สกู๊ปข่าวเดลินิวส์: ศิษย์เอกอ๊อกซ์ฟอร์ด เปิดม่านดำธรรมกาย

Posted by xxx on December 17, 1998 at 01:17:13:

สกู๊ปหน้า1 เดลินิวส์ประจำฉบับวันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม 2541

ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด (พระมโนที่จะออกเจาะใจ 24 นี้) เปิดม่านดำธรรมกาย

ในบรรดาศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย ซึ่งดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้อ้างถึงในงานวิจัยเรื่องวัดพระธรรมกาย ที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยศูนย์พุทธศาสนิกศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น พระรูปที่สำคัญคือ ท่านเมตตา นันโทภิกขุ ซึ่งได้รับปริญญาเกียรตินิยมด้านภาษาสันสกฤต จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และกำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ในมหาวิทยาลัยฮัมบรู๊ก เพราะถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ที่เข้ามาปรับปรุงวัดให้มีประสิทธิภาพ

แต่วันนี้พระมโน เมตตานันโท หรืออดีตนายแพทย์มโน เลาหวณิช หันหลังให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว และเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนาศาสนา

พระมโนกล่าวกับ "เดลินิวส์" ว่า เมื่อ 25 ปีก่อน วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความอบอุ่น มีคุณยายจันทร์ ขนนกยูงเป็นหลัก แต่ต่อมาค่อยยกฐานะของพระให้สูงขึ้น เช่นเจ้าอาวาสจากหลวงพี่ไชยบูลย์ ธัมมชโย ก็ต้องเรียกว่าหลวงพ่อ

คุณยายจันทร์มักจะเตือนสติหลวงพ่อธัมมชโยอยู่เสมอว่า ให้มักน้อย-สันโดษ อย่าไปขยายอะไรให้มันมาก นี่เป็นคำสอนประจำ พร้อมบอกว่าวัดนี้ต้องมีพระประจำอยู่มากที่สุดไม่เกิน 20 รูปเท่านั้น ไม่ทำอะไรอย่างอื่นนั่งสมาธิกัน คือปิดวัด เมื่อก่อนมีแต่ศาลาเล็กเป็นทั้งโบสถ์และศาลา จะใช้เพียงที่นี่ที่เดียว และตกลงกันว่าจะปฏิบัติธรรมกันโดยจะไม่มีการรบกวนญาติโยม มีการปลูกสวนผักไว้รับประทาน ยุคนั้นเป็นยุคแรกและยุคเดียวที่สงบอบอุ่นประมาณปี 2518-2524 มีพระอยู่เพียง 8-10 รูป ขณะนั้นอาตมาเรียนแพทย์อยู่ ถวายกายถวายใจทุ่มเทให้วัด โดยไม่มีความสงสัยอะไรในตัววัดเลย เพราะช่วงนั้นเรื่องระบบการเงินก็โปร่งใส แต่ขณะนี้การจ่ายเงินอยู่ที่เข้าอาวาสองค์เดียว

พระมโนบอกอีกว่า เมื่อวัดเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะ เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา ความสะดวกต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น ทุกอย่างชักจะยุ่ง พระเริ่มมีการสั่งงานกันทางโทรศัพท์ ความใกล้ชิดกับพระสงฆ์ในวัดก็ลดน้อยลง และก็มีญาติโยมภายนอกโดยเฉพาะนักธุรกิจเข้ามามีบทบาทมากขึ้นๆ เรื่อยๆ

นอกจากนั้นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัดพระธรรมกายคือ การเข้าไปทำธุรกิจ โดยเมื่อปี 2525 ได้ตั้งบริษัทดูแวค ซึ่งรวบรวมเอาญาติโยมที่เป็นแหล่งเงินทุนหลายคนร่วมด้วย และก็เริ่มมีการซื้อที่ดินขยายวัดไป 1000 ไร่ โดยอ้างว่ามีเสียงดังรบกวนจากวัดใกล้เคียง ทำให้ไม่มีสมาธิ

"อาตมาก็นึกว่าจะดี แต่ก็ไม่เป็นดังที่คาด เพราะมีการกว้านซื้อที่ดินจนเกิดข้อพิพาทกันเป็น 2600 ไร่ และมีการซื้อที่อีกมากมายที่ต่างจังหวัด อย่างเช่นที่เชียงใหม่ 4000 ไร่ ศรีษะเกษประมาณ 8000 ไร่ และที่ตามอุทยานแห่งชาติอีก"

ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนไปมาก จนน่าตกใจ พร้อมๆ กับการเสื่อมอายุสังขารของคุณยายจันทร์ สุดท้ายคุณยายจันทร์ก็กลายเป็นสัญญลักษณ์ของวัดไป

"อาตมาโชคดีกว่าใครเพื่อน สอบเข้าได้ไปเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด ทางวัดก็เห็นช่องทางในการสร้างชื่อเสียงก็เลยส่งเสริมเป็นอย่างดี อาตมาจะเขียนจดหมายจากประเทศอังกฤษ เพื่อเจริญศรัทธา อาตมาได้สร้างโครงการพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์คนแรก เพราะชอบเรียน เมื่อตอนอยู่จุฬาฯ ปี 2 เราก็รู้หลักว่าเครื่องนี้มันใช้ได้ จนในที่สุดหลวงพ่อก็ลงนามเซ็นโครงการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 อาตมาก็เริ่มลงมือทำ บริษัทที่มาช่วยคือ เดต้าแมท ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง"

พระมโนเล่าให้ฟังอีกว่า ในปี 2530 เมื่อเรียนจบก็เดินทางกลับเมืองไทย เรื่องวัดพระธรรมกายกำลังดัง การกลับมาครั้งนี้ทำให้รู้สึกสลดใจมาก เพราะได้เห็นอะไรหลายอย่างในเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกาย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ต่อมาก็มีธุรกิจการค้าที่ดิน โครงการตะวันธรรมและโครงการอะไรต่อมิอะไรอีกมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับโครงการสวนป่า คือให้มีการเวนคืนที่บริเวณล้อมรอบวัด โดยให้วัดเป็นไข่แดง จากนั้นก็ปลูกป่าโดยรอบด้วยการใช้เงินของราชการ แต่เรื่องก็ตกไปเพราะกรรมการเขาสงสัยว่ามันมีเลศนัย ว่าทำไมต้องทำกันใหญ่ขนาดนี้"

นอกจากนั้นในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ได้มีการผลักดันโครงการอบรมเยาชนที่เขาใหญ่ ที่มีกำหนดสร้างอาคารให้เสร็จภายใน 72 ชั่วโมง และมีลูกศิษย์ของวัด ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมป่าไม้ ผลักดันและสนองนโยบาย โดยได้มีการโทรศัพท์มาที่วัดพระธรรมกายให้เกณฑ์คนมาทำเสร็จตามกำหนด ครั้งนั้นมี พระชิดชัย ชิโต ซึ่งจบวิศวบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดูแลควบคุมการก่อสร้าง

พระมโนรำลึกถึงความหลังอีกว่าในปี 2525-2526 มีเรื่องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพระชิดชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ ของพระมโนโดยพระชิดชัยทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำ ทุ่มเทเพื่อวัดทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่หลับไม่นอน พระชิโตเริ่มมีอาการทางจิต พระมโนปรึกษาพระหลายรูปว่า ต้องส่งท่านไปโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามก็มีการต่อต้านว่าการส่งพระชิโต ไปโรงพยาบาลเป็นการทำลายวัด เพราะวัดที่ฝึกจิต กลับมีพระที่มีอาการทางจิต

"สุดท้ายอาตมาและพวกได้นำท่านไปโรงพยาบาล พอหายแล้วก็กลับมา แต่ไม่ได้รับความสนใจเหมือนไม่มีท่านอยู่ในวัด ไม่ทักไม่พูดโดนบีบสารพัดอย่าง ทำให้ท่านคิดมากกินยาคืนวันจันทร์ พบศพวันอังคารเช้าที่กุฏิ ทางวัดได้ปิดเรื่องนี้เงียบ ตอนนั้นก็ได้เรียนท่านนายอำเภอหลวงพ่อทัตตชีโวเป็นคนจัดการ เจ้าอาวาสไม่อยู่ร่วมไปขึ้นดอย ก็มีการจัดงานศพ รดน้ำ ทำพิธีต่างๆ ที่ศาลา"

หลังจากกลับมาจากลอยเถ้ากระดูกเถ้าอังคารพระชิโต ที่ชลบุรี พระมโนกล่าวว่ารู้สึกวัดนี้ไม่ใช่วัดแล้ว ผิดทางวิธีการบริหารเริ่มมีปัญหามาก เวลาประชุมก็เงียบไม่พูดกัน เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ พระก็เริ่มจับกลุ่ม เกิดจากเรื่องความไม่ไว้วางใจมากขึ้นๆ

ปี 2530-2531 ภาวะวัดย่ำแย่ พระข้างในรวมตัวกันไม่ติด พระบางรูปเกิดความสับสน การปกครองไปไม่ทั่วถึง มีกฏเหล็กคือกางเกงเหล็ก ใครสวมได้ปฏิบัติตามได้ก็อยู่ได้ สวมไม่ได้ ปฏิบัติตามไม่ได้ก็ออกจากวัดไป
และนับจากนั้นมา พระมโน จึงออกจากวัดพระธรรมกาย และไม่ได้หันกลับเข้าไปหาอีกเลย...