เดลินิวส์ 13/1/2543
ส.ส.ใจถึง ยื่นกระทู้ธรรมกาย จี้สมศักดิ์
สาวก "ธรรมกาย" ละเมิดศาล นำเทปบันทึกเสียงเข้าห้องพิจารณาคดีวันสืบพยานโจทย์นัดแรก คดี "ไชยบูลย์" กับพวกยักยอกทรัพย์ ทนายจำเลยอหังการซักพยานแต่เรื่องส่วนตัวจนอัยการต้องลุกขึ้นค้าน ด้านกรรมาธิการศาสนาฯจี้ "สมศักดิ์" สางปัญหาธรรมกาย ระบุจะยื่นกระทู้ถามความคืบหน้าวันที่ 13 ม.ค.นี้ พร้อมทำหนังสือขอเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในวัดด้วย
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. เวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ภายหลังการประชุม ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคความหวังใหม่ โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ได้เชิญนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาฯ และผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงความคืบหน้ากรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย แต่รมว.ศึกษาฯได้ส่งนายไพบูลบย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา มาแทน ซึ่งได้รับทราบว่าการดำเนินการกระบวนการ นิคหกรรมล่าช้า ซึ่งเกิดจากการหน่วงเหนี่ยวของพระผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่เจ้าคณะภาค 1 ลงมา โดยระบุว่ากระบวนการนิคหกรรมนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ในขณะที่คดีทางโลกก็ยังไม่คืบหน้า
ร.ท.กุเทพกล่าวว่า รมว.ศึกษาฯควรจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้มานาน แต่ไม่เห็นความคืบหน้า ดังนั้นสภาฯจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เข้าไปดำเนินการ โดยในวันที่ 13 ม.ค.นี้จะให้นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชัย ส.ส.สกลนคร พรรคความหวังใหม่ เจ้าของญัตติเรื่องนี้ ยื่นกระทู้ถามว่าดำเนินการเรื่องนี้คืบหน้าไปแค่ไหน เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้รายได้ของมูลนิธิธรรมกายมีเงินอยู่เพียง 3 ล้านบาท ทั้งที่ข้อเท็จจริงมีการก่อสร้างวัตถุที่มูลค่าการก่อสร้างหลายร้อยหลายพันล้านบาท ไม่ทราบว่าเงินก่อสร้างเหล่านี้มาจากไหน
นอกจากนี้ มีข่าวเรื่องการสร้างเซฟในวัด และการเข้า-ออกวัดก็กระทำได้ยากลำบาก ทางคณะกรรมาธิการฯจะทำหนังสือขอเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในวัดพระธรรมกาย เพื่อดูว่าเป็นไปอย่างที่มีการกล่าวหากันหรือไม่ จึงอยากให้ทางวัดให้ความร่วมมือด้วย แต่หากได้รับการปฏิเสธก็จะแจ้งให้สื่อมวลชนและสาธารณชนรับทราบว่า วัดพระธรรมกายปฏิเสธการตรวจสอบทุกกรณีต่อไป
ส่วนที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 9.30 น. ศาล ได้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกคดีนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย กับพวก เป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกาย 36.67 ล้านบาทนำไปซื้อที่ดินที่เพชรบูรณ์และพิจิตรหลายแปลง ใส่ชื่อนายไชยบูลย์เป็นเจ้าของ โดยมีนายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าพยานโจทก์ปากแรกที่เข้าเบิกความคือนายเชลียง เทียมสนิท หัวหน้าฝ่ายนิติการ กรมการศาสนา โดยได้ใช้เวลาเบิกความกระทั่งเวลา 10.30 น. ศาลจึงสั่งยุติเพื่อให้ผู้ต้องหารับประทานอาหาร และมีการเบิกความต่อในเวลา 12.30 น. โดยนายเชลียงได้เบิกความระบุตั้งแต่สื่อมวลชนเริ่มนำเสนอข่าววัด พระธรรมกายในระยะแรก จนต่อมาสมเด็จพระสังฆราชทรงมีลายพระหัตถ์ในเรื่องวัดพระธรรมกายออกมา 6 ฉบับ กรมการศาสนาตรวจสอบการถือครองที่ดินในชื่อของนายไชยบูลย์ ซึ่งอัยการสูงสุดให้ความเห็นว่ากรมการศาสนาสามารถ ร้องทุกข์กล่าวโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบ ยักยอกทรัพย์ได้
ระหว่างการพิจารณา นายสนธยา โพธิ์แดง ทนายจำเลย ได้ซักค้านโดยพยายามมุ่งไปที่เรื่องส่วนตัว ของนายเชลียง อาทิ การบวชเรียนที่ไม่ถึงพรรษา ความรู้พระไตรปิฎก หน้าที่การงานที่ผ่านมา ความรู้ด้านกฎหมาย ท่ามกลางการเชียร์ของสาวกธรรมกาย จนนายอำพล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ต้องลุกขึ้นค้าน ขอให้ซักถามในข้อเท็จจริงและใช้คำถามสุภาพ ซึ่งทนายจำเลยได้ขอดูหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ และพยายามชี้ประเด็นว่ามีการฟ้องเพิ่มเติม จากคำกล่าวโทษเดิม แต่นายเชลียงได้ชี้แจงว่าไม่ทราบในเบื้องต้นว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง เมื่อพนักงานสอบสวนขยายผลทราบว่ามี จึงมอบอำนาจให้กล่าวโทษเพิ่มเติมกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้
อย่างไรก็ตาม การซักค้านในวันที่ 12 ม.ค.ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทนายจำเลยจะมีการซักค้านต่ออีกในวันที่ 19 ม.ค. เวลา 09.00 น. โดยได้ให้เหตุผลว่าจะต้องตรวจสอบเอกสารที่มีจำนวนมากว่า 55 ฉบับ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้านายไชยบูลย์เดินทางมาที่ศาลอาญาพร้อมกับนายถาวร พรหมถาวร พระชั้นในของวัดพระธรมกายกว่า 40 รูป แกนนำสาวกและเจ้าหน้าที่วัดรวมแล้วกว่า 500 คน ซึ่งในห้องพิจารณาคดีถูกจับจองโดยสาวกธรรมกายจนเต็ม แกนนำสาวกได้สั่งให้เจ้าหน้าที่วัดคอยตรวจสอบว่าภายในห้องพิจารณาคดีมีพยานฝ่ายโจทย์ ตำรวจหรือประชาชนที่เป็นคู่กรณี และสื่อมวลชน เข้าร่วมฟังด้วยหรือไม่
เวลา 13.00 น. นายพงษ์ชัย เกศวารักษ์ รองจ่าศาล ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในศาลว่า นายมานพ เกตุแก้ว อายุ 36 ปี ได้ทำการละเมิดต่อศาลโดยนำเทปบันทึกเสียงเข้าในห้องพิจารณาคดี และบันทึกเสียงไว้ช่วงหนึ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการนัดสืบพยานโจทย์ เวลา 16.30 น. ศาลได้เรียกตัว นายมานพมาสอบถาม ซึ่งนายมานพยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องห้ามนำเทปบันทึกเสียงเข้าห้องพิจารณาคดี และยินดีทำลายเทปต่อหน้าศาล ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำโดยรู้เท่า ไม่ถึงการณ์จึงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น ทั้งนี้ภายหลังนายมานพออกจากห้องพิจารณา คดีได้ทักทายพูดคุยกับบรรดาสาวกธรรมกายอย่างสนิทสนม