เดลินิวส์ 11/2/2543
'ฟ้าผ่า'ปลดแล้วพระพรหมโมลีแล้ว พ้นเจ้าคณะภาค 1 ขัดมติมหาเถรฯซํ้าซาก
ปลดฟ้าผ่า"พระพรหมโมลี"พ้นเจ้าคณะภาค 1 สมเด็จวัดชนะฯถือธงชัยสางปัญหา"ธรรมกาย" กอบกู้พระพุทธศาสนาเสนอมหาเถรฯเป็นเรื่องลับสุดยอด พร้อมประสานข้อมูลกรมการศาสนา "วิชัย" เข้าร่วมประชุมด้วย เผยถกเครียดกว่า 2 ชั่วโมงก่อนยุติ ต้องเด้งฐานขัดมติมหาเถรฯซ้ำซาก เปิดทาง ดำเนินคดีตามกฎนิคหกรรม งานนี้ "ไชยบูลย์" หนาวถึงขั้วหัวใจแน่ ส่งสัญญาณเจ้าคณะปทุมฯจัดการ ให้โอกาสเจ้าสำนักฉาวแก้ตัวครั้งสุดท้าย
ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 10 ก.พ. เวลา 14.00 น. ได้มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ เป็นประธานในการประชุมแทนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งเสด็จกลับจากจังหวัดเชียงใหม่ไม่ทัน โดยมีกรรมการมหาเถรฯเข้าร่วมประชุมจำนวน 14 รูป
หลังจากการประชุมผ่านไปกว่า 30 นาที ที่ประชุมได้นิมนต์พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ออกจากที่ประชุม เนื่องจากจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับบทบาท ของ พระพรหมโมลีในเรื่องของการดำเนินการ ตามกฎนิคหกรรม กับนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รักษาการ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นไปตามมติมหาเถรฯเมื่อวันที่ 19 ม.ค. และรับรองเมื่อวันที่ 31 ม.ค. แต่ปรากฏว่าพระพรหมโมลียืนยันที่จะไม่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งที่เป็น หน้าที่ของเจ้าคณะภาค 1 ในฐานะ ประธานคณะผู้พิจารณาชั้นต้น อันถือว่าเป็นการฝืนมติมหาเถรฯ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือกันอย่างยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมว่า หลังจาก พระพรหมโมลีถูกนิมนต์ออกจากห้องประชุม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงกรณีที่พระพรหมโมลี ไม่ยอมปฏิบัติตามมติมหาเถรฯ แม้จะได้มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้วก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิม ดังนั้นจึงขอให้ที่ประชุมลงมติว่าควรจะดำเนินการอย่างไร จะถือว่าพระพรหมโมลีขัดมติมหาเถรฯ ขัดขวางกระบวนการนิคหกรรมหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อจะได้ใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาคดีพระภิกษุรูปอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
จากนั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานการประชุมได้กล่าวว่า เรื่องของพระพรหมโมลีนั้นเป็นอำนาจ หน้าที่ของเจ้าคณะใหญ่หนกลาง มหาเถรฯไม่มีอำนาจดำเนินการ ซึ่งเจ้าคณะใหญ่หนกลางได้ขอให้มีการ ถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่มีการอภิปรายและเสนอให้พ้นจากตำแหน่งแทน ซึ่งกรรมการมหาเถรฯ ที่อภิปราย ทั้งหมด เป็นฝ่ายมหานิกาย อาทิ พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร ได้เสนอให้เป็นการสลับเก้าอี้เจ้า คณะภาคแทน การให้ออกจากตำแหน่ง ขณะที่ พระธรรมกิติวงศ์ขอให้โอกาสพระพรหมโมลีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กรรมการในที่ประชุม ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ ของเจ้าคณะใหญ่หนกลางแต่เพียงผู้เดียว กรรมการรูปอื่นไม่ควรจะใช้สิทธิ์อภิปรายเสนอแนะ ซึ่งในที่สุดการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของวงการสงฆ์จึงยุติลง โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้พระพรหมโมลีพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 จากนั้นจึงได้นิมนต์ พระพรหมโมลีซึ่งรออยู่นอกห้องประชุมด้วยอาการเคร่งเครียดเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้ง ในเวลา 16.20 น. ก่อนจะเลิกการประชุมไม่ถึง 10 นาที
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เจ้าคณะใหญ่หนกลางได้เสนอต่อ ที่ประชุมให้พิจารณาเรื่องการดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ในประเด็นที่เกิดความชะงักงันอันเนื่องมาจากเจ้าคณะภาค 1 ไม่สามารถปฏิบัติตามมติมหาเถรฯได้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติให้พระพรหมโมลีพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1
"มติดังกล่าวเป็นไปตามหลักการปกครอง ไม่ใช่การลงโทษทางวินัย เพื่อจะได้มีการเปลี่ยน แปลงคณะผู้พิจารณาชั้นต้น ซึ่งเจ้าคณะใหญ่หนกลางมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการในฐานะผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ไม่มีผลต่อตำแหน่งอื่นของท่าน เฉพาะตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 เท่านั้น"
รมช.ศึกษาฯ กล่าวด้วยว่า บรรยากาศการประชุมครั้งนี้มีการพูดจากันด้วยเหตุผล ซึ่งวาระนี้ใช้เวลาในการพิจารณานานที่สุด และที่ประชุม มีมติเอกฉันท์ โดยกรรมการมหาเถรฯมาร่วมประชุมกันเกือบเต็มคณะ
นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า เจ้าคณะใหญ่หนกลางเป็น ผู้เสนอเหตุผลและข้อขัดข้องทั้งหลาย ประกอบกับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ ก็ได้ มอบหมายให้ตนในฐานะเลขาธิการมหาเถรฯ นำเสนอวาระการ พิจารณาประเด็นนี้ต่อที่ประชุม มหาเถรฯ เพื่อแก้ไขข้อ ขัดข้องที่มีปัญหาเรื่องตัวบุคคลเพราะ ไม่ได้มีการดำเนินการตามมติ มหาเถรฯ จึงมี ปัญหามาตลอด และครั้งสุดท้ายคณะผู้พิจารณาชั้นต้นก็รายงานว่ากระบวนการนิคหกรรมได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งถือเป็นการรายงานที่ฝ่าฝืนมติมหาเถรฯ
"ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่เจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่แทนพระพรหมโมลีนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะใหญ่หนกลางจะพิจารณา อีกทั้งเป็นขั้นตอนทางธุรการด้วย"
ด้านนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า มติมหาเถรฯในวันนี้จะต้องกราบทูล สมเด็จพระสังฆราชเพื่อให้ทรงมีพระบัญชาโดยเร็วว่ามติจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ขณะนี้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สามารถเรียกนายไชยบูลย์และพระเผด็จมารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมได้เลย ไม่ต้องรอให้มีการแต่งตั้งเจ้าคณะภาค 1 รูปใหม่ก่อน เพราะยังไม่ถึงขั้นตอน เป็นคนละส่วนกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ในฐานะที่ปรึกษา รมว.ศึกษาฯ ได้ร่วมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของ พระพรหมโมลีกับเจ้าคณะใหญ่หนกลางที่วัด ชนะสงคราม โดยแนวทางที่ออกมาก็คือการปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ซึ่งแนวทางนี้ได้รับการ สนับสนุนจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกด้วย
นอกจากนี้ ทาง รมว.ศึกษาฯ ก็ได้มอบหมายให้ รมช.ศึกษาฯ นำเอกสารประมวลการทำงานของพระพรหมโมล ีต่อกรณีวัดพระธรรมกายทั้งหมด และเรื่องการปลดออกจากตำแหน่ง เสนอให้ที่ประชุมมหาเถรฯพิจารณา ซึ่งภายหลังพิจารณาแล้วที่ประชุมก็ได้มีมติให้ปลดพระพรหมโมลีจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ตามที่เสนอมา
พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการ บดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า อาตมาเห็นด้วยกับมติมหาเถรฯ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า พระพรหมโมลีไม่มีความสามารถและไม่มีความเหมาะสมกับการ ทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว กรณีปัญหาวัดพระธรรมกายก็แสดงความย่อหย่อนและแสดงท่าทีปกป้องวัดพระธรรมกายเพียงอย่างเดียว
"อาตมาขอสดุดีการทำงานของคณะกรรมการมหาเถรฯทุกท่าน ที่เป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้ความเด็ดขาดก็สามารถทำได้ทันที ถือว่าเมฆหมอกร้ายได้ผ่านพ้นไประดับหนึ่งแล้ว"
ต่อข้อถามที่ว่าผู้ที่เหมาะจะมาทำหน้าที่เจ้าคณะภาค 1 ควรเป็นใคร พระมหาบุญถึงกล่าวว่า โดยส่วนตัว เห็นว่าผู้ที่เหมาะสมคือพระธรรมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชัยยาติการาม เจ้าคณะภาค 15 และพระธรรมกิตติมุณี เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เพราะพระทั้ง 2 รูปมีความรู้ความสามารถและปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีความสัมพันธ์หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับวัดพระธรรมกาย
นายกมล ศรีนอก กล่าวในฐานะสมาชิกชมรมธรรมร่วมสมัยว่า เมื่อพระพรหมโมลีซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ เรื่องนี้ ทำให้เรื่องยืดเยื้อ ก็ต้องพึ่งมหาเถรฯ ที่เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของคณะสงฆ์ มีอำนาจลงโทษพระที่ฝ่าฝืนมติ พุทธศาสนิกชนเข้าใจดีว่าพระเถระทุกรูปยังทำงานอยู่ แม้จะช้าไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะต้องดูหลาย สิ่งหลายอย่าง ทุกคนเข้าใจดี เราเป็นชาวพุทธ จะไม่ซ้ำเติมกัน แต่ผู้ที่น่าสรรเสริญคือเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ท่านเป็นที่พึ่งของชาวพุทธได้ ทุกคนก็หายห่วง