เดลินิวส์ 14/3/2543
'ไชยบูลย์-ทัตตชีโว'ห้ามเบี้ยว
พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง เปิดเผยถึงการเรียกตัวนาย ไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมว่า ได้ส่งหนังสือเรียกตัวทั้ง 2 และแนบคำกล่าวหาไปแล้ว โดยกำหนดให้มาพบที่วัดมูลจินดารามในวันที่ 20 มี.ค. เวลา 13.00 น. ซึ่งได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมารักษา ความสงบเรียบร้อยประมาณ 50 นาย เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของผู้ต้องหาทั้ง 2
"ได้ระบุไปด้วยว่าครั้งนี้ห้ามมอบอำนาจให้ใครมาแทน แต่ให้ตอบเป็นหนังสือว่ารับข้อกล่าวหาหรือไม่รับ ซึ่งจะมาหรือไม่มาก็ต้องทำรายงานเสนอพระเทพสุธี รักษาการเจ้าคณะภาค 1 ขั้นต่อไปก็เป็นหน้าที่ของระดับภาค จะเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่การพิจารณาก็ต้องมีพระสุเมธา ภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดเข้าร่วมด้วย" นายผ่อง เล่งอี้ ว่าที่ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงการเรียกตัวนายไชยบูลย์และพระทัตตชีโวเข้ารับข้อกล่าวหาว่า ที่ทราบคือกระบวนการ นิคหกรรมตามกฎหมายได้จบไปแล้ว หากรื้อฟื้นอีกเท่ากับทำผิดกฎหมาย ผิดต่อพระธรรมวินัย ส่วนกรณีมีการ วิพากษ์วิจารณ์เรื่องโรคอาหารเป็นพิษกะทันหันในศาลของนายไชยบูลย์นั้น นายผ่องกล่าวว่า ให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์องค์เจ้าได้แล้ว จะเป็นบาปเป็นเวร
ด้านนายกมล ศรีนอก เหรัญญิกสมาคมศิษย์เก่า มจร. กล่าวว่า การสอนของนายไชยบูลย์จะเน้นแต ่เรื่องสวรรค์นรกเพื่อเป็นตัวล่อให้สาวกลุ่มหลง และการเรียกตัวเองว่า "พ่อ" เรียกสาวกว่า "ลูก" ก็เพราะต้องการดึงดูดศรัทธาสร้างความผูกพันใกล้ชิด หวังให้สาวกเคารพเชื่อฟัง ทิ้งกันไม่ได้ ที่สำคัญคือสามารถตายแทนกันได้
ส่วนการเบิกความในชั้นศาลของพระ อดิศักดิ์ วิริยสกโก อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนั้น ส่งผลกระทบต่อจิตใจนายไชยบูลย์มาก เนื่องจากพระอดิศักดิ์รู้ประวัติรู้พฤติกรรมดี อาการป่วยของนายไชยบูลย์ที่ผ่านมาสาเหตุคงมาจากสภาพจิตใจรับข้อเท็จจริงไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่คุญสมบัติของผู้ที่ได้นิพพานตามที่กล่าวอ้าง.