เดลินิวส์ 16/1/2542

ธรรมกายทวงเงินไม่คืนด่ากราด
วัดธรรมกายเก็บโต๊ะบริจาคเงินสร้างพระหมื่นบาทชั่วคราว หลังถูกทวงเงินคืน แฉเหลี่ยมวัดฉาว
พอถูกทวงเงินก็รีบพาเจ้าทุกข์หนีนักข่าว หลบพ้นก็ไสส่งให้พ้นวัด แถมยังมีสาวกรุมโทรฯมาด่ากราด ระบุไปชักชวนคนมาเป็นพันทำบุญสร้างพระสุดท้ายก็มีแต่หนี้ไม่เหมือนกับที่โฆษณา สำรวจใจกลางวัด
พบกุฎิหรูกว่า 20 หลังบนเนื้อที่ 100 ไร่ สงสัยเป็นที่อยู่บุคคลสำคัญมียามรักษาการณ์แน่นหนา
แถม
มีนกยูงเดินเล่นให้เห็นด้วย กองปราบหอบเอกสารมูลนิธิฯไปประกอบสำนวน ก่อนส่งกำลังชุดใหญ่เข้าวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.ปทุมธานีว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาเวลา 11 น. พ.ต.ท.ระพีพงษ์ สุพรศรี รองผกก.3ป.
ร.ต.อ.สุรพล เปรมบุตร สว.ผ.5กก.3ป. เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดปทุมธานี เพื่อตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่าง ๆ
ที่วัดพระธรรมกายยื่นต่อจังหงัด โดยมีนายเปี่ยม เขียวร้อง เจ้าหน้าที่ปกครอง 3 เตรียมเอกสารต่าง ๆให้ตรวจสอบ
ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ขั่วโมง
สำหรับรายละเอียดในเอกสารพบว่ามูลนิธิธรรมกายเดิมชื่อมูลนิธิธรรมประสิทธิ์ จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และ
เมื่อวันี่ 15 ม.ค. 2525 ยื่นขอเปลี่ยนชื่อเป็นมูลนิธิพระธรรมกาย และต่อมาเมื่อวันที่ 17 สงิหาคม 2526 เปลี่ยนชื่อเป็น
มูลนิธิธรรกมายเพื่อให้เข้าใจชัดว่าวัดพระธรรมกายกับมูลนิธิไม่ใช่สถาบันเดียวกัน แตกต่างกันทั้งด้านการดำเนินงาน
บริหาร ทรัพย์สินเบื้องต้นงบดุลเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2519 มีสินทรัพย์รวม 8.8 แสนบาทและงบดุลล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2541
มีทรัพย์สินรวม 171.39 ล้านบาท
จากเอกสารยังพบว่ามูลนิธิธรรมกายโดยพระเผด็จ ทัตตชีโว ประธานมูลนิธิสมัยนั้น ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน 2528
ถึงราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อขพระราชทานให้มูลนิธิอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ผ่านทางจังหวัดปทุมธานี และนายไพบูลย์ ทองมิตร รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
เพื่อขอความเห็นและตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อจะนำความบังคมทูลพระกรุณาประกอบพระราชวินิจฉับ และหลังจากนหังสือฉบับนี้ไม่ปรากฎว่าจังหวัดได้รับแจ้งให้มูลนิธิได้รับอนุญาตให้อยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์แต่อย่างใด
พ.ต.ท.ระพีงษ์ ยังเดินทางไปวัดมูลจินดาราม อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อพบพระสุเมธาภรณ์-รักษาการณ์เจ้า
คณะจังหวัดปทุมธาน แต่ได้รับแจ้งว่าพระสุเมธาภรณ์ป่วย และจำวัดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางกลับ และมีการนำ
เอกสารกว่า 500 หน้ากลับไปประกอบสำนวน ก่อนที่จะตรวจค้นวัดโดยใช้เจ้าหน้าที่กองปราบชุดใหญ๋พร้อมผู้บังคับบัญชา
น.ส.พนิดา เอี่ยมปี นิติกรสำนักงานสรรพากร จ.ปทุมธานี กล่วว่าการตรวจสอบมูลนิธิธรรมกายไม่ค่อยได้รับความ
ร่วมมือ ซึ่งนัดหมายผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับบรรยากาศในวัดพระธรรมกาย
หลังจากมีการร้องขอเงินคืนปรากฎว่าบริวเณสำนักงานหใญ่มูลนิธิธรรกมายที่เคยมีโต๊ะตั้งเป็นแถวแนวยาวสำหรับ
เจ้าหน้าที่มารับบริจาคเงิน และแจกเอกสารชักชวนคนสร้างพระธรรมกายประจำตัว ปรากฎว่าวันนี้กลับไม่มี ลานจอดรถก็ว่างมีแต่รถของเจ้าหน้าที่ และมีทหารในเครื่องแบบมาจากกองพันสารวัติทหารบก 2 นาย เปลี่ยนเวร
กันเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง และมีการตรวจตรารถยนต์ท่จะเข้าไปในบริวเณเขตสังฆาวาส ที่มีป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า
บริเวณดังกล่าวจะมีเรือนพักของสงฆ์หลังเดี่ยวแยกกันประมาณกว่า 20 หลัง บนเนื้อที่ 100 ไร่ มีกำแพงล้อมรอบ ประตูทางเข้าออกมียามรักษาการแน่นหนา และมีหลังหนึ่งใหญ่เป็นพิเศษ มีนกยูงที่เป็นสัตว์หวงห้ามอยู่ 9 ตัว เดินหา
อาหารที่มีผู้นำมาเลี้ยง คาดว่าจะเป็นเรือนพักของบุคคลสำคัญในวัด
นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคระกรรมการวบรวมข้อมูลกรณีวัดพระธรรมกายเปิดเผยว่าตนและกรรมการอีก 2 คนลงไปหาข้อมูลที่วัดโดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสอยา่งดี โดไยด้ตอบคำถามทุกประเด็นที่สงสัย
เช่นเรื่องที่ดิน เพราะโฉนดระบุชื่อเจ้าอาวาสเป็นเจ้าของ ซึ่งได้ชี้แจงว่าบางครั้งผู้ที่มาบริจาคต้องการระบุชื่อผู้ที่ต้องการ
ให้อย่างชัดชเน ส่วนกรณีมีข่าววัดรวบรวมที่ดินจำนวนมากก็เป็นเรื่องจริง แต่ทั้งหมดเพื่อกิจการศาสนา
ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่สื่อมวลชนลงไปก็เป็นเพียงบางส่วน เพราะความจริงวัดแบ่งเงินเป็น 2 ส่วนคือเงินบริจาคและเงินมูลนิธิที่ผู้บริจาคระบุวัตถุปประสงค์ชัดเจน และเงินบริจาคจะไม่นำไปใช้ซื้อที่ดินส่วนหรือหรือ
ใช้ส่วนตัวเด็ดขาด สามารถตรวจสอบได้ทุกเรื่อง ส่วนเรื่องการตัดต้นโพธิ์ยังไม่มีการสอบถามรายละเอีดยและพาไป
ดูต้นโพธิ์ในวัดก็ไม่มีรายอตัว ส่วนเรื่องกรีนการ์ดก็จบแล้วเพราะไม่ใช่เรื่องจริง
ในวันที่ 22 ม.ค.นี้จะมีการนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ ก่อนเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่อพิจารณาต่อไป และถ้าพระพรหมโมลีมีข้อสงสัยก็จะลงไปหาข้อมูลและสอบถามความจริงอีกครั้ง
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายวิชัย และนางกนกวรรณ์ เลิศตระกูลพิทักษ์ ซึ่งเคยบุกไปทวงเงินค่าพระธรรมกายประจำตัวคืนจากวัด ที่บ้านพักเลขที่ 69/1775 ถ.รัตนาธิเบศ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถว 4 ชั้น เปิดเป็นร้านทำแอร์รถยนต์ชื่อร้านวีเคแอร์ หน้าร้านได้ติดประกาศขายตึก ส่วนภายในร้านมีรูปภาพโปสเตอร์ของวัดพระธรรมกาย รูปหลวงพ่อปัญญา วัดชลประทานรังสฤษดิ์ และพระเกจิที่มีชื่อเสียง
อื่นๆ ติดอยู่
นายวิชัยและนางกนกวรรณ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินคืน โดยวันที่ไปทวงถาม น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้า
ที่ประชาสัมพันธ์มูลนิธิ พาขับรถหลบผู้สื่อข่าวและคอยโทรศัพท์เช็คอยู่ตลอดว่าผู้สื่อข่าวกลับไปหมดหรือยัง
จนกระทั่งเวลา 18.00 น. จึงพากลับมาส่งยังที่จอดรถ และไม่ยอมพูดถึงเรื่องคืนเงินแต่อย่างใด
หลังจากที่ตกเป็นข่าวเรื่องทวงเงินทำบุญจากวัดพระธรรมกายคืน ปรากฏว่าทั้งคืนทั้งวันที่ผ่านมาได้รับความ
ทุกข์ทรมานทางจิตใจมาก เนื่องจากมีเสียงโทรศัพท์ดังไม่ขาดสายทั้งคืน ส่วนใหญ่จะโทร.มาต่อว่า บางรายเป็นคนที่เคยชวนไปทำบุญด้วยโทร.มาทวงถามเงินทำบุญคืนจากพวกตน
นายวิชัยกล่าวว่า กรณีที่มูลนิธิธรรมกายกล่าวหาว่านางกนกวรรณ์ภรรยาของตนเคยมีประวัติเป็นบ้า เคยเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญานั้น ความจริงเคยเข้าไปให้แพทย์ตรวจรักษาอาการโรคเครียด งฐานะทาง
เศรษฐกิจของตนขณะนี้ ทั้งร้านอาหาร ร้านซ่อมแอร์ ต่างประสบปัญหา บ้านที่อยู่ก็กำลังจะถูกธนาคารยึด เพราะเป็น
หนี้สินอยู่ถึง 6,000,000 บาท ประกอบกับนางกนกวรรณ์ได้นำเงินไปสร้างพระประจำตัว สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ที่วัด
พระธรรมกายเป็นเงินกว่า 200,000 บาท โดยทำให้ครอบครัวประกอบด้วยลูกเล็กๆอีก 2 คน นอกจากนี้ยังชักชวน
ญาติพี่น้องให้เข้าทำบุญด้วย ตนไม่เคยศรัทธาวัดพระธรรมกายมาก่อนเลย ภรรยาแอบไปเอง ตนไม่เห็นด้วยกับวิธีการของทางวัดพระธรรมกายหลายอย่าง อาทิ โฆษณาชักชวนให้คนมาบวชอุบาสกแก้ว
จำนวน 100,000 คน ในวันที่ 29-31 ม.ค.ที่จะถึงนี้โดยใช้ภาพไม่เหมาะสม
ด้านนางกนกวรรณ์กล่าวว่า กลัวอิทธิพลของวัดพระธรรมกายมากเนื่องจากมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วไป
กลัวจะมาทำร้ายเอา ลูกเราก็ยังเล็กอยู่ ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ผู้นำบุญตามที่ได้รับการปลูกฝังและสั่งสอนว่าเป็น
ผู้นำบุญจะได้บุญมาก จึงได้ไปชักชวนคนมาสร้างพระประจำตัวจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เป็นร้อยๆคน
แต่มีจำนวนนับพันๆคน มีทั่วต่างจังหวัดก็มี เป็นสายๆ เป็นเครือข่ายเช่นเดียวกับธุรกิจขายตรง
เหมือนบริษัทแอมเวย์
"ปัจจุบันไม่ใช่ว่าทำบุญมากจะได้มาก ปรากฏว่าที่ได้มากคือพวกกัลยาณมิตรสายบุญเดียวกันโทร.มาด่า
กันมาก พร้อมทั้งทวงถามหาเงินที่ทำบุญไปแล้ว
เพราะคิดว่าเราได้เงินจากวัดพระธรรมกายคืนมาแล้ว"
นางกนกวรรณ์กล่าวต่อไปว่า เคยไปขอพบเพื่อปรึกษากับพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส 2-3 ครั้ง
แต่ก็ไม่ได้พบ อ้างว่ามีแขกอยู่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเคยขอเข้าพบเพื่อบริจาคเงินกลับได้พบง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คิดว่าถ้าได้เงินคืนมาจะได้บุญมากกว่า เพราะจะนำมาช่วยสามีและแม่ที่
เดือดร้อนเรื่องการเงิน
ซึ่งแม่มาทวงถามถึงเงินที่ได้ทำบุญสร้างพระประจำตัวไปแล้ว ที่ได้สร้างพระจำนวนมากมายนั้นก็เนื่องจากเพื่อนของตนเป็นผู้นำบุญได้บริจาคเงินสร้างพระประจำตัวไปแล้วอ้างว่าได้อธิษฐานขอให้ขายที่ดินได้ ปรากฏว่าขายได้ ตนจึงหลงเชื่อ ทำตามแบบอย่างโดยสร้างพระประจำตัวมากๆ จนพากันเดือดร้อนไปทั้งหมด