เดลินิวส์ 17/3/2543
อ้างชื่อกิตติวุฒโฑระดมพระชุมนุมใหญ่
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมารายงานข่าวจากกองปราบปรามเปิดเผยว่า ขณะนี้กองปราบปรามกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานคดีที่พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ มากล่าวโทษวัดพระธรรมกายในฐานะฉ้อโกงประชาชน โดยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.สั่งการให้เร่งสอบสวนโดยด่วน
สำหรับข้อมูลที่กองปราบปรามรวมรวมมี 3 ประเด็นคือ1.การสร้างพระสิริมหาราชธาตุ หรือพระดูดทรัพย์โดย อวดอ้างฤทธิ์ปาฏิหารย์ โดยได้มีการเก็บรวบรวมเอกสารสำคัญได้หลายชิ้นแล้ว โดยเฉพาะเอกสารหนังสืออาณุภาพพระมหาสิราชธาตุ ที่แจกออกมาหลายสิบเล่ม และมีการบรรยายสรรพคุณมากมาย และตัวนายไชยบูลย์เป็นผู้ออกมาโอ้อวดว่ามีธาตุศักดิ์สิทธิ์ถึง 3 ชนิด เทวดารักษาให้ไว้ แต่หลักฐานที่ตรวจพบคือไม่มีตรงตามที่อ้าง
นอกจากนั้นยังจะมีการสอบสวนพยานอื่นๆ อีก เพื่อหาผู้ที่หลงเชื่อตามคำอ้างของวัดและมาทำบุญหวังพระดูดทรัพย์ 2.การบวชชนิดต่าง ๆของวัด และ 3. การอวดปาฏิหารย์ของแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ผู้ก่อตั้งวัดพระธรรมกายและเป็นอาจารย์นายไชยบูลย์ โดยวัดจะจัดวันรำลึก วันปัดระเบิดปรมาณู ที่มีการอวดอ้างว่าเดิมฝ่ายสัมพันธมิตรจะทิ้งในไทยก็ปัดไป ทิ้งญี่ปุ่น และเคยมีการประกาศจะจัดงานในวันที่ 8 ส.ค. 2542 ถือเป็นการหลอกลวง ประชาชน และวัด ได้ใช้เป็นจุดขายแสดงปาฏิหารย์แม่ชีจันทร์มาตลอดโดยกองปราบปรามได้สอบปากคำพยานหลายปาก รวมถึงมีหลักฐานเป็นเอกสารสำคัญด้วย โดยเฉพาะที่เผยแพร่ออกมาจากธรรมกาย
รายงานข่าวกล่าวอีกว่าคดีที่พ.ต.อ.บรรจบแจ้งความกล่าวโทษ เมื่อหลักฐานพร้อมแล้วจะมีการสั่งคดีได้เพิ่มเติมอีกแน่นอน โดยจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริงจนยุติแล้วจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการส่งหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดทั่วประเทศประมาณ 2,500 รูป โดยอ้างชื่อว่าเป็นพระเทพกิตติปัญญาคุณ หรือ กิตติวุฒโฒ ผู้อำนวยการจิตตภาวันวิทยาลัย เพื่อนิมนต์มาร่วมสัมมนาเรือ่ง "สถานการณ์พระพุทธศาสนาในปัจจุบัน" ที่หอประชุมใหญ่ จิตตภาวันวิทยาลัย จ.ชลบุรี ในระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคมนี้ โดยหนังสือดังกล่าว มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ปัจจุบันภาพลักษณ์ความเป็นสถาบันหลักของชาติเริ่มสั่นคลอน ซึ่งปรากฏเป็นข่าวเรื่องความอ่อนแอของการคณะสงฆ์ทางสื่อสารมวลชนอย่างต่อเนื่องมาแรมปี อีกทั้งการเตรียมการออก พรบ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคณะสงฆ์ไทยและพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง จึงได้มีการจัดสัมมนาพระสังฆาธิการทั่วประเทศครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางให้ได้มารับ ข้อมูลความเป็นไปของสถานการณ์ปัจจุบันและแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างพร้อมเพียง
กำหนดการสัมมนายังอ้างรายชื่อของพระผู้ใหญ่ และ นักการเมืองหลายคนว่าจะไปร่วมให้โอวาทและบรรยายในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย ที่สำคัญคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดสระเกศ,สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม, นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่,พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยและนายสมัคร สุนทรเวศ หัวหน้าพรรคประชากรไทย มาร่วมส้มมนานโยบายสนับสนุนพระศาสนา นอกจากนั้นในหนังสือยังระบุด้วยว่า จะมีพระผู้ใหญ่หลายรูปร่วมเป็นกรรมการที่ปรึกษาในการจัดสัมมนาครั้งนี้
ทางด้าน พ,อ.พิเศษ ทองขาว พ่วงรอดพันธ์ เลขาธิการสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เปิดเผยว่า มีเจ้าอาวาสหลายวัดนำเอาเอกสารการสัมมนานี้มาให้ตนดูด้วยเช่นกันแล้วสอบถาม ว่าเป็นเรื่องจริง หรือไม่ที่มีพระระดับสมเด็จที่เป็นพระผู้ใหญ่ร่วมถึงนักการเมืองระดับผู้บริหารประเทศจะมาร่วมจริงๆหรือ เนื่องจากเจ้าอาวาสเหล่านี้ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ นอกจากนั้นยังมีเจ้าอาวาสวัดต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯได้โทรศัพท์มาสอบถามและปรึกษากับตน เพราะเกิดความลังเลใจที่จัไปร่วมการสัมมนาครั้งนี้ดีหรือไม่
อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวเห็นว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้ หากมีพระสังฆาธิการไปร่วมด้วย ก็จะตกเป็นเครื่องมือสนับสนุนวัดพระธรรมกายไปโดยปริยาย เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระกิตติวุฒโฒนั้นสนิทกับวัดพระธรรมกาย การสัมมนาครั้งนี้จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะจัดสัมมนาถึง 3 วัน