เดลินิวส์ 5/1/2543
นับ 1 ใหม่ ธรรมกาย จบไม่ลง
ปัญหาธรรมกายยังไม่หยุดยืดเยื้อ สอบนิคหกรรม "ไชยบูลย์-พระเผด็จ" ต้องย้อนไปนับ 1 ใหม่ เริ่มจากเรียกมารับ ข้อกล่าวหาอีกครั้งหลังเคยเบี้ยวมาแล้ว 3 ครั้ง ด้าน "วิชัย ตันศิริ" เข้านมัสการ "สมเด็จพระมหาธีราจารย์" ระบุเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ต้องการให้พิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อเรียกศรัทธาชาวพุทธกลับคืน ยืนยันกฎนิคหกรรม ไม่มีจุดบกพร่อง แต่ยอมรับหากหัวหน้าคณะผู้พิจารณาไม่สนองนโยบายการจะเปลี่ยนตัวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ความคืบหน้ากรณีการแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ล่าสุดมีกระแสข่าวแจ้งว่าทางศาลสงฆ์ จะต้องมีการเรียกนายไชยบูลย์ สุทธิผล เจ้าลัทธิธรรมกาย และพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมที่วัดมูลจินดาราม วัดที่พำนักของพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีอีกครั้ง หลังจากที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้มีหนังสือแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการทางศาลสงฆ์กับ นายไชยบูลย์และพระเผด็จลงไปทางจังหวัด
พระสุเมธาภรณ์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ว่า ได้บอกให้พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง ไปพบพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในเย็นวันที่ 4 ม.ค. เพื่อขอคำแนะนำว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรกับนายไชยบูลย์และพระเผด็จ ในการเรียกมารับข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม หรือท่านอาจจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า แต่เวลานี้จะให้หยุดคงไม่ได้เพราะเจ้าคณะใหญ่หนกลางมีคำสั่งลงมาให้ดำเนินการต่อไม่ให้หยุด เรื่องนิคหกรรมนี้เสียเวลามามากแล้ว แต่ก็คงต้องใจเย็น รอมานานแล้วก็คงต้องรอกันต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานียังเปิดเผยอีกว่า ทางวัดพระธรรมกายได้ส่งนายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย นำหนังสือมาแจ้งให้ทราบเรื่องการจัดงานบุญของวัด ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ทางวัดพระธรรมกายแจ้งให้จังหวัดทราบ โดยนายวิระศักดิ์รับปากว่าต่อไปจะแจ้งให้ทราบทุกครั้ง
"อาตมาก็ได้สั่งสอนไปหลายเรื่องที่วัดพระธรรมกายทำไปแล้วสังคมไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางวัดต้องแก้ไขให้ถูก สิ่งใดที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ถูก ต้องแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแล้วยังแถมตะแบง"
พระปริยัติวโรปการ เปิดเผยว่า ค่ำวันที่ 4 ม.ค. จะไปที่วัดยานนาวาเพื่อเข้าพบเจ้าคณะภาค 1 ขอคำชี้แนะในการทำงานให้เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม (มส.) ตามที่เจ้าคณะใหญ่หนกลางสั่งการลงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระปริยัติวโรปการเดินทางไปถึง วัดยานนาวาเวลา ประมาณ 18.30 และได้เข้าหารือกับเจ้าคณะภาค 1 เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงเดินทางกลับโดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ
วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. นายวิชัย ตันศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ได้เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัดชนะสงคราม โดยนายวิชัยเปิดเผยภายหลังว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้แจ้งให้ทราบว่าได้สั่งให้เจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมกับ นายไชยบูลย์และพระเผด็จต่อจากที่ดำเนินการค้างไว้ ทั้งนี้ ท่านมีแนวคิดว่ากฎนิคหกรรมไม่ได้มีข้อบกพร่องหรือมีปัญหาใดๆเลย และกรณีที่ไม่ได้มีการระบุให้ตรวจสอบคุณสมบัติของคฤหัสถ์ที่กล่าวหาพระภิกษุตามกฎนิคหกรรมข้อ 15 ก็เพราะไม่มีความจำเป็น
สำหรับคำสั่งที่ส่งถึงพระผู้พิจารณาคดีวัดพระธรรมกาย ท่านต้องการให้นำเรื่องกลับมาพิจารณาใหม่เพื่อเรียกศรัทธาชาวพุทธให้กลับคืนมาโดยเร็ว ส่วนพระผู้พิจารณาจะดำเนินการในขั้นตอนใดก็อยู่ที่วินิจฉัย อย่างไรก็ตาม กรณีที่จะมีการเรียกมารับข้อกล่าวหาใหม่นั้น ตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะเรียกมาหลายครั้งแล้ว
ต่อข้อถามที่ว่าหากเจ้าคณะภาค 1 มีข้อสงสัยในมติมหาเถรฯอีกจะทำอย่างไร นายวิชัยกล่าวว่า มหาเถรฯซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดทางการปกครองสงฆ์ได้ตีความเรื่องนี้เด็ดขาดแล้ว หากจะติดใจประเด็นใดอีกก็คงไม่สามารถเรียกร้อง ให้มีการตีความอีกได้ เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้ปฏิบัติต้องทำตามหน้าที่ เช่นเดียวกับทหารเมื่อมีคำสั่งถึงจะสงสัยก็ต้องปฏิบัติ ส่วนถ้าเจ้าคณะภาค 1 ไม่ปฏิบัติจะถือว่ามีความผิดหรือไม่นั้น ต้องดูเหตุผลว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าเป็นข้าราชการก็ถือว่ามีความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
รมช.ศึกษาฯยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการจะเปลี่ยน หัวหน้าคณะผู้พิจารณาหรือไม่นั้น สมเด็จพระมหาธีราจารย์ขอให้รอดูการพิจารณาอีกสักพัก เพราะการจะเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ต้องรอดูกันต่อไป
นายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าทำไมจะต้องให้โอกาสเรียกนายไชยบูลย์มารับทราบ ข้อกล่าวหาอีก เพราะเวลานี้นายไชยบูลย์ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าถูกกล่าวหา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกมาอีกแล้ว ขั้นตอนต่อไปควรจะส่งเรื่องให้คณะผู้พิจารณาดำเนินการได้เลย
ด้านนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่จะมีการเรียกนายไชยบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหาอีก หลังจากเคยเรียกมา 3 ครั้งแล้วแต่ไม่มา อย่างไรก็ตาม จากมติมหาเถรฯที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา ได้ชี้แจงในส่วนที่มีมติว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่สอดคล้องตามกฎนิคหกรรมนั้นตีความได้ 2 แง่ เพราะได้บอกว่าขั้นตอนหยุดชะงักตรงที่มีความเข้าใจว่าฆาราวาสกล่าวหาพระสงฆ์ไม่ได้ ซึ่งเจ้าคณะภาค 1 ได้ตัดสินยกคำกล่าวหา แล้วจึงมามีมติให้ดำเนินการใหม่ให้สอดคล้องกฎนิคหกรรม ดังนั้นการดำเนินการจะเริ่มที่ใดก็ได้ อาจจะให้โอกาสเรียกมาสอบปากคำใหม่ หรือส่งเรื่องให้คณะผู้พิจารณาเลย
"การให้โอกาสอีกครั้งถือเป็นการแสดงความจริงใจต่อกัน ถ้ายังไม่มาอีกก็ให้บันทึกว่าไม่มาเพราะอะไรแล้วเสนอผู้พิจารณาได้ สำหรับหนังสือที่เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ส่งให้พระพรหมโมลีเพื่อแนะนำว่าต้องดำเนินการอะไรบ้างเพื่อให้สอดคล้องตามกฎนิคหกรรมนั้น ตอนนี้คงต้องรอรับเรื่องจากพระสุเมธาภรณ์ก่อน"
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมที่เคยยึดหลักวันข้างขึ้น-ข้างแรมเพื่อให้สามารถประชุมได้เดือนละ 4 ครั้ง เพื่อสะสางงานที่คั่งค้างอยู่ค่อนข้างมากนั้น ล่าสุดจะมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งโดยจะกลับไปใช้ระบบเดิมที่ประชุมเดือนละแค่ 3 ครั้ง คือทุกวันที่ 10 วันที่ 20 และวันที่ 30 ของทุกเดือน ทั้งนี้ การประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 10 ม.ค.นี้ มีรายงานว่าสมเด็จพระสังฆราชจะทรงเข้าร่วมประชุมด้วย