page4

เดลินิวส์ 4/6/2542

'ไชยบูลย์'ยึกยักเจอคดีอาญาแน่ 'อาคม'ขีดเส้นตายถ้าไม่ยอมโอนที่ดิน

"ชวน"สั่ง ข้ามทวีป เร่งสางปัญหา ธรรมกายขั้นเด็ดขาด หลังเกิด รายการอสัตย์ ไม่โอนที่ดิน "อาคม"เก้าอี้ร้อน ทำหนังสือตรงถึง "ไชยบูลย์" ให ้เวลา 7 วัน ถ้ายึกยัก จะแจ้งจับฐานแจ้งความเท็จ-ยักยอกทรัพย์ ข ู่ถ้าตำรวจไม่ให้ ประกันจับถอดผ้าเหลืองทันที "มือสึกพระ" กรมศาสนา บุกพบ เจ้าคณะปทุมฯ เร่งประทับ รับฟ้อง ไปก่อนด้วยเหตุที่หลักฐานชัด ประกาศ ไม่ใช่คนดัง แต่ถ้า มาเมื่อไหร่ ทุกอย่างยุติแน ่มีผลงานแล้ว จาก ยันตระ-นิกร แนะให้ใช้ ร.ร.ตำรวจบางเขน เป็นที่นัด พระปลอมรับข้อกล่าวหา เสนอปลด จากเจ้าอาวาส หวังให้ สมภารรูปใหม ่ฟ้องยึด อาญาทรัพย์สิน วิจารณ์ รัฐบาลแทงกั๊กทั้งฝ่ายต่อต้าน-สนับสนุน หวยออกมา อย่างไร ก็กินเรียบ แถมจะพัง เพราะปาก ออกมาวิจารณ์ ลายพระหัตถ ์ไม่ใช่ของจริง พระธรรมปิฎก แนะการแก้ปัญหา ต้องใช้เมตตา ให้ถูกยึดธรรมวินัยไว้ก่อนที่ชี้ชัดห้ามพระถือครองที่ดิน พร้อมกับ ห้าม อวดวิเศษ การสาง เสี้ยนศาสนา "นายไชยบูลย์ สุทธิผล"ที่ต้องปาราชิกไปแล้วตามลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราช เริ่ม มีสัญญาณ การเอาจริง เอาจังขึ้นมาบ้างโดยเฉพาะเมื่อมีการสั่งข้ามทวีปจากนายกรัฐมนตรีให้เร่งจัดการ

ขีดเส้น 7 วันไม่งั้นเจอฟ้อง

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า ตนมอบหมายให้นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ดำเนินการ เชิงรุกไม่ใช ่เชิงรับอย่างเดียว โดยให้ดำเนินการ 2 เรื่องคือ ทำบันทึก อย่างเป็นทางการ ถึงนายไชยบูลย์ ว่ากรมขอยื่นคำขาด ให้โอนที่ดิน ภายใน 7 วันให้เสร็จ หาก ไม่ยอมโอน จะฟ้องร้อง ตามกฎหมาย อาญา ฐาน แจ้งความเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 137 โทษตาม กฎหมายน ี้คือจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เพราะ นายไชยบูลย ์เคยมีการ ลงนาม ในหนังสือ แสดงเจตจำนง จะโอนที่ดิน ทั้งหมด และแจ้งให ้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ทราบพร้อม กับนำเสนอ ที่ประชุมมหาเถรฯ ซึ่งมหาเถรฯ มีมติให้ปฏิบัติตาม หนังสือคือต้องโอน ที่ดินเป็น ของวัดโดยเร็ว ซึ่งเจ้าหนักงาน ดังกล่าวหมายถึง มหาเถรฯ ที่เป็น องค์กรปกครองสงฆ์ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์มาตรา 15 ตรี และมีฐานะ เป็น เจ้าพนักงาน ตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 45

ส่วน เรื่องที่สอง คือให้กรมการศาสนา ทำบันทึกถึง อัยการสูงสุด เพื่อหารือว่า จะเป็นเจ้าทุกข์ ฟ้องความผิดฐาน ยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 147 และ 157ในฐานะผู้เสียหายได้หรือไม่ กรณีที่ไม่ยอมโอนที่ดิน เท่าที่สอบถาม นักกฎหมาย ของกระทรวง และกรมการ ศาสนาทราบว่าเป็นเจ้าทุกข์ได้ แต่เพื่อ ความรอบคอบ จึงต้องการให ้อัยการสูงสุดยืนยันมา อีกครั้ง

สำหรับการ ดำเนินคดีอาญานายอาคมกล่าวว่า เมื่อแจ้งความกับตำรวจแล้ว ตำรวจ จะประมวล เรื่องหากเห็นว่า มีมูล ก็จะออก หมายเรียก ถ้าไม่มา จะเป็นหมายจับ เมื่อมาถึงโรงพัก หากตำรวจ ไม่ยอมให ้ประกันตัว ตามพ.ร.บ.คณะ สงฆ์มาตรา 29 ก็ต้องจับ ถอดผ้าเหลืองทันที และจะมีการ พิสูจน์ภายหลัง ได้ว่าที่ดิน ที่ได้รับมา ระหว่างเป็นพระ หรือไม่ ถ้าใช่ก็ต้องตกเป็นที่ธรณีสงฆ์

"ที่ต้อง ยื่นคำขาด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องการโอนที่ดินเป็นเพียงการส่งตัวแทนมา หากเกิดอะไรขึ้น ก็เกรงว่า จะมีการปฏิเสธ ไม่เกี่ยวข้อง และอาจเข้า ลักษณะ กรมการศาสนาไปกลั่นแกล้ง จึงจำเป็นต้องทำ ถ้าครบกำหนด ยังไม่ยอมโอนอีก ถือว่าทางวัด ยอมรับ ที่จะถูก ดำเนินคดีตามกฎหมาย"

ส่วนการที่ อธิบดี กรมการศาสนา ไปลงนามในบันทึก การหารือกับวัด เรื่องจะโอนที่ดิน หลังกระบวนการ ศาลสงฆ์เสร็จสิ้น เป็นเพียง ข้อหารือ ไม่มีผลใด ๆ เพราะนายไชยบูลย ์ไม่ได้มาเอง

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่านายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงปัญหาธรรมกายมาก โดยโทรศัพท ์สั่งการข้ามทวีป ถึงนายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี ให้เร่งจัดการปัญหานี้

สอบผู้บริจาคทั่วประเทศ

ในเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ พ.ต.เทอดฤทธิ์ บุญญฤทธิ์ โฆษก กระทรวงศึกษาธิการ และนายสุทธิวงศ์�ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดี กรมการศาสนา แถลงข่าว กรณีธรรมกาย โดยนายสุทธิวงศ ์กล่าวว่า การที่นายพิภพ กาญจนะ อธิบด ีกรมการศาสนา ไปลงนาม ในบันทึก การหารือ ที่จะนายไชยบูลย์ จะไม่โอน ที่ดินเป็น ของวัด จนกว่า กระบวน การศาลสงฆ์ จะสิ้นสุดนั้น ไม่เป็นข้อตกลง หรือสัญญาผูกมัด กรมเป็นเพียง ตัวแทนไม่ใช่ตัวการ และการ ถือครองที่ดิน ของนายไชยบูลย์ ได้รับ การคุ้มครอง ตามกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ นายไชยบูลย์ จึงเป็นตัวการ จะมอบให้วัดหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่กรมการศาสนา จะมีหนังสือ ไปยัง สำนักงาน อัยการสูงสุด เพื่อสอบถามว่าจะมีแง่มุมกฎหมายใดดำเนินการได้หรือไม่

ส่วนปัญหา การยื้อโอนที่ดินของนายไชยบูลย์คงไม่เสนอเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม แต่ จะให้เจ้าคณะ ผู้ปกครองชั้นต้น รับทราบก่อน ได้แก ่เจ้าคณะภาค 1 เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี และจะเสนอให ้กระทรวงศึกษาธิการ นำเสนอรัฐบาลในวันนี้

"ปัญหา การโอนที่ดินเนื่องจากมีการระบุจากผู้บริจาค 17 รายว่าให้แบบจำเพาะเจาะจง และมีใบแสดงเจตนา กรมการศาสนา ต้องสืบดู วัตถุประสงค์ที่แท้จริง โดยการตรวจ ได้จากสารบบของกรมที่ดิน"

นอกจากนั้น กรมการศาสนา ยังส่งเจ้าหน้าท ี่ฝ่ายนิติกร ไปพบผู้ที่บริจาคที่ดิน ในทุกจังหวัด และทุกแปลงที่ กรมที่ดิน ได้ตรวจสอบแล้ว เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อสอบถาม ถึงเจตนา ที่แท้จริง และนำมายืนยันว่าเป็นไปตามที่อ้างหรือไม่ ถ้าพบมีการ ยักยอกที่ดิน ที่บริจาคให้วัด โดยนายไชยบูลย์ถือแทนวัดก่อนเพียง 1 รายก็สามารถ ดำเนินคดีได้

มือสึกพระพบเจ้าคณะปทุมฯ

เมื่อเวลา 15.30 น. นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา และคณะอีก 4 คน เดินทางมา กราบนมัสการ พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธาน ีและได้ปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อย่างไรก็ตาม จากการสืบทราบ พบว่านายเริงฤทธิ์ มาเพื่อเร่งรัด ขอให้พระสุเมธาภรณ ์เร่งการพิจารณา โดยประทับ รับฟ้อง ตามกระบวนการ นิคหกรรม โดยไม่ต้อง รอให้มีโจทก์ ฟ้องร้องจนครบ เพื่อให้กระบวนการ ทั้งหมด สามารถ เดินหน้าได้ เพราะหลักฐาน ในการฟ้องร้อง แน่นหนา เหมือนกับกรณีอดีตพระยันตระ กับอดีตพระนิกร ที่นายเริงฤทธ ิ์มีบทบาทเป็นมือสึกพระมาตลอด

ขณะเดียวกัน ระหว่างการประชุม มีเจ้าหน้าท ี่ของกรมการศาสนา นำหนังสือ ที่ลงนามโดย นายพิภพมาส่งมอบ ให้พระสุเมธาภรณ์ ด้วย เป็นการสรุป ปัญหาการโอน ที่ดิน ของนายไชยบูลย์ ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่าจะยื้อไปจนกว่า การพิจารณา ของศาลสงฆ์จะยุติ

ระบ ุทุกอย่างต้องยุติ

นายเริงฤทธิ กล่าวว่า วันนี้ได้นำเอกสาร และข้อมูล จากกรมการศาสนา มาเสนอเจ้าคณะปทุมธาน ีเพื่อประกอบ การพิจารณา คำฟ้อง และสามารถ ประทับรับฟ้องได้เลย แต่น่าห่วง คือสถานที่ ในการเรียก มารับข้อกล่าวหา ที่คับแคบไป และน่าจะใช้ โรงเรียนตำรวจนครบาล บางเขนจะเหมาะกว่า แต่ขึ้นอยู่กับ เจ้าคณะจังหวัด ส่วนตัว ทำงาน ด้านนี้มานาน การออกมา ของตน ไม่เคยปรากฏ หน้าหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ แต่หากออกมา เมื่อไหร่ปัญหา ที่คาใจต่อสังคม ศาสนา ก็จะถึงจุดจบ หมือนกับกรณี ยันตระ กับนิกร ทุกอย่าง ที่กระทำล้วน มีหลักฐาน หนาแน่น แน่ชัดทุกราย โดยนายเริงฤทธิ์ได้นำเอกสาร 1 ถุงมาถวาย พระสุเมธาภรณ์ด้วย

รายงานข่าว จากกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยว่า การจัดการปัญหานายไชยบูลย์นี้ จะมีการประสานงาน ภายในกับ คณะสงฆ์ เพื่อขอให้ มีการปลด นายไชยบูลย์ จากการเป็นเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกายไปก่อนตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 และให้ แต่งตั้ง รองเจ้าคณะจังหวัด รูปใดรูปหนึ่ง เป็นผูรักษาการ เจ้าอาวาสแทน ระหว่างนั้น ก็ให้ดำเนินการ ตามกฎนิคหกรรมต่อไป

พระปริยัติวโรปการ รักษาการเจ้าคณะอำเภอธัญบุรี ทำหน้าที่พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า การตรวจสอบ คำฟ้องอ่านไปแล้วกว่า 90% ก็ไม่หนักใจ คำตอบอยู่ในใจแน่ชัดแล้ว โดยเฉพาะ เจ้าคณะจังหวัด ทำในเรื่องนี้ หลายครั้งแล้ว การที่สงฆ์ขัดคำสั่งย่อมเป็นความผิด แต่ต้องด ูคำสั่งนั้น ชัดเจน มากน้อยเพียงไร การสั่งให ้พระสึกต้องทำ ให้รอบคอบ เท่าที่ตรวจคำฟ้องประเด็นเรื่องการต้องอาบัติเหมือนกับกรณีนิกร ยศคำจู

รายงานข่าว จากวัดมูลจินดารามเปิดเผยว่าจากการตรวจสอบคำฟ้องทั้งหมด 4 คำฟ้องพบว่า จะมีการรับ คำฟ้องของ นายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ และนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญ กรมการศาสนา ส่วนของนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ชาวนาสุพรรณบุรีและนายประจิณ ฐานังกูร คงไม่รับฟ้อง เพราะ กรณีนางสาลี่ ไม่ได้มาฟ้องเองและมอบอำนาจมาฟ้อง โดยใบมอบอำนาจก็ไม่ถูกต้อง ส่วน นายประจิณ เป็นลักษณะ เหมือนคำร้องเรียน ไม่หนักแน่น

เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.พิชิต ควรเดชะคุปต์ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อชิระ สมแก้ว ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี เดินทางมา วัดมูลจินดาราม เพื่อตรวจตรา ความเรียบร้อย และเสนอเจ้าคณะ จังหวัดถึงการตรวจสำนวนฟ้องหาก

คนเริ่มเบื่อรัฐบาลพังแน่

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและนักจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ กล่าวในรายงานสายตรงไอทีวี เรื่อง "กรณีธรรมกาย" ว่า ปกติรัฐบาลกับมหาเถรฯน่าจะมีระยะห่าง แต่ขณะนี้เหตุการณ์ไม่ปกติ เพราะดูเหมือน อ่อนแอไปหมด เพราะมีการมองถึงจำนวนศิษย์วัดพระธรรมกาย แต่ต้องมอง ให้ชัดขณะนี้ เกิดสภาพจนตรอกแล้ว จึงมีการ เปิดตัวออกหาสื่อและขู่จะขนคนเป็นแสนออกมาต่อต้าน

"การที่ออกมา อย่างนี้เพราะสมเด็จพระสังฆราชทรงมีลายพระหัตถ์ออกมา นอกจากนั้น ยังมีสถาบัน สำคัญ แสดงความชัดเจน มาด้วย รวมถึงทหารก็เช่นกัน แต่รัฐบาลไม่ทำอะไร และทำท่า จะให้ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นแพะ ผมว่า รัฐบาล กำลังแทงกั๊ก ออกมาด้านไหนก็เป็นผู้ชนะไปด้วย แต่การเล่น แบบนี้รัฐบาล จะพังเพราะ ประชาชนจะเริ่ม เบื่อเกี่ยวกับ ข่าวนี้ เมื่อเริ่มเบื่อ ต่อไปมีเรื่องอะไรก็จะบอกไม่เอาแล้ว เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่"

นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่าประชาชนที่เบื่อน่าจะเกิน 50% โดยนอกจาก รัฐบาลไม่จัดการ ตัวแทนพูดเหมือน ใบปลิวที่ออกมา จาบจ้วง ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชด้วย อาทิ มาพูดว่าปลอมไหม ท่านคงไม่อยู่ ในสถานะ เขียนเอง ห้องกระจก ว่าอย่างไร หรือที่ทรง มีลายพระหัตถ์ ให้โอนทรัพย์สิน เป็นของวัดก็ไป บอกว่า ไม่ได้ บอกที่ดิน ทรัพย์สิน กว้างที่ดิน ไม่ได้พูดที่ดิน อย่างนี้มีแว่นตาก็ปาราชิกด้วย แทนที่จะดูเจตนา เป็นเรื่อง ๆ ไป

ในวันเดียวกัน สวนดุสิตโพล จัดอันดับข่าว ที่ประชาชนเบื่อ ประกาศว่า สำหรับกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นผู้ชายข่าว ธรรมกาย น่าเบื่อ เป็นอันดับ 3 ส่วนผู้หญิงเบื่อเป็นอันดับ 2 เพราะยืดเยื้อ ล่าช้า ตัดสินไม่ได้

ส่วนนายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาปฏิเสธ รายงานข่าวว่า สมช. จะเข้าไป เกี่ยวข้อง กับปัญหาธรรมกาย และไม่ได้นำ กรณีธรรมกาย มาหารือในการประชุม เพราะเชื่อ ในหน่วยงาน ที่รับผิดชอบ ทั้งกรมการ ศาสนา หรือมหาเถรฯ จะแก้ปัญหานี้ได ้แม้ว่าอาจถูก มองว่าล่าช้า แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหา

ระบุอาญาม.147 เหมาะสุด

นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.กท. พรรคประชาธิปัตย์และนักกฎหมายเปิดเผยถึงเรื่องที่ รมช.ศึกษาฯ สั่งการให ้กรมการศาสนา เร่งดำเนินการใน 2 เรื่องคือ ดำเนินการฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นอกจากนี้ ให้หารือ สำนักงานอัยการ สูงสุดเพื่อเป็น เจ้าทุกข์ ดำเนินการในคดีอาญาตามมาตรา 147 และมาตรา 157 นั้นว่า มูลเหตุความผิดตามมาตรา 147 และมาตรา 157 นั้นมีความเป็นไปได้สูง เพราะเจตนารมณ ์ของกฎหมายแล้ว กรมการศาสนา เป็น ผู้เสียหายด้วย ไม่ใช่แต่วัดอย่างเดียว เพราะว่า กรมการศาสนา มีหน้าที่ ดูแลทรัพย์สมบัต ิให้แก่วัด

"เรื่องน ี้หากตีความตามบทบัญญัติตามตัวอักษรแล้ว เรื่องที่ดินนั้นวัดจะเป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่เจตนารมณ์ ของกฎหมาย กรมการศาสนา ก็ถือเป็น ผู้เสียหายด้วย ตามความเห็น ของผมแล้ว กรมการศาสนา เป็นผู้เสียหาย ด้วยเหมือนกัน"

นายนายปรีชา กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุดก็คือข้อเสนอของนายกุมพล พลวัน อัยการพิเศษฝ่ายแผนการ ช่วยเหลือ ทางกฎหมาย ที่เสนอให้ มีการปลดออก จากตำแหน่ งและตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้าไป จากนั้นจึงให้ รักษาการเจ้าอาวาสเป็นโจทก์ดำเนินการฟ้องร้อง ถือว่า เป็นทางออก ต่อกรณีนี้ที่ดีที่สุด เจ้าคณะจังหวัดปทุมธาน ีเมื่อรับฟ้องและนำเข้าสู่กระบวนการศาลสงฆ์ ก็สามารถใช้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 24 เพื่อปลด พระที่ละเมิด จริยาพระสังฆาธิการออกจากตำแหน่งได้ทันที

ไร้ธรรมกายที่วัดยานนาวา

ส่วนที่วัดยานนาวา ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ตลอดจนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เดินทางมา นมัสการ และแสดงมุทิตาจิต เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพระพรหมโมลี เจ้าอาวาส วัดยานนาวา และเจ้าคณะภาค 1 ในด้านพิธีการนั้น ได้จัดแบบ เรียบง่าย ไม่เอิกเกริก และไม่มีตัวแทน จากวัด พระธรรมกาย เข้ามาร่วม ในงานครั้งนี้ด้วย กระทั่งเวลา 12.00 น. ผู้บริหารระดับสูงพร้อมคณะ นำโดย นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา ได้เดินทางเข้านมัสการพระพรหมโมลี พร้อมนำช่อดอกไม้มาถวาย

หลังเสร็จสิ้น พิธีการนายมาณพกล่าวว่า ได้สอบถามพระพรหมโมลีถึงเรื่องการสอบสวนนายไชยบูลย์ตามกฎนิคหกรรม ซึ่งก็ได้รับคำตอบ ว่าจนถึงเวลานี้ ยังไม่ทราบเรื่องและยังไม่เห็นสำนวนคำฟ้องตลอดจนหลักฐานต่างๆที่มีผู้มายื่น เพราะยังไม่ได้พบกับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี อย่างไรก็ตามยืนยันว่าหน้าที่ในการพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และให้สิทธ ิ์ในการพิจารณา อย่างเต็มที่ ส่วนรายงานผลการหารือระหว่างกรมการศาสนากับวัดพระธรรมกาย เรื่องการโอน ที่ดินของ อดีตเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย ให้กลับมาเป็นของวัดนั้นรายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่ได้นำมามอบให้พระพรหมโมลี แต่เชื่อว่า ในการประชุม หมาเถรฯ ทางกรมการศาสนา จะเสนอให้ได้รับทราบ

ทำตุ๊กตาฟาง"ไชยบูลย์"

ขณะเดียวกัน ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อเวลา 14.00 น. ได้มีการประชุมคณะกรรมการมหาเถรฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหา วิหารเป็นประธานในการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุม ในครั้งนี้ประกอบด้วย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม พระพรหมโมลี วัดยานนาวา พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร พระอุดมญาณโมลี วัดสัมพันธวงศ์ พระสุธรรมาธิบดี วัดราชาธิวาส พระธรรมปัญญาจารย์ วัดมกุฎกษัตริยาราม เป็นต้น

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ในระหว่างที่บรรดาพระเถระชั้นผู้ใหญ่กรรมการมหาเถรฯ ทยอยเดินทางมาร่วมประชุมนั้น บริเวณด้านหน้า ตำหนักเพ็ชร ได้มีการนำตุ๊กตา หญ้าฟางที่เป็นรูปเหมือนแทนนายไชยบูลย์ใส่ชุดฆราวาส สวมแว่นตาดำ และมีการ ติดรูปสัตว์เลื้อยคลาน ไว้ที่หน้าอก มาไว้ที่หน้า ตำหนักเพ็ชร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นำเข้ามา กระทั่งเวลา 15.30 น. อธิบดีกรมการ ศาสนาได้เดินทาง มาร่วมประชุม พร้อมหอบ แฟ้มเอกสารปึกใหญ่มาด้วย โดยการประชุม ครั้งนี้สิ้นสุดลงเมื่อเวลา 16.00 น.

3 วันส่งหนังสือโอนที่ดิน

ภายหลัง การประชุมอธิบดีกรมการศาสนาได้เปิดเผยผลการประชุมว่า ไม่ได้มีการหยิบยก ประเด็น ของวัดพระธรรมกาย ขึ้นมาพิจารณา แต่ก็ได้นำ รายงาน การเจรจา ในเรื่องที่ดินกับวัดพระธรรมกายมามอบให้แก่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และเสนอต่อไป ยังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ในฐานะ เจ้าคณะใหญ่ หนกลาง รวมทั้งในส่วนของ เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานีด้วย อย่างไร ก็ดีคำสั่งที่ รมช.ศึกษาฯ มอบหมายให้ ไปดำเนินการ คดีอาญา กับนายไชยบูลย ์เรื่องที่ดินนั้น จะได้ลงนามในหนังสือสอบถามเรื่องนี้ไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหารือ เรื่องข้อกฎหมาย ว่าจะสามารถ ดำเนินการตาม กระบวนการยุติธรรมทางโลกได้หรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก

ส่วนกรณ ีที่รมช.ศึกษาฯสั่งการให้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายไชยบูลย์ เพื่อให้มีการเร่งรัดดำเนินการโอนที่ดินภายใน 7 วันนั้น เรื่องนี้ จะได้เร่งรีบ ดำเนินการต่อไป และคาดว่าไม่เกิน 2-3 วันคงจะสามารถ ส่งหนังสือดังกล่าว ไปยังอดีต เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้

อวดอุตริฯ ต้องดูเจตนาเป็นหลัก

พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวสกวัน จังหวัดนครปฐม กล่าวถึง ปัญหา วัดพระธรรมกาย กรณีการอวดอ้างอุตริมนุส ธรรมว่า การแสดงว่า อวดอุตริมนุสธรรมนั้นจะแยกว่ามีอยู่ในตนจริงหรือไม่ ถ้ามีอยู่ในตนจริง แล้วมาอวด ก็เป็นผิดสถานเบา ถ้าไม่มีในตน แล้วนำมาอวดอ้าง ก็ต้องดูว่า มีเจตนาเท็จหรือไม่ ถ้ามีเจตนา พูดเท็จถือว่า เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ แต่ถ้าไม่มีเจตนาพูดเท็จแค่หลงตัวเองไป ก็ไม่ต้อง ปาราชิก แต่การ จะพิจารณา ว่ามีอยู่ในตนจริงหรือไม่ต้องดูที่หลักการ ถ้าหลักการไม่ถูกต้องแสดงว่าไม่มีอยู่ในตนจริง คือผิดหลักการ ก็ต้องปฏิบัต ิผิดด้วย

อย่างไรก็ตาม โดยปกติพระภิกษุควรที่จะปฏิบัติฝึกฝนตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และสั่งสอนธรรมะให้แก่ประชาชน เมื่อทำหน้าท ี่ของตน ก็ไม่ต้องไปอวด ว่าเราได้เป็นอะไร เพราะการอวดไม่เป็นที่นิยมสรรเสริญในพระพุทธศาสนา จัดเป็นเรื่องท ี่แสดงว่า มีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลัง หรืออาจ จะมีแรงจูงใจอย่างอื่น ไม่เป็นไป ตามแนวทาง ที่พระพุทธเจ้า ทรงมีพระประสงค์ เมื่อมีพฤติกรรมเช่นนี้แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติขึ้นมา ก็ต้องยกเข้า สู่การพิจารณา สามารถตั้ง คณะวินัยธรณ์ ขึ้นมาพิจารณาได้

ต่อข้อถามที่ว่า ถ้าแม้มีคุณวิเศษอยู่ในตนจริง แล้วพูดบอกตลอดเวลาถือว่าเป็นการละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณหรือไม่ พระธรรมปิฎก กล่าวว่า ตามปกต ิเรื่องเช่นนี้จะฟ้องอยู่ในตัวแล้วว่าไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะพระอริยบุคคล ย่อมไม่มีเจตนา ละเมิดพระธรรมวินัย เมื่อมาพูด เสมอว่า เป็นการละเมิด และเมื่อละเมิดอยู่เสมอก็ฟ้องอยู่ในตัวว่าไม่ได้บรรลุ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาตมา คงจะไม่ใช่ผู้วินิจฉัย แต่พูด ในหลักการ อย่างน้อย ก็จะเป็นข้อพิจารณา ในหมู่พุทธบริษัท ที่รักษา พระพุทธศาสนา ว่าจะต้องรักษาพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ และปฏิบัติ ให้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์

ไตรสิกขาไม่รับแม้ที่ดิน

ส่วนกรณี ที่ว่าเจ้าของที่ดินต้องการถวายที่ดินให้กับเจ้าอาวาสโดยตรง เจ้าอาวาสนั้นควรจะปฏิบัติอย่างไร เจ้าอาวาส วัดญาณเวสกวัน กล่าวว่า ถ้ามีความ บริสุทธิ์ใจควร ที่จะแนะนำ ผู้ที่มาถวายนั้น ให้ถวายเป็น สมบัติ แก่พุทธศาสนา ตัวหลักแท้ ของเรื่องนี้ก็คือต้องยึดพระธรรมวินัย พระพุทธเจ้า ตั้งคณะสงฆ์ เพื่อให้คนเข้ามา ดำรงชีวิตตามหลัก ไตรสิกขา และมีชีวิต อยู่แบบกลมกลืนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์แล้วจัดวินัยให้พระใช้ชีวิต แบบเรียบง่าย โดยอาศัยปัจจัย 4 แต่น้อย ไม่ครอบครอง ทรัพย์สมบัติ วัตถุประสงค์ดังกล่าวเว้นจากการรับที่ดินด้วย

พระธรรมปิฎก กล่าวด้วยว่า ความเมตตาเป็นเพียงหลักหนึ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา แต่หากใช้ ความเมตตา อย่างเดียว ไม่ประกอบ ด้วยปัญญา จะก่อให้เกิด ผลเสียหาย เหมือนกับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกโดยใช้แต่ความเมตตาอย่างเดียว โดยไปขัดขวาง การพัฒนาของลูกก็ทำให้ลูกเสียคน จะต้องใช้หลัก อุเบกขาที่ถูกต้องคือต้องรักษาธรรมะไว้ด้วย คนไทยส่วนใหญ่ จะมีเมตตากรุณามาก แต่เรื่องมุทิตา คือการส่งเสริม คนดีนั้นมักไม่ค่อย กระทำกัน และเรื่องอุเบกขา บางคนก็จะไม่รู้เรื่อง เป็นเฉยโง่ไปเลย เรียกว่า อัญญนุเบกขา คือมีอะไรเกิดขึ้นก็เฉย เวลามีเรื่อง เดือดร้อนเป็น ปัญหา ในพุทธศาสนา ก็เฉย อย่างที่บางคนบอกว่าเดี๋ยวเขาก็รับกรรมของเขาเอง