page4

เดลินิวส์ 20/5/2542

'ในหลวง-ราชินี' เสด็จฯทรงเยี่ยมสังฆราช

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงเยี่ยมอาการ ประชวรสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดบวรฯ ประมุขสงฆ์ลงพรหมฑัณฑ์ ไม่เข้าประชุมมหาเถรฯ ยกพุทธประวัต ิคราวสงฆ์แตกแยก ไม่เห็นพระธรรมวินัยในสายตา พระพุทธเจ้าห้ามไม่ฟังก็ทรงหนีไปอยู่ป่า "พระพยอม" ย้ำเหตุการณ์นี้ เตือนใจชาวพุทธ ให้สู้แบบอหิงสาคว่ำบาตร พระทุกระดับ ที่อุ้มเดียรถีย์"ไชยบูลย์" มติมหาเถรฯออกมา แล้วแผ่บารมี เตะถ่วงตั้งคณะทำงาน วนกลับไปเมื่อ 2 เดือน ก่อนงามเข็มตามข้อเสนอ พระพรหมโมลี พร้อมกับตั้ง "เขตผ้าเหลือง"ห้ามตรวจสอบ ขออารักขา รัฐบาลปิดปาก สื่อห้ามวิจารณ์ กลิ่นโชยอีกกรมศาสนาบอก 20 พ.ย.นี้ ถ้าไม่มีหลักฐานฟ้องจะยุติเรื่อง หักข้อเสนอเลขาธิการครม.ที่ให้สึกทันทีก่อนสิ้นกระบวนการสอบสวน พร้อมจัดการ ขั้นเด็ดขาด สางเงินวัดฉาว ศิษย์วัดบวรฯมั่นใจ 21 พ.ค.เห็นทางออก สางเสี้ยนศาสนาอาจเกิดรายการฟ้าผ่า

การสางเสี้ยนศาสนา นำผ้าเหลืองออกจากร่างพระปลอม"นายไชยบูลย์ สุทธิผล" ที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีลายพระหัตถ์ตัดสิน ทางพระธรรมวินัยแล้วว่า ต้องปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ ยังไม่มีข้อยุติแน่ชัด โดยเฉพาะ การประชุมมหาเถรสมาคม ยังไม่มีท่าทีที่แน่ชัดเลย

อธิบดีศาสนาไม่ได้เข้าเฝ้า

เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าว รายงานว่าการประชุมมหาเถรฯในวันนี้ เป็นที่จับตาอย่างมากเนื่องจากนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ส่งนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการครม.และเป็นมือกฎหมายผู้ที่ยกร่างแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2535 เข้าร่วมประชุมด้วย

ความเคลื่อนไหว สำคัญเริ่มตั้งแต่เวลา 8.30 น. ที่คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศฯ นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา นายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม เดินทางมา เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้า นายพิภพ จึงต้องนั่งรอ อยู่ที่ห้องรับรอง นานกว่าครึ่งชั่วโมง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กระทั่งแน่นอนแล้วว่าไม่ได้เข้าเฝ้าจึงได้เดินทางกลับ ก่อนกลับนายพิภพ เปิดเผยว่าตนมาเข้าเฝ้า เพื่อเยี่ยม พระอาการประชวร ไม่มีกิจธุระใดเป็นพิเศษ และไม่ทราบว่า สมเด็จพระสังฆราช จะทรงเสด็จ เข้าร่วมประชุมมหาเถรฯ หรือไม่ แต่คิดว่ายังคงมีอาการพระประชวรอยู่ไม่น่าจะเข้าร่วมประชุม

พระสังฆราชลงพรหมทัณฑ์

นายทินกร รัตนกุสุมภ์ เลขานุการฝ่ายคฤหัสถ์สมเด็จพระสังฆราชกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ที่ผ่านมาสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีรับสั่งว่า จะไม่เข้าร่วมประชุม คณะกรรมการมหาเถรฯ เพราะได้ทรง ปฏิบัติหน้าท ี่ของพระองค์เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ ของมหาเถรฯและกรมการศาสนา พระองค์ทรงเล่า นิทานชาด กสมัยพุทธกาลให้ฟังด้วยว่า สมัยพระพุทธเจ้า ประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพี พระภิกษุสงฆ์ในเมืองนั้นแตกแยกเป้น 2 ฝ่าย ขณะนั้นพระองค์ ได้ตรัสสั่งสอนว่า เรื่องนี้สามารถยุติได้ แต่เกลี้ยกล่อมอย่างไร ก็ไม่เป็นผล พระพุทธเจ้าจึงทรงตัดปัญหา ด้วยการเสด็จ ไปพำนักอยู่ในป่า มีลิงและช้างมาคอยดูแลหาผลไม้มาถวาย

อย่างไรก็ตาม กรณีพิพาท ของพระทั้ง 2 ฝ่ายส่งผลให้ประชาชนไม่ถวายอาหารไม่ใส่บาตรพระ เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว กระทั่งพระอานนท์ ได้นำภิกษุทั้ง 2 ฝ่าย มาเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าในป่า เพื่อขอขมา พร้อมกับกราบทูล ให้ทรงเสด็จกลับ ไปพำนักในเมืองโกสัมพี ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงเสด็จกลับ แต่ทั้งลิงและช้างไม่สามารถ ติดตามไปรับใช้พระองค์ด้วย ก็ตรอมใจตาย แสดงให้เห็นว่า แม้สัตว์ยังรักพระพุทธเจ้า

"คิดว่าขณะนี้ สมเด็จพระสังฆราช คงเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า มติมหาเถรฯจะออกมาอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่พระองค์ได้ตรัสชัดเจนแล้วว่า ได้ทรงทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่รับผิดชอบคือมหาเถรฯ และฝ่ายบ้านเมือง รวมถึงประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"

ส่วนการที่ กำลังพลตบเท้า พร้อมกันทุกเหล่าทัพเพื่อให้กำลังใจพระองค์� นายทินกรกล่าวว่า ทหารเขาคงมีข้อมูลเรื่องนี้มาก เพราะติดตาม มานานกว่า 20 ปี ทั้งหน่วยข่าว จนถึงหน่วยอื่นๆ ต่างได้รับข้อมูล ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาวัดพระธรรมกาย เป็นอย่างไร และจะมีผลกระทบ ต่อความมั่นคง ของสถาบันต่างๆอย่างไรบ้าง

ทรงกังวลมติมหาเถรฯ

นายทินกร กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 พ.ค.หลังจากมหาเถรฯมีมติเกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกาย สมเด็จพระสังฆราช ทรงตรัสถามว่า มหาเถรฯมีมต ิให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างไร เมื่อได้ถวายรายงาน ให้พระองค์ทราบว่า มหาเถรฯให้นำเรื่องนี้ เข้าสู่กระบวนการสงฆ์ ตามกฎนิคหกรรม ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่ ปรากฎว่า พระองค์มีพระพักตร ์วิตกกังวลในเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้ทรงตรัสถามอะไรเพิ่มเติม

สำหรับบรรยากาศ ที่คณะเหลืองรังสีตลอดเช้าที่ผ่านมานั้น ได้มีพุทธศาสนิกชนและกำลังพลจาก 3 เหล่าทัพ รวมทั้งจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาลงนามถวายพระพร อย่างเนืองแน่น เจ้าหน้าที่ได้ย้ายสถานที่ ลงนามถวายพระพร ไปไว้ที่บริเวณชั้น 1 อาคารสว.ธรรมนิเวศ แทนที่ตำหนักเพ็ชร์ ที่ใช้ประชุมมหาเถรฯ

พ.อ.พนม ปัติประโคน ผู้อำนวยการกองเลขานุการ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก เปิดเผยว่า การนำกำลังพล มาครั้งน ี้เพื่อลงนามถวายพระพร ให้ทรงหาย จากอาการพระประชวรโดยเร็ว และให้กำลังใจ ต่อกรณีที่ทรงมีลายพระหัตถ ์เกี่ยวกับปัญหา วัดพระธรรมกาย ที่ทรงวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และตัดสินอย่างเด็ดขาดแล้ว คนในกองทัพไม่เข้าใจว่า ทำไมยังต้อง มีการฟ้องร้องกันอีก นายไชยบูลย์ควรเปลื้องผ้าเหลืองได้แล้ว

"คนอื่นจะมองอย่างไร ก็ได้ทั้งนั้น แต่กำลังพลส่วนใหญ่ในกองทัพก็นับถือศาสนาพุทธ การมาให้กำลังใจครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการบีบบังคับ ทุกคนในหน่วยต่างๆ มาด้วยศรัทธา" ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าว่า บริเวณสนามบาสเก็ตบอล โรงเรียนวัดบวรนิเวศฯ ได้มีกลุ่มศิษยานุศิษย์ นำโดยศิษย์ห้องกระจก นำโต๊ะออกไปตั้ง เพื่อให้ประชาชน ที่สัญจรผ่านไปมา ได้ลงนามในสมุดถวายพระพร เป็นอีกจุดหนึ่ง นอกเหนือ จากที่ตั้งไว้บริเวณ ตึกสว.ธรรมนิเวศ บริเวณโต๊ะ ลงนามถวายพระพรนั้น ยังมีใบลงนามคำประกาศไม่ยอมรับความเป็นพระของนายไชยบูลย์ด้วย ซึ่งจัดทำโดย คณะกรรมการศาสนา เพื่อการพัฒนามาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนด้วย ซึ่งมีผู้คนสนใจลงนามกันเป็นจำนวนมาก

"ประชา"นำบิ๊กตร.ถวายพระพร

เวลา 13.00 น.คณะตำรวจระดับบิ๊ก ๆ นำโดยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.,พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร.,พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผบช.น. ,พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี ผบก.น.1 ฯลฯนำกำลังตำรวจกว่า 300 คนมาลงนาม ถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราช พร้อมกับพุทธศาสนิกชนชาวไทย และต่างประเทศ โดยพล.ต.อ.ประชา กล่าวว่าการดำเนินการ วัดพระธรรมกายแยกเป็น 2 ส่วนคือคอยติดตามปัญหา อย่างใกล้ชิด ส่วนการดำเนินการอื่น ๆโดยเฉพาะเรื่องคด ีต้องรอกรมการศาสนา ตำรวจพร้อมดำเนินการ ทันทีแต่ขอให้มีการแจ้งความ และกองบัญชาการตำรวจภาค 1 เป็นผู้ดูแลอารักขาวัดพระธรรมกายอยู่ในขณะนี้

หลังการลงนามแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เดินทางมาได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ การจัดการ กับวัดพระธรรมกาย ว่าควรใช้กำลังบุกยึดวัด จะได้ยุติปัญหา และพูดกันเล่น ๆ ว่าน่าจะส่งกำลังไปล้อมวัดสักที

พล.ต.ต.คงเดช กล่าวว่า หากเคารพสมเด็จพระสังฆราช ก็ควรยึดลายพระหัตถ์ ต้องถือว่าก่อนจะทรงตรัส หรือมีลายพระหัตถ์ออกมา ต้องผ่านการกลั่นกรองแล้ว เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ชอบธรรม

นอกจากนั้นตำรวจแล้ว ยังนายทหารนับพันนายเดินทางมาลงนายถวายพระพรเป็นวันที่สอง และจะมีการเดินทาง มาให้กำลังใจ สมเด็จพระสังฆราชอย่างต่อเนื่อง

ตร.ตรึงประชุมมหาเถรฯ

จนกระทั่งเวลา 13.30 น. ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบจากสน.ชนะสงคราม นครบาล และตำรวจปราบจราจลกว่า 100 นายเดินทาง มาตรึงกำลังที่ตำหนักเพ็ชร์ ที่จะมีการประชุมมหาเถรฯ โดยเฉพาะ ถนนด้านวัดบวรนิเวศ มีรถสายตรวจกว่า 20 คันจอดเรียงราย และเจ้าหน้าท ี่ชุดปราบจราจลกว่า 20 นายตั้งแถว กั้นเป็นช่องให้รถ ของพระเถระเดินทางเข้าสู่ตำหนักเพ็ชร์

สำหรับพระเถระ ที่เข้าร่วมประชุมวันนี้ ประกอบด้วยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ,สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม,พระสุธรรมาธิบดี วัดราชาธิวาส,พระพรหมโมลี วัดยานนาวา,พระอุดมญาณโมลี วัดสัมพันธ์วงศ์,พระพรหมจริยาจารย์ วัดเบญจมบพิตร,พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร ,สมเด็จพุฒาจารย์ วัดสระเกศ,พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศน์,พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุฯ ,สมเด็จพระ มหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ตามมาด้วยนายพิภพ ,นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล

2มือกฎหมายสมทบ

จากนั้นเวลา 14.00 น.นายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการครม.และนายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมา ร่วมประชุม โดยทั้ง 2 คนคือบุคคลสำคัญ ที่ร่างแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.คณะสงฆ์ เมื่อครบองค์ประชุม ตำรวจปิดประตู หน้าตำหนักเพ็ชร์ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป และมีตำรวจรักษาการณ ์บริเวณลานหน้าตำหนักกว่า 30 นาย โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณารามเป็นประธาน จุดธูปเทียน บูชาพระรัตนตรัย ส่วนสมเด็จพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธานที่ประชุม

ตั้งกก.ย้อนยุคพระพรหมโมลี

ภายหลังการประชุม มหาเถรฯเสร็จสิ้นลง ได้มีการจัดแถลงข่าวมติมหาเถรฯ โดยมีนายพิภพ นายสำรวย นายสุทธิวงศ ์และนายอำนาจ พร้อมด้วยพระสุธีวรญาณ รองอธิการบดีมหาจุฬาฯ และพระศรีวรนายก รองอธิการบดีมหาจุฬาฯ ร่วมแถลงข่าวด้วย นายอำนาจ ในฐานะโฆษกกรมการศาสนา เปิดเผยว่า การประชุมมหาเถรฯ นั้นอธิบดีกรมการศาสนา รายงานถึงการติดตาม การแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย 3 กรณีคือ 1.เรื่องการโอนที่ดิน 2. เรื่องของการตั้งศูนย์ รับเรื่องราวร้องทุกข์ เกี่ยวกับกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีประชาชนโทรศัพท์มาทั้งสิ้น 150 ราย และ 3.รายงานความคืบหน้า การสังเกตการณ์วัดพระธรรมกายของกรมการศาสนาตลอดตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งพบว่า ได้ดำเนินการ ตามข้อแนะนำของมหาเถรฯทุกประการ

นายอำนาจกล่าวต่อไปว่า ในการประชุมนั้นนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประ ชุมด้วย เพื่อที่จะรับฟัง ข้อมูลข่าวสาร ด้านพระพุทธศาสนา ต่อที่ประชุมมหาเถรฯ และยังเป็นสื่อกลางระหว่างคณะสงฆ์กับรัฐบาล ซึ่งในการเข้าร่วมครั้งน ี้นายวิษณุได้เสนอข้อคิดเห็น เกี่ยวกับกรณี วัดพระธรรมกายหลายประเด็น

พระศรีวรนายกกล่าวว่า ที่ประชมมหาเถรฯได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งประกอบด้วยพระภิกษุ 3 รูปและฆราวาส 2 คน เพื่อทำหน้าที่ติดตาม วัดพระธรรมกายให้ปฏิบัติตามมติมหาเถรฯทั้ง 4 ข้อที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เคยเสนอแนะไป รวมทั้งในเรื่องลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราชโดยเคร่งครัดเป็นกรณีพิเศษ พร้อมกันนี้ ให้ดำเนินการตามคำสั่งเจ้าคณะภาค 1 ด้วย

ตั้งเขตผ้าเหลืองห้ามวิจารณ์

ส่วนพระสุธีวรญาณ กล่าวว่า มหาเถรฯยังมีมติขอรับการอารักขาจากฝ่ายรัฐบาล เนื่องจากที่ผ่านมา องค์กรระดับสูง ของทางคณะสงฆ์ ได้รับผลกระทบอย่างสูง จาการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ จึงต้องขอรับการอารักขา เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย และความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นหากกรณีใด ที่ข้อมูลผิดพลาด ทางรัฐบาล จะต้องเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ดี ในการจัดแถลงข่าว มติมหาเถรฯร่วมกันครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเถระทั้ง 2 รูปคือพระสุธี วรญาณและพระศรีวรนายก ไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมมหาเถรฯ แม้แต่น้อย นอกจากน ี้ในระหว่างการแถลงข่าวนั้น นายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการแถลงข่าวเลย

ด้านายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการครม.เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ชี้แจงต่อที่ประชุมมหาเถรฯ 3 ประการด้วยกันคือ 1.รัฐบาลพร้อม ให้ความช่วยเหลือ หากติดขัดในเรื่องการดำเนินการ 2. รัฐบาลมีความกังวล ต่อปัญหาวัดพระธรรมกาย และ 3.ในฐานะที่เคยเป็น ผู้ร่วมร่างพ.ร.บ.สงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ได้อธิบายเจตนารมย ์ของกฎหมายทีละมาตรา ซึ่งมีการซักถาม ในหลายประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตามที่ประชุม ได้ย้ำถึงแนวทางการแก้ไขปัยหาว่าจะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ให้เสร็จเด็ดขาด โดยไม่ไปติดปัญหาอื่นอีก จะต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็วเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย

ในกระบวนการนิคหกรรมนั้น ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลอยากให้มหาเถรฯดำเนินการโดยคำนึงถึงพระธรรมวินัย รัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.คณะสงฆ์ รวมทั้งคำนึงความรู้สึกของมหาชน หากมีมาตรการอะไร ออกมาขอให้นำ ปัจจัยข้างต้นมาประกอบด้วย ซึ่งที่ประชุมก็เห็นชอบ ส่วนการจะให้นายไชยบูลย์ ออกจากสมณเพศนั้น ต้องดูว่ามีคดีอาญา อยู่หรือไม่ ตามมาตรา 27 และมาตรา 25 ที่ดำเนินการ ตามกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 11 และฉบับที่ 21 นั้นได้รายงานว่า ไม่ค่อยถูกใจนัก เพราะกฎมหาเถรฯนี้มีขั้นตอน มากมายเกินไป เมื่อเทียบกับ วิธีการ ของฝ่ายบ้านเมืองที่เร็วกว่า แต่ตอนนี้ให้ใช้กฎนี้ไปก่อน และหากมีข้อมูลที่ชัดเจนก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น

มหาเถรฯตีตกจับสึกก่อน

ต่อข้อถามที่ว่า กรณีปัญหาโกงที่ดินนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น นายวิษณุกล่าวว่า อธิบดีกรมการศาสนา ได้รายงานเรื่องนี้ ต่อที่ประชุมมหาเถรฯ ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานอยู่ ส่วนเรื่องที่ว่า นายไชยบูลย์ นำเอาเงินวัดและเงินมูลนิธิธรรมกาย ไปกว้านซื้อที่ดิน ใส่ชื่อตนเองนั้น หากการตรวจสอบพบว่า เป็นข้อมูลจริงก็จะสามารถดำเนินคดีอาญาได้ การจับสึกนั้นจะต้องมีหลักฐานชัดเจน นอกจากนี้ในที่ประ ชุม ยังได้มีการพูดถึงกรณีจับสึกก่อนกระบวนการแล้วเสร็จ ซึ่งก็ได้มีการพิจารณากันอย่างกว้างขวาง แต่ที่สุดมหาเถรฯ ก็มีวิธีการและมาตรการ ที่จะดำเนินการ ถือเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็ฯทั้ง 2 ฝ่าย

"ผมจะนำเรื่องนี้ รายงานต่อรัฐบาล โดยเฉพาะความคืบหน้าในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะให้วันที่ 19 พ.ค.จบเรื่องทั้งหมด คงเป็นไปไม่ได ้ต้องว่ากันต่อไป อีกเป็นระยะๆ บางเรื่องกำหนดระยะเวลา บางเรื่องสุดวิสัย เพราะขณะนี้ ยังไม่ได้มีการนับหนึ่ง และเมื่อนับหนึ่ง เมื่อไหร่จะมีการกำหนด ระยะเวลาตามมาทันที"

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ในการประชุมมหาเถรฯนั้น นายวิษณุ ที่เข้าร่วมการประ ชุมครั้งน ี้ได้เสนอการดำเนินการ ปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยให้ใช้กระบวนการนิคหกรรมตามกฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 พร้อมๆกับกฎมหาเถรฯ ฉบับที่ 21 คือเสนอให้สึก นายไชยบูลย์ก่อน ที่กระบวนการแล้วเสร็จ และให้ดำเนินคดีทางอาญา แต่หากว่า นายไชยบูลย ์ไม่ยอมสึกก็ให้ปลดจาก ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และให้ดำเนินการ เรื่องที่ดินให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังเสนอให้ มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พฤติกรรมทั้งหมดของวัด ซึ่งประกอบด้วย พระเถระ 3 รูปและฆราวาส 2 คน โดยให้สอบสวน ที่มีข้อกล่าวหาที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ เงินบริจาค เรื่องหลักคำสอน เรื่องบอกบุญเรี่ยไร เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 20 พ.ค.ซึ่ง ยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาตินำโดยนายสมพร เทพสิทธา กำหนดที่จะเดินทาง ไปยื่นฟ้อง นายไชยบูลย์ กับพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีนั้น ในขณะน ี้ยังอยู่ระหว่าง ดำเนินการรวบรวมเอกสาร หลักฐานข้อมูลอยู่ เนื่องจากมีโจทก์ ยื่นเอกสารข้อมูล เพิ่มเติมมากมาย เพื่อความรอบคอบ และรัดกุมจึงขอเลื่อน การไปยื่นฟ้องออกไปเป็นสัปดาห์หน้า เพราะหากหลักฐานไม่พร้อม อาจจะถูกยกฟ้องได้

คณะทำงานยังไม่ได้ทาบทาม

นายอำนาจกล่าวว่า นายวิษณุได้แสดงความเป็นห่วง และรัฐบาลได้ฝากมาว่า ให้เร่งดำเนินการกรณี ปัญหา วัดพระธรรมกาย ด้วยความรวดเร็วภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งเลขาฯ ครม.ระบุว่า ยังสามารถที่จะใช้กฎมหาเถรฯฉบับที่ 11 ว่าด้วยการ ลงนิคหกรรมได้อยู่ รวมทั้งได้เสนอ ในเรื่องการตั้ง คณะอนุกรรมการ ติดตามการปฏิบัติ ตามมติมหาเถรฯของวัดพระธรรมกายด้วย

คณะอนุกรรมการชุดนี้ จะนำมติมหาเถรฯ รวมถึงข้อแนะนำของเจ้าคณะภาค 1 มาตีความ ให้เกิดความชัดเจน ว่าทางวัด ต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง แต่ไม่มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิด หากมีการปฏิบัติ ขัดมติมหาเถรฯ ก็จะรายงานให้ที่ประชุม รับทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป ผู้ที่จะมาเป็นกรรมการ ได้วางตัวไว้คร่าวๆแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาทาบทามก่อน ขอยืนยันว่า คณะกรรมการชุดนี้ ทั้งพระและฆาราวาสจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นกลาง โดยการแต่งตั้ง จะอาศัยอำนาจตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ ์เมื่อทาบทามได้แล้ว ก็จะเสนอที่ประชุมมหาเถรฯ เพื่อขอมติแต่งตั้งอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นการประชุม ในวาระหน้า ส่วนเรื่องลายพระหัตถ์วันนี้ไม่มีการกล่าวถึง 20พ.ค.ไม่มีหลักฐานเลิก

นายอำนาจกล่าวว่า กรณีการลงนิคหกรรมนั้นที่ประชุมพูดชัดเจนว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ร้องเรียนตั้งข้อกล่าวหา หากถึงวันที่ 20 พ.ค.แล้วยังไม่มีผู้ร้อง อย่างเป็นทางการ ก็เท่ากับเรื่องต้องยุติไปโดยปริยาย ทางกรมและมหาเถรฯ เป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน หากประชาชนมีข้อมูลก็ให้มาร้องที่กรมฯได้ จะเป็นผู้กล่าวโทษ อย่างเป็นทางการให้

ผู้สื่อข่าวถาม ถึงกรณีกรรมการมหาเถรฯขออารักขาจากรัฐบาลว่า เพื่อป้องกันสื่อมวลชนเสนอข่าวในทางลบใช่หรือไม่ นายอำนาจกล่าวว่า มีหลายครั้ง ที่มหาเถรฯถูกหมิ่นประมาทจากประชาชนต่อหน้า รวมทั้งจากสื่อมวลชนที่เสนอข่าว ซึ่งอาจทำให้ศรัทธา ต่อสถาบันนี้ลดลง ที่ผ่านมา ก็ไม่มีใคร ออกมาปกป้องพระเลย และกรรมการมหาเถรฯ ต่างก็เป็นพระชั้นสมเด็จ ที่มีอาวุโสมาก เมื่อถูกต่อว่าเช่นนี้ลูกศิษย์ต่างก็ไม่สบายใจ

ด้านพระสุธีวรญาณ กล่าวเสริมว่า กรณีการเรี่ยไร่ของวัดพระธรรมกายนั้นต้องดูที่วัตถุประสงค์ หากมีการนำเงิน บริจาคมาใช้ผิด วัตถุประสงค์ ก็ถือว่าไม่สมควร ส่วนเรื่องแสดงปาฏิหารย์ ทางธรรมวินัยถือเป็นสิ่งที่พระภิกษ ุไม่ควรจะนำมาขยายความ ซึ่งคณะกรรมการ ที่มหาเถรฯตั้งขึ้น อาจจะเข้ามา ติดตามเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การกล่าวหา พระภิกษุโดยเฉพาะพระราชาคณะชั้นราชว่าผิดต้องมีหลักฐาน จะต้องนำเรื่องไปร้องเรียน ที่เจ้าคณะจังหวัด มีการตั้งกรรมการสอบ จนถึงระดับอุทธรณ์ ฎีกา เราตัดสินโดยพละการไม่ได้ ต้องรอบคอบ

นายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 9 กรมการศาสนา กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ตนจะส่งเอกสาร เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ที่ประเมินได้ให้กับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยประเด็น ที่น่าจะมีน้ำหนักที่สุด คือเรื่องบิดเบือนคำสอน ที่ทางวัดระบุว่านิพพานเป็นอัตตา ซึ่งเรื่องนี้เจ้าคณะภาค 1 ก็ได้ชี้ขาดไปแล้วว่าไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ หากส่งเรื่องไปแล้ว เจ้าคณะจังหวัดไม่รับฟ้องก็จะต้องบอกเหตุผลด้วยว่าเพราะอะไร

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่าเมื่อเวลา 19.20 น. สมเด็จพระสังฆราชฯทรงเสด็จออกจากพระตำหนักขึ้นรถพระประเทียบ ดำเนินไปยังพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศ เพื่อรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

พระพยอมให้ช่วยคว่ำบาตร

พระพยอม กัลยาโน ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว กล่าวว่า การที่สมเด็จพระสังฆราช ไม่ยอมเข้าร่วมประชุมมหาเถรฯ ถือว่าพระองค์ ทรงลงพรหมทัณฑ์คือเลิกยุ่ง เกี่ยวกับกลุ่มชนที่ไม่ดูแลพระธรรมวินัย ไม่มีใครดื้อด้านเท่านนี้อีกแล้ว และไม่มียุคไหน การเมือง รวมถึงผู้มีหน้าที่ เกี่ยวข้องจัดการ กับพระสำนักเดียวไม่ได้ ชาวพุทธควรยึด เอาพุทธประวัต ิเป็นแนวทางในการรักษา พระศาสนาด้วยความสันติ คือรวมตัวกันคว่ำบาตรไม่สนใจ เลิกยุ่ง เลิกเชิญ ไม่ไปสุงสิง กับพระที่สนับสนุน ลัทธินอกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระระดับไหน

"เหมือนกับหัวไปทาง ตัวไปทาง ท่านเหมือนหัว มหาเถรฯเหมือนตัว ไปทางเดียวก็จบ ประกาศเลยว่าไปเอาไว้ไม่ได้ แต่ตอนน ี้เหมือนเอาไชยบูลย์ไม่เอาศาสนา ชาวพุทธต้องเลือกเลือกคว่ำบาตรได้"

พระพยอมกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีกลุ่มคนอ้างเป็นชาวพุทธฟ้องจับอาตมา คงเป็นกลุ่มแม่ยกไชยบูลย์ ด้วยเหตุที่ อาตมาไปปรารภว่า ถ้าเป็นสังฆราช จะลาออกจากประธานมหาเถรฯ ไม่ได้บอกว่าจะลาออกจากการเป็นพระสังฆราช ไม่ถือเป็นการดูหมิ่น และเชื่อว่าพระองค์เข้าใจ ไม่ต้องชี้แจงเพิ่ม

"ตลอดเวลา ที่ผ่านมา อาตมาเคารพ นับถือในพระสังฆราชตั้งแต่ต้น ท่านเคยช่วยเหลือปัจจัยให้อาตมา 1 ล้านบาททำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะไปเทศน์ที่ไหนอาตมา ก็ยึดมั่นในคำว่า รักไหนหลวง ห่วงศาสนา บูชาสังฆราช ขจัดไชยบูลย์ มาตลอด การที่มีผู้หญิงคนหนึ่ง พูดว่าพระพยอม ทำลายศาสนามานานแล้ว ถ้าตำรวจเรียกไปสอบ พร้อมให้ข้อมูล ตามความเป็นจริง คงเป็นพวกแม่ยกไชยบูลย์ ทำไมไม่ระบุเลยว่าอาตมา หวังลอบปลง พระชมน์ให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าอาตมาติดคุกเพราะกรณีหมิ่นประมาท จะจูงไชยบูลย์ไปด้วย "

ขณะเดียวกัน ได้มีใบปลิว โจมตีพระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยด้วย ซึ่งใบปลิวดังกล่าว เป็นพวกเดียวกับแก๊งนรกสนับสนุนธรรมกาย มั่นใจ21พ.ค.พบข้อยุติ

ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ช่วยงานสมเด็จพระสังฆราช วัดญาณสังวราราม หรือรู้จักดี ในนามศิษย์ห้องกระจกกล่าวว่า การที่สมเด็จพระสังฆราช ไม่เข้าประชุมมหาเถรฯ เพราะท่านได้ตรัสว่าทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว และไม่ทราบว่า การที่นายพิภพ มาเข้าเฝ้าจะให้ไปร่วมประชุมมหาเถรฯหรือไม่ แต่จะเอาท่าน ไปย่ำยีได้อย่างไร ท่านทำหน้าที่แล้วแต่เขาไม่ยอมทำ การที่ท่านยกนิทาน ชาดกสมัยพุทธกาลให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว ไม่มีใครฟัง จึงไม่ต้องการอยู่ในหมู่คนพาล แยกมาพระองค์เดียว เหมือนเหตุการณ์ตอนนี้ที่ไม่เข้าประชุม

ผู้สื่อข่าว รายงานด้วยว่า นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร จากนั้นได้มีการ แจกเอกสารให้ประชาชน และสื่อมวลชนเป็นข้อความตัดตอน จากหนังสือ"พุทธวจนะในธรรมบท" ที่มีใจความว่า "คนทรามปัญญา มีความเห็นผิด ติเตียนคำสอน ของเหล่าพระอริยะผู้อรหันต์ ผู้มีชีวิตอยู่โดยธรรม เขาย่อมเกิดมา เพื่อฆ่าตัวเขาเอง เหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ฉะนั้น" ส่วนข้อความ ที่นายเสฐียรพงษ์ ลงนามถวายพระพร คือ"เกล้ากระหม่อม ขอกราบแทบพระบาท ถวายพระพร และให้กำลังพระทัยใต้ฝ่าพระบาท ในการปกป้องพระพุทธศาสนา ให้สถิตย์สถาพร เป็นหลักชัย ของพุทธศาสนิกชนไทยสืบไป และจะดำเนินการ สนองพระวินิจฉัยอันชอบ ด้วยพระธรรมวินัย ที่ประทานลงมา ให้ปฏิบัติสุดความสามารถ"

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศิษย์วัดบวรฯประเมินว่าในวันที่ 21 พ.ค.นี้การแก้ปัญหา นายไชยบูลย์จะมีความชัดเจนมากขึ้น และน่าจะมองเห็นข้อยุติ เพราะมีสัญญาณ บางประการแสดงออกมาชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ และตำรวจเดินทาง มาลงนามถวายพระพร อย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้น มาก่อนที่เป็นเพียงความเคลื่อนไหวภายนอก แต่ความเคลื่อนไหว ที่ไม่เปิดเผยเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบและจะส่งผลฉับพลัน

พระสุพรรณฯโดดอุ้มเดียร์ถีย์

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สำหรับกรณีที่พระครูสุวรรณวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดสกุลปักษี อ.เมือง สุพรรณบุรี ประธานโรงเรียน พระปริยัติธรรมกลุ่ม 5 จะจัดประชุมสัมมนาคร ูและนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม 1 หมื่นรูป ที่พุทธมณฑลในวันที่ 20 พ.ค.นี้ แต่ถูกห้ามไปก่อนนั้น ความต้องการ ของพระครูสุวรรณวชิรธรรม คือต้องการสนับสนุน วัดพระธรรมกาย และนายไชยบูลย์อย่างชัดเชน โดยไม่ได้สำนึกถึงลายพระหัตถ์ ของสมเด็จพระสังฆราช ที่เป็นพระประมุขสงฆ์ แม้แต่น้อยที่ทรงใช ้พระธรรมวินัยตัดสินแล้วนายไชยบูลย์เป็นพระปลอม

ก่อนหน้า การสัมมนาเมื่อวันที่ 12 พ.ค.พระครูวชิรธรรมเพิ่งไปให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ"ชิตังเม"ของวัดพระธรรมกาย สนับสนุนวัด อย่างเต็มที่โดยกล่าวว่า วัดพระธรรมกายช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก มีสื่อมวลชน บอกขอสัมภาษณ ์และบอกให้อาตมา ระบุว่าวัดพระธรรมกายว่าจ้าง แต่อาตมา ไม่ยอม สื่อต่าง ๆ ไม่ลงตามความจริงตามที่ให้สัมภาษณ์� อย่างวัดพระธรรมกาย น่าจะเชียร์ แต่กลับไปด่าคนดี ธรรมกายเป็นวัด เป็นแบบอย่างได้ สำหรับพระครูสุวรรณวชิรธรรม คือพระที่ไปขอเงิน จากนายไชยบูลย์ให้มาช่วยให้ทุนการศึกษาเด็กนักเรียน และเป็นวัดแรก ๆ ที่ประกาศตัวเข้าร่วม ตอบปัญหาธรรมะ ทางก้าวหน้าในงานวันเกิดปีที่ 55 ของนายไชยบูลย์ การตอบปัญหาธรรมครั้งนั้น ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่าหนังสือพระแท้ ที่ใช้เป็นคู่มือตอบปัญหาขัดกับคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน แต่พระ-เณรส่วนใหญ ่ที่ไปก็เห็นแก่เงินที่จะได้รับ

"ชิตังเม"�เนื้อหาพันใบปลิวนรก

ผู้สื่อข่าว รายงานอีกว่า สำหรับรายการ"ชิตังเม" ยังมีการเผยแพร่ข้อความที่มุ่งลบล้างพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช โดยเฉพาะ เรื่องการถือครองที่ดิน ของนายไชยบูลย์ที่มีการอ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าภิกษุ สามารถถือครองที่ดินได้ และเนื้อหา ของรายการไปเหมือนกับใบปลิว แก๊งนรกที่กำลังออกมาในขณะนี้อย่างไม่น่าเชื่อ นับตั้งแต่ใบปลิวแรกที่อ้างเป็นนักฎหมาย รวมถึง ใบปลิวล่าสุดที่เกลื่อนเมือง

หวั่นสงครามศาสนา

ในวันเดียวกัน เวลา 10.00น. นายเด่น โต๊ะมีนา ส.ส.ปัตตานี พรรคความหวังใหม่ ในฐานะประธาน กรรมาธิการการศาสนาฯ แถลงภายหลังการประชุมว่าว่า ฝ่ายกฎหมายกรรมาธิการรวบรวมประเด็นปัญหาธรรมกายใน 6 ประเด็นคือศาล มีอำนาจ พิจารณาคดีนี้หรือไม่, พฤติกรรมของนายไชยบูลย ์เข้าข่ายปาราชิกหรือไม่, ความผิดทางอาญาของนายไชยบูลย ์มีอะไรบ้าง ,พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 และคำพิพากษา ฎีกาที่ 2003-2005/2500 เรื่องความผิดต่อหน้าที่ราชการกรณีรับสินบน ซึ่งกรรมาธิการ จะพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ และจะบันทึกเหตุการณ์ประจำวันของสื่อมวลชนเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายมาพิจารณา เพื่อเสนอ ฝ่ายบริหารต่อไป นอกจากนั้นได้ตั้งคณะทำงาน 1 ชุดติดตามการดำเนินงานเชิงรุกมากขึ้น และจะเชิญ นายปัญจะ เกสรทอง นายอาคม เอ่งฉ้วน รมว.และรมช.ศึกษาธิการ อธิบดีกรมการศาสนา มาชี้แจง เพราะบางเรื่อง ฝ่ายบริหารดำเนินการ เอาผิดตามกฎหมายได้เลยแต่ไม่ทำ

นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ฤาชัย เลขานุการกรรมาธิการฯ กล่าวว่าการพิจารณาของคณะกรรมการ มหาเถรฯยังไม่มีการใช้ พระธรรมวินัย มาดำเนินการ เพียงแต่ใช้กฎหมาย จนทำให้ประชาชนแคลงใจ และควรนำพระวินัย มาทำตามลายพระหัตถ ์พระสังฆราช หากปล่อยให้ยืดเยื้อ มีใบปลิวออกมาโจมตี จะกลายเป็นสงครามของพุทธศาสนา ยิ่งปล่อยนาน จะกลายเป็นปัญหาทางการเมือง รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยตรง