เดลินิวส์ 12/3/2543
หลักฐานไชยบูลย์โกงเพียบตำรวจเร่งหาข้อมูลเพิ่ม
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 มี.ค. มีรายงานข่าวจากพนักงานสอบ สวนคดีวัดพระธรรมกายแจ้งถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อมูลหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมกับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกายและพรรคพวกว่า กองปราบปรามกำลังรวบ รวมหลักฐานดำเนินคดีกับนายไชยบูลย์เพิ่มเติมอีก หลังจากยื่นกล่าวโทษต่ออัยการ และศาลประทับรับฟ้องไปแล้ว 2 คดี
ล่าสุดเท่าที่ประมวลข้อมูลและมีหลักฐานชัดเจนคือคดีการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่วัดพระธรรมกายยื่นขอให้กับศิษย์เงินหนาซึ่งบริจาคเงินเข้าวัดจำนวนมาก เพื่อจูงใจให้มีการบริจาคเงินมากยิ่งขึ้นและต่อมาได้มีการตรวจสอบพบปัญหา ในที่สุดนายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องดังกล่าวได้ระงับการให้เครื่องราชฯ แก่ผู้บริจาคเงินของวัด
หลักฐานที่ตำรวจได้มานั้นพบว่ามีปัญหาในเรื่องหลักฐานการยื่นขอเครื่องราชฯ โดยกรมการศาสนาเป็นผู้แจ้งให้ศิษย์ของวัดซึ่งได้เครื่องราชฯไปแล้ว ให้นำหลักฐานการบริจาคแก่วัดมาแสดง อาทิ สเตทเมนต์ทางการเงิน เท่าที่ได้หลักฐานศิษย์คนแรกนำหลักฐานการบริจาคเงินประมาณ 30 ล้านบาทมาแสดง ซึ่งพบว่าเป็นการจ่ายเงินจริงเพราะศิษย์คนนี้เป็นผู้หญิงฐานะร่ำรวย อยู่ในตระกูลที่ทำธุรกิจโทรคมนาคมชั้นนำของประเทศ
คนที่ 2 เป็นเศรษฐินีเก่า นำเงินมา บริจาค 2 ครั้ง ประมาณ 40 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการสั่งจ่ายเงินเป็นเช็คของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตรวจสอบไม่ได้ คนที่ 3 เป็นนักการเมืองบริจาคเงินประมาณ 30 ล้านบาทแยกจ่ายหลายครั้ง โดยพบว่าเงินที่แท้จริงของศิษย์คนนี้แค่ 10 ล้านบาทเศษ ที่เหลือกำลังตรวจสอบหลักฐาน สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมคือ การบริจาคดังกล่าวหลักฐานไม่ตรงกับตัวเงิน เช่น บริจาคเงินไม่ครบ แต่ทำหลักฐานครบ และตัวเลขการบริจาคดังกล่าวจะใช้สำหรับการยื่นขอเครื่องราชฯ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกเหนือจากประเด็นเรื่องเครื่องราชฯ ยังมีประเด็นการสืบสวนเกี่ยวกับการอวดอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ของวัดพระธรรมกายที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน อาทิ การโฆษณาปาฏิหาริย์ของพระดูดทรัพย์ หรือพระสิริมหาราชธาตุที่จะให้กับผู้ที่ทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวองค์ละ 1 หมื่นบาท, การอวดฤทธิ์แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง อาจารย์ของนายไชยบูลย์ถึงขั้นว่าเหาะไปปัดระเบิดปรมาณูสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเดิมจะทิ้งเมืองไทยก็ปัดไปทิ้งที่ญี่ปุ่นแทน โดยพนักงานสอบสวนได้เร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายแล้ว รายงานข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับคดีเก่าที่กองปราบปรามแจ้งกล่าวโทษ และศาลรับฟ้องแล้วจะมีการสืบพยานสำคัญคือพระอดิศักดิ์ วิริยะสักโก อดีตผู้ก่อตั้งวัดพระธรรมกายอีกครั้งในวันพุธหน้า ซึ่งเมื่อพุธที่ผ่านมา พระอดิศักดิ์เคยให้ปากคำในฐานะพยานไปแล้ว แต่นายไชยบูลย์ขอยุติการสอบปากคำไปก่อน.