เดลินิวส์ 25/12/2542
'มีชัย'ไม่ยุ่ง'ไชยบูลย์'เชื่อบาปกรรมมีจริง
มีชัย"แจงเหตุส่งกลับหนังสือชี้แจงมติมหาเถรฯ เผยกรมการศาสนาเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันการปฏิบัตไม่สอดคล้องคือให้นำ"ไชยบูลย์" เข้ากระบวนการนิคหกรรม "ล้วน" ลุยศึกษาคดีธรรมกายเรียกประชุมพนักงานสอบสวนสัปดาห์หน้า ชงเรื่องให้รองผบช.ก.ตรวจสอบข้อกฎหมายอีกครั้ง หวั่นเปิดช่องว่างจนหลักฐานอ่อน
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา เปิดเผยถึงกรณีที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เกิดข้อสงสัยในมติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ระบุว่าที่ผ่านมาไม่สอดคล้องกับกฎนิคหกรรมนั้นแปลว่าอะไรและไม่สอดคล้องอย่างไรว่า มหาเถรฯมีมติออกมาในภายหลังว่าให้กรมการศาสนาจัดทำคำอธิบายชี้แจงในเรื่องดังกล่าว และนำมาให้ตนเองดูว่าถูกต้องหรือไม่ และเมื่อได้ลงนามรับรองว่าถูกต้องแล้วก็ให้ดำเนินการตามกฎนิคหกรรมต่อไป แต่ปรากฏว่าทางกรมการศาสนามีความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงได้ส่งเรื่องดังกล่าวนี้มาให้ตนเป็นผู้ชี้แจงและลงนามรับรองด้วย จึงได้ส่งเรื่องกลับไป
"ผมบอกกับกรมการศาสนาไปว่า มหาเถรฯให้กรมการศาสนาเป็นผู้ทำหนังสือชี้แจงมา เพราะกรมการศาสนาในฐานะ เลขานุการมหาเถรฯเป็นผู้บันทึกการประชุมขอให้มีรายงานว่า ใครพูดอะไรไว้อย่างไร ในการประชุมวันนั้นพูดจากันอย่างไร เมื่อได้อ่านแล้วตรงตามที่พูดจากันก็จะลงนามรับรองให้"
ต่อข้อถามที่ว่า ในความหมายของการทำให้สอดคล้องคืออะไร นายมีชัยกล่าวว่า ทำให้สอดคล้องก็ต้องปฏิบัติไปตามกฎนิคหกรรม ทั้งนี้ขั้นตอนเดิมมีการวินิจฉัยว่าคฤหัสถ์กล่าวหาพระไม่ได้ ไม่ใช่ใช้คำว่าโจทก์ แต่มหาเถรฯมีมติแล้วว่าให้คฤหัสถ์กล่าวหาพระได้ ซึ่งการกล่าวหาได้กับกล่าวหาไม่ได้นั้นขั้นตอนดำเนินไปคนละอย่าง หากกล่าวหาไม่ได้ก็ต้องส่งกลับคืน แต่เมื่อกล่าวหาได้ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เรื่องนี้เบื้องต้นวินิจฉัยว่า กล่าวหาไม่ได้ ผู้ปฏิบัติจึงดำเนินการไปตามนั้น
"ก็ไม่ถูกต้องและไม่สอดคล้องกับกฎนิคหกรรม เพราะมหาเถรฯมีมติแล้วว่าสามารถกล่าวหาได้ คือต้องเข้ากระบวนการกฎนิคหกรรม จะทำอย่างไรพระท่านก็ต้องดำเนินการของท่านเอง คือจุดที่ผมมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตรงนี้เท่านั้นเอง ความจริงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในคณะสงฆ์เท่าใดนัก แต่ก็มีความเชื่อว่าบาปกรรมมีจริง"
ในวันเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผบช.ก. ในฐานะหัว หน้าคณะพนักงาน สอบสวนคดีวัดพระธรรมกายได้เรียกพนักงานสอบสวนระดับรองหัวหน้าชุดมาหารือเกี่ยวกับคดี จากนั้นได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมรายละเอียดของคดีทั้งหมด ทั้งสำนวนที่ได้ส่งให้อัยการไปฟ้อง และคดีที่เหลืออยู่มาศึกษา และดูว่ามีหลักฐานพอเพียงมากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งมอบให้พล.ต.ต.วันชัย ศรีนวลนัด รองผบช.ก. รองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนรับไปศึกษาด้านกฎหมาย และจะมีการเรียก พนักงานสอบสวนทั้งคณะมาประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
รายงานข่าวระบุว่า คณะพนักงานสอบ สวนได้ลงพื้นที่ไปสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่ดินในต่างจังหวัดของน.ส.วิชญา ไตรวิเชียร แล้ว นอก จากนี้ตำรวจกองปราบ กำลังสืบสวนหาตัวดร.เบญจ์ บาระกุล อยู่ ส่วนสีกาต้องสงสัยอีกคนหนึ่ง ที่มีเงินในบัญชีธนาคารกว่า 400 ล้านบาทนั้นพนักงานสอบสวนกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อ ที่จะออกหมายจับต่อไป สำหรับคดีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของผู้บริจาคเงินให้แก่วัดพระธรรมกายนั้นการสอบสวนใกล้จะยุติแล้ว.