล.ต.ต.ธีระ กล่าวไปถึงผู้ก่อความวุ่นวายขอเลิกกระทำเสีย เพราะหากถูกจับจะได้รับโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด
    พล.ต.บุญยัง บูชา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 กล่าวถึงกรณีขู่วางระเบิดที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวว่าเดินทางไปตรวจสอบด้วยตนเองแต่ไม่พบระเบิด แต่ตรวจสอบพบกระเป๋าน่างสงสัย 1 ใบวางอยู่ ทราบว่าเป็นของผู้หญิงคนหนึ่งที่วางเอาไว้แล้วไปกินข้าวสอบสวนแล้วเขาบอกว่าไม่รู้เรื่องซึ่งจากการสังเกตคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ขณะนี้ในส่วนของสารวัตรทหารยังทำงานร่วมกับตำรวจอย่างหนักตลอดเวลา จากการปฏิบัติอย่างเข้มงวดพบว่าปัญหาทหารมาเฟียลดน้อยลงไปซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ.สั่งกำชับให้ทหารอันธพาลหมดไป หากจับได้มีคำสั่งให้ปลดจะไม่ปล่อยให้รกกองทัพ ก็รู้สึกว่าลำบากที่ต้องมาเจอกับบรรดามาเฟียทั้งหลาย ซึ่งตัวใหญ่ไม่มีปัญหา แต่มีตัวเล็กๆชอบอ้างสมควรใช้มาตรการเด็ดขาดเพราะทำให้กองทัพเสียหายกระแสสังคมสมคสรเล่นงานให้พวกนี้ตายไปจากสังคม
    พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหาร จปร. 7 กล่าวถึงเรื่องเงินเพิ่มสู้รบ( พสร.)ว่าจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมานายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้หลอกประชาชนเพราะเรื่อง พ.ส.ร.นายชวนรับทราบมาตั้งแต่ปลายปี 2541 แล้วจะมาปฏิเสธไม่รู้ไม่ได้ นอกจากนี้ตนเองก้เสียใจที่คุณหญฺงสุพัตรา มาศดิตถ์ ออกมาพูดว่ากองทัพมีฝูงเหลือบ ซึ่งตนอยากอธิบายว่าอย่าไปคิดอย่างนั้น การออกไปรบต้องมีการขออนุมัติตัวบุคคล โดย ผบ.เหล่าทัพเป็นผู้เซ็น หลังจากนั้นส่งให้กำลังพลและกรมเสมียนตราบันทึก วันเวลาที่ออกไปรบ หลังจากนั้นก็ออกคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่ แล้วทำไมต้องบอกว่ามีฝูงเหลือบแอบไปเบิกเงินแสดงว่าที่พูดมานั้นไม่รู้จริง คนในกองทัพเขาเสียใจ เพราะการจะออกรบต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนอย่ามาพูดกันอย่างนี้
    ด้านนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังปิดประชุมสภา ถึงเหตุการณ์วางระเบิดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า มีการเอาความแค้นนอกสภาหรือเรื่องส่วนตัวมาขู่วางระเบิดกันจะมีการขอร้องกันหรือไม่ว่า ตนชื่นชมผู้กตัญญูแต่ขอให้กตัญญูส่วนตัว ช่วยเหลือส่วนตัวเช่นรับใช้ส่วนตัว อย่าเอาบ้านเมืองมาเป็นเครื่องแก้แค้นหรือตอบแทนบุญคุณกันด้วยการทำลายส่วนรวม อย่างนี้ไม่ใช้เป็นการกตัญญูต่อบ้านเมือง ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวว่าการวางระเบิดเป็นเรื่องการตอบแทนบุญคุณหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น แต่คนที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั้นเป็นเรื่องดีเป็นคนดี แต่ต้องไม่ลืมว่าการตอบแทนนั้นต้องเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ตอบแทนด้วยการทำลายคนอื่น