ต้านธรรมกายใกล้เห็นเลือด อดีตศิษย์โล้นเหลืองลั่นคำกรีดเลือดประท้วงหลังสำนึกหลงกลเดียรถีย์ ขู่มหาเถรฯ ถ้าไม่รู้สึกจะบุกธรรมกาย จับถอดผ้าเหลืองเอง "อาคม"เพิ่งร ู้ถูกแหกตา หลอกโอนที่รอบแรก 139 ไร่ แต่ขาดหลักฐาน สำคัญโอนไม่ได้สักวาเดียว แถมอีกพันไร่ไม่รู้จะเสร็จชาติไหน ส่ง"พิภพ"เข้าวัด ขู่หากไม่กำหนด ขั้นตอนแน่ชัดจะฟ้องจับสึก โฆษกรัฐบาล อัดกรมศาสนาทำผิดขัดมติครม. ปลัดศธ.ยังอุ้มอธิบดีบอกไม่มีความผิด หลานหลวงพ่อสดโวย วัดฉาวอ้าง นั่งทางใ นคุยกับหลวงพ่อสดเป็นประจำหวังกลบปัญหาอมที่ดิน เจ้าของที่ 5 แปลงสุพรรณฯมาแล้วฟ้องปาราชิก เจ้าคณะปทุมฯ บอกชัดทำได ้แค่รวบรวมเอกสาร เสนอพระพรหมโมลีพร้อมกับย้ำไม่ปลด"ไชยบูลย์"จากเจ้าอาวาส รมช.ศึกษาธิการ ซื่อบริสุทธิ์ออกไปรับดอกไม้ จากม็อบห้อย"พระดูดทรัพย์" ยกขบวนมาเชียร์ กองทัพบกแสดงจุดยืนต้านแล้ว ข้อเสนอให้สมเด็จพระสังฆราช ทรงลาออกกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด "เสฐียรพงษ์"ยันไม่เคยเสนอคิดไปเอง

ความเคลื่อนไหว ในการถอดผ้าเหลือง ออกจากร่างพระปลอม"นายไชยบูลย์ สุทธิผล" มาถึงขั้นตอนสำคัญเมื่อนางสาลี่ เพ็ชร์ชูดี ชาวบ้านสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เดินทางมาพบ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อฟ้องร้องข้อหา ปาราชิกยักยอกที่ดิน ตามกฎนิคหกรรมในวันที่ 18 พ.ค.นี้

คนสุพรรณฯมาแล้วฟ้องปาราชิก

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมานายประเสริฐ วรรณศิริ บุตรเขยนางสาลี่ กล่าวว่าในวันอังคารที่ 18 พ.ค.ตน และครอบครัว มาฟ้องร้องขอความเป็นธรรม กับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อเอาความผิดในข้อหาปาราชิกฉ้อโกงที่ดิน โดยนางสาลี่ บริจาคที่ดิน ให้วัดพระธรรมกายเพียง 1 ไร่ แต่ได้มีการทำเอกสาร เป็นสัญญาซื้อ-ขายที่ดินแทนถึง 3 ไร่ รวมที่ 5 แปลง โดยนางสาล ี่ไม่ทราบเรื่องที่สำคัญที่ทั้งหมดมีมูลนิธิธรรมกายเป็นผู้ซื้อ

"ในวันน ี้ผมได้ออกจากบ้าน แต่เช้าเข้าไปที่สำนักงานที่ดินอำเภอสองที่น้อง เพื่อขอถ่ายเอกสารและคัดสำเนาโฉนด ในสัญญาซื้อ-ขายที่ดิน ที่นางสาลี่มอบอำนาจให้ตน ดำเนินการหาเอกสาร แต่ไม่วาย จะถูกเจ้าหน้าที่ทีดิ่นบางคน ที่วัดพระธรรมกาย ใช้อำนาจเถื่อน และอำนาจเงินทำการยื้อขั้นตอน ไม่ให้ได้รับความสะดวก แต่ลงนาม รัรบรองเอกสารอย่างเดียว ก็ครึ่งวันแล้ว แค่นี้ก็เห็นชัดว่าเป็นอะไร ไม่ต้องพูดกันมาก"

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า นอกจากที่ดินของตนยังมีที่ดินของครอบครัว"มีแก้วน้อย" ที่ถูกหลอก โดยที่ดินดังกล่าว เป็นของหลวงพ่อสด จันทสโร วัดปากน้ำ และตกทอดถึงนายใส มีแก้วน้อย น้องชาย ต่อมานายใส เสียชีวิต โดยไม่โอนที่ดินให้ใคร ทำให้ที่ดินผืนนี้มีผู้รับมรดกคือนางละออ ,นายณรงค์ และนายฉลอม มีแก้วน้อย 3 พี่น้อง และวัดได้ใช้เล่ห์เหลี่ยม อุบายจนทำให้คนในตระกูลนี้ต้องมอบที่ดินให้ทางวัด และได้โอนสิทธิเป็นสัญยาซื้อ-ขายให้มูลนิธิ มีค่าตอบแทนคนละ 3 แสนบาท จากนั้นยังล่อหลอกให้มีการทำบุญให้ทางวัดคืนอีก 1.5 แสนบาท ซึ่งนายธานี มีแก้วน้อย บุตรชายนายณรงค์-นางเจริญ มีแก้วน้อย กำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อเล่นงาน เดิมทีในวันที่ 18 พ.ค.นี้นายประเสริฐ นัดกับนายอุดม ศุภสินธุ์ หัวหน้าคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน และนายนพดล พงษ์โรจน์ ตัวแทน ของสภาทนายความไว้ เพื่อทำการสอบสวนหาหลักฐานเพิ่ม ก่อนที่จะฟ้องร้องดำเนินคด ีกับนายไชยบูลย์ในคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกง ปรากฎว่า นายอุดมโทรศัพท์เลื่อนนัดอีก 2-3 วัน เนื่องจากต้องไปว่าความที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่นายประเสริฐยืนยัน จะมาฟ้องข้อหาทางธรรมไปก่อน อ้างนั่งทางในคุยหลวงพ่อสด

ทางด้าน นายธานี มีแก้วน้อย หลานหลวงพ่อสด จันทโสร ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้ง ว่าได้รับความเดือดร้อน จากวัดพระธรรมกายฉ้อโกงที่ดิน ของตระกูล โดยนายไชยบูลย์ เป็นผู้ไปเกลี่ยกล่อมมารดา ของตนให้บริจาคที่ดินจำนวน 2 ไร่ 3 งานให้กับวัดเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานหลวงพ่อสด โดยตกปากรับคำว่า จะหาที่ดินใหม่ ให้อยู่เป็นการแลกเปลี่ยน รวมถึงจะรื้อบ้าน ของตระกูลจำนวน 3 หลังไปปลูกให้ใหม่ด้วย แต่ปรากฎว่าเมื่อบริจาคแล้วกลับไปโอนให้บุคคลอื่น และกลับรื้อถอน บ้านของตน ยึดไม้ทั้งหมดไป

"คิดดูบ้านเก่า ของตระกูลผม เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง อย่างหลังเล็กสุดไม้กระดานก็กว้างถึง 15 นิ้วแล้ว หาไม่ได้อีก หรืออย่างเรือขายข้าว ที่หลวงพ่อสด เคยใช้ขายข้าว ช่วงเป็นฆราวาสก็เอาไปไม่เหลือ"

นายธานีกล่าวว่า ตนยื่นคำขาดให้วัดจัดการกับปัญหาทั้งหมด โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา พี่สาวของตน ก็เดินทางเข้าวัดพระธรรมกายและ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เปิดให้ครอบครัวของตนได้พบ โดยมีการขอผลัดผ่อนจนถึงสิ้นเดือน นอกจากนั้น ยังอ้างด้วยว่าได้นั่งสมาธิไปคุยกับหลวงพ่อสดทุกวัน ตนเลยฝากที่สาวถามว่า ถ้านั่งสมาธิไปเจอหลวงพ่อสดจริง แล้วหลวงพ่อสด ไม่ถามบ้างเหรอทำไมถึงมาทำร้ายลูกหลานกูอย่างนี้

ปัญหาที่ดินที่สุพรรณบุรี นายธานีกล่าวว่าเกิดจากความต้องการได้ที่ดินของธัมมชโย โดยอาศัย แรงศรัทธา ของชาวบ้านบางครอบครัว หรือบางคนมีผลประโยชน์ ในการขายที่ดิน การถมที่ จึงได้มีการติดต่อ ชักชวนเพื่อนบ้าน หรือญาติ ๆ ให้บริจาคที่ดิน โดยอ้างว่าให้วัด แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ไปทำเป็น สัญญาซื้อ-ขาย และโอนให้คนอื่นไม่ใช่วัด ถือเป็นการโกงกันชัด ๆ

นายธานีกล่าวอีกว่าว่า นอกเหนือครอบครัวของตน,นางสาลี่ แล้วยังมีครอบครัวของนายจุ๊น สุขเจริญ ซึ่งเป็นหลาน ของหลวงพ่อสดเช่นกัน ที่ถวายที่ดินให้วัดราว ๆ 3 ไร่ แต่กลับไปทำสัญญาซื้อ-ขายยกให้คนอื่น สุดท้ายโชคดี ที่ครอบครัว นายจุ๊นมีลูกหลานเป็นตำรวจ เลยไปบอกกับวัดว่า ถ้าไม่มาจัดการจะแจ้งความจับ วัดเลยต้องรีบหาที่ดิน เอาเงินมาชดใช้ ให้เพราะเจอของจริงเข้าไป

โกหกที่ดินเพชรบูรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายไชยบูลย์พยายามเล่นแง่ไม่ยอมโอนที่ดินให้วัดโดยเฉพาะที่ดินแปลงมหึมาที่จ.พิจิตรจำนวน 155 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา กับที่จ.เพชรบูรณ์จำนวน 789 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา เนื่องจากที่ดินเหล่านี้ นายไชยบูลย์ซื้อ เพื่อทำเหมืองทอง และขณะน ี้ชาวบ้านกำลังตื่นทองคำ โดยเฉพาะที่จ.พิจิตร บริเวณเขาพนมพา อ.วังทรายพูน

การบิดเบี้ยว ไม่ยอมโอนที่ดินนี้ นายไชยบูลย์ให้สาวกคนสนิทออกมาให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มสาวกไปกว้านซื้อที่ดินมา และบริจาคให้ นายไชยบูลย์ อาทิที่ดินที่เพชรบูรณ์ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นการกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะเอกสาร จากสำนักงานที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ระบุชัดว่าที่ดินทั้งหมดนายถาวร พรหมถาวร เป็นผู้รับมอบอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ของนายไชยบูลย ์ให้ไปซื้อที่ดินจากชาวบ้านรวม 37 แปลง และมีชื่อนายไชยบูลย์เป็นผู้ซื้อชัดเจน ไม่ใช่การบริจาค เหมือนกับที่อ้าง นอกจากนั้น ขณะนี้ที่ดินที่เพชรบูรณ์ยังไม่มีการติดต่อที่จะโอนให้วัดเลย

สมาคมพุทธยื่นฟ้อง20พ.ค.

ที่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภา ยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะ ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมฯ และผู้แทนองค์กร ทางพระพุทธศาสนา การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาสังคม รวมจำนวนทั้งสิ้น 224 องค์จะเข้าพบ พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่วัดมูลจินดาราม จ.ปทุมธานี ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ เพื่อกล่าวหาให้ลงนิคหกรรมธัมมชโย หรือนายไชยบูลย์ เพราะมีหลักฐานความผิด ตามพระธรรมวินัย ต่างกรรมต่างวาระในหลายเรื่อง อันเป็นโลกวัชชะ เป็นอาจิณ โดยมีการตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วยพระภิกษุ และฆาราวาส ที่เชี่ยวชาญ ทางพระธรรมวินัย พิจารณาแล้วพบว่าผิดจริง

ทั้งนี้ ความผิดที่มีหลักฐานประกอบด้วย 4 หมวด คือ 1.อวดอุตริมนุสสธรรม ต้องอาบัติปาราชิก 2.ซื้อขายที่ดินเนืองๆ ต้องอาบัตินิสสัคคิย ปาจิตตีย์ 3.หว่านล้อม เรี่ยไร ให้คนบริจาคเงินเป็นอาจิณ เป็นมิจฉาอาชีวะของพระภิกษุ ผิดวินัย หรือผิดศีลธรรม หรือเรียกอีกอย่างว่าอเนสนา คือการหาเลี้ยงชีพ ในทางที่ไม่สวมควรแก่ภิกษุ เช่นหลอกลวงเขา ด้วยการอวดอุตริมนุสสธรรม ออกปากขอต่อคนที่ไม่ควรขอ ใช้เงินลงทุนหาผลประโยชน์ต่อลาภด้วยลาภ ทั้ง 3 หมวดนี้ผิดพระวินัย และ 4.สอนผิดพระธรรม เป็นสัทธรรมปฏิรูป

เมื่อเจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีรับเรื่องแล้วจะต้องส่งให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 พิจารณาแต่งตั้งพระ ขึ้นมาเป็นโจทย ์กล่าวหาแทน เชื่อว่ากระบวนการพิจารณา จะเป็นธรรมไม่มีการช่วยเหลือกัน ส่วนระยะเวลานั้นหวังว่าจะเสร็จใน 1 เดือน หากทุกฝ่ายเร่งรัด ดำเนินการ เพราะเอกสาร ทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

นอกจากนี้ นายสมพรยังได้ตอบโต้นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย กรณีที่ระบุว่า สภายุวพุทธิกสมาคมฯ กดดันให้ถอดถอนสมณศักด ิ์ธัมมชโยโดยใช้อารมณ์ โดยนายสมพรยืนยันว่า ไม่เคยดำเนินการ โดยใช้อารมณ์ และไม่เคยเสนอหรือสนับสนุน ให้ใช้กฎมหาเถรฯข้อ 24 เพื่อ ถอดถอนสมณศักดิ์ เพราะเท่ากับ ยอมรับว่า นายไชยบูลย์ ยังเป็นพระอยู่ ทั้งที่ความเป็นจริงขาดจากความเป็นพระแล้วโดยพฤตินัย

"ผมเป็นอธิบดี ที่บริสุทธิ์ ไม่เคยถูกกล่าวหา และมีความอาวุโสด้อยกว่าด้วย ขอฝากผ่านหนังสือพิมพ์ ว่าคุณผ่องอย่ามาว่าผม ทำอะไรโดยใช้อารมณ์"

นายสมพร เปิดเผยด้วยว่า ได้มีจดหมายลึกลับส่งมาถึงตน คาดว่าเป็นของศิษย์วัดพระธรรมกาย โดยเขียนมาบอกว่า ให้ยุติการกล่าวหา ให้ลงนิคหกรรมธัมมชโย และระบุว่า ตนถูกหลอกให้ร่วมกระบวน การทำลายธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย ขอโอกาสให้วัดพระธรรมกายได้ปรับปรุงแก้ไข ซึ่งขอฝากขอบคุณเจ้าของจดหมาย สำหรับคำเตือน และคำชี้แนะ แต่อยากบอกว่าทุกสิ่งที่ได้ดำเนินการผ่านการหารือกับผู้รู้มาอย่างรอบคอบแล้ว ส่วนที่ขอโอกาส ปรับปรุงแก้ไขคิดว่า เวลาล่วงเลยมาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่สามารถให้โอกาสได้อีก

"ไม่ได้มีเจตนา จะกลั่นแกล้ง วัดพระะรรมกายและเจ้าอาวาสแต่อย่างใด เราให้โอกาสแล้วแต ่ท่านไม่เคยคิด กลับตัวกลับใจเลย แม้แต่มติมหาเถรสมาคม 4 ข้อที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยปฏิบัติตาม"

เจ้าคณะปทุมแค่รวมหลักฐาน

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่วัดมูลจินดาราม จ.ปทุมธานี ได้มีสื่อมวลชน จำนวนมากไปรอทำข่าวการ ยื่นฟ้องนายไชยบูลย์ ตามกฎนิคหกรรม ซึ่งพระสุเมธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัด มูลจินดาราม และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่านายสมพร โทรศัพท์มาเลื่อนนัด การฟ้องร้อง เพราะมีหลักฐานและเอกสารมาก และจะหารือกับ สภาทนายความ เพื่อมาฟ้องพร้อมกันด้วย

"ปัญหาวัดพระธรรมกาย ยังไม่มีใครมาเป็นโจทก์กล่าวหา ส่วนการที่จะถอด จากตำแหน่งเจ้าอาวาสชั่วคราวนั้น คงทำไม่ได้เพราะ การปกครองสงฆ ์จะให้เหมือนกับทางโลกไม่ได้ ส่วนลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช ไม่ขอวิจารณ ์เพราะเป็นของสูง แต่เมื่อประมาณกลางสัปดาห์ก่อน มีคนโทรศัพท์มาอ้างเป็นเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราชให้ไปเข้าเฝ้า อาตมาเตรียมตัวอยู่แล้ว เกิดเอะใจตรวจสอบอีกครั้งก็พบว่าไม่ใช่ ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร"

อย่างไรก็ตาม พระสุเมธาภรณ์กล่าวว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นพระระดับชั้นราช อาตมาเป็นเพียงเจ้าคณะจังหวัด หากมีการร้องเรียน ก็จะเรียกมาสอบสวน หากยอมรับผิดก็จะดำเนินการตามวินัยสงฆ์ ถ้าไม่ยอมรับ ก็จะทำได้แค่รวบรวมหลักฐาน เสนอต่อยังเจ้าคณะภาค 1 ไปพิจารณา แล้วเสนอมหาเถรฯ ต่อไป ผู้สื่อข่วรายงานว่า ในวันนี้ได้มีเจ้าหน้าท ี่มูลนิธิธรรมการแฝงตัวมาในกลุ่มผู้สื่อข่าวด้วย

ฮึ่มพระเป็นฝ่ายค้านฟ้องแล้ว

นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีพระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พูดถึงท่าทีของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกายว่า รัฐบาล หรือพรรคประชาธิปัตย ์มีส่วนได้เสียกับผลประโยชน์ ของวัดเพื่อนำไปใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และกล่าวหานายกรัฐมนตรีว่า ลอยอยู่เหนือปัญหาเป็นเจ้าหลักการไปตามกระแสว่า เรื่องนี้หากเป็น การกล่าวหา ของของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน อาจจะต้องมีการฟ้องร้องกัน ตามหลักศาสนาแล้วพระมหาบุญถึงคงจะเข้าใจดี

รัฐบาลเข้าใจ และให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีได้ดูแลการทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ ไม่ว่าใครจะเกี่ยวข้องกับใคร หากไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยต้องปฏิบัติ ตามมติมหาเถรสมาคม เร่งให้ดำเนินการตามชอบธรรม

"ความล่าช้านั้น ต้องตำหนิหลายฝ่ายที่ไม่นำมติครม.และมติของมหาเถรฯไปปฏิบัติให้เป็นจริง ส่วนข้อเสนอ จากพระสงฆ์บางรูป ต้องการมห้รัฐเข้าไปแทรกแซงในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คงต้องดูด้วยว่าจะทำได้แค่ไหน ขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลย ซึ่งรัฐบาลเอง ก้ต้องการให้เรื่องนี้จบลง โดยเร็วเหมือนกัน"

ย้ำชัดโอนที่ดินขัดมติครม.

ปัญหาของวัดพระธรรมกาย ที่มีอยู่ในเวลานี้ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือเรื่องของการโอนที่ดิน กับเรื่องการ ต้องโทษปาราชิก ตามลายพระหัตถ ์ของสมเด็จพระสังฆราช ในเรื่องที่ดินนั้นครม.ได้มีมติให้ไปปฏิบัติแล้ว ส่วนในเรื่องของปาราชิกนั้น มหาเถรฯก็ได้มีการประชุมพิจารณาแล้วเช่นกัน ต้องดูกัน ว่าจะทำกันได้อย่างไร แต่ยืนยันได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ถ่วงเวลา เพียงแต่ต้องการทำให้ถูกต้องตามกระบวนการที่สามารถยึดเหนี่ยวได้

สำหรับกรณีที่นายอาคม ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนพัวพันกับเงิน 150 ล้านบาท และเรื่องความล่าช้า ของอธิบดีกรมการศาสนา ในการเข้ามาประสานงานการแก้ไขปัญหานั้น นายอาคมได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากใครสงสัย ก็พร้อมชี้แจงทุกประเด็น และสามารถตรวจสอบได้เสมอ ส่วนการทำงานล่าช้า ของอธิบดีกรมการศาสนานั้น อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่ควรนำปัญหาไปติดยึดกับรัฐมนตรีหรืออธิบดีกรม เพราะหากเปลี่ยนตัว แล้วทุกอย่างดีขึ้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีอย่างนี้ไม่ใช่มีแตัปัญหาวัดพระธรรมกายเท่านั้น

ทบ.ออกเอกสารโต้ธรรมกาย

ผู้สื่อข่าว รายงานจากกองทัพบกว่า หลังจากเกิดกรณีอื้อฉาววัดพระธรรมกาย รวมถึงกรณีท ี่ทางวัดมีการสอนว่านิพพาน เป็นอัตตาเป็นรูปธรรม มีสถานที่มีตัวตนนั้น เอกสารข่าว ทบ. ฉบับวันที่ 18 พ.ค. 2542 ได้มีการเขียนถึงเรื่องนิพพาน โดยผู้เขียน ใช้นามปากกาว่า "บุญยิ่ง ศรีพิจิตร" และมีการระบุว่า ขณะนี้ทหารหลายคนสงสัย ในเรื่องนิพพานกันมาก ทั้งนี้ ผู้เขียนระบุว่า นิพพานนั้นเป็นอนัตตา เป็นนามธรรม เป็นธรรมชาติของจิตที่สงบเยือกเย็นบริสุทธิ์ ปราศจากตัณหา กิเลส โลภ โกรธ หลง ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นใหญ่ อยากเด่นดัง นิพพานไม่สามารถได้มาด้วยการเสียพลังทรัพย์ อย่าเชื่อ โดยไม่ได้ศึกษาด้วยตนเอง ใครสอนอย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ถูกหรือผิดไม่รู้ มีเพียงศรัทธา แต่ปราศจากปัญาไตร่ตรอง รับรองว่า ไม่พบกับนิพพาน ถ้าอยากรู้ว่า ใครเป็นพุทธแท้พุทธเทียมก็ให้สำรวจตนเองด้วยความดังกล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทัพบก หรือตัวผู้บัญชาการทหารบก ยังไม่เคยกล่าวแสดงจุดยืนในความคิดเห็น ต่อวัดพระธรรมกายมาก่อน เพิ่งจะมีเอกสารข่าว ทบ.ในครั้งนี้ที่ระบุความเห็น อย่างชัดเจนออกมา

พ.อ.อนุตร ธรศรี ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบ ต้นสังกัดของจ.ส.อ.(พิเศษ)เทียนชัย ชะตารัตน์ หัวหน้าทีมรปภ.ของวัดพระธรรมกายแอบอ้างว่าอยู่ที่ร.1พัน 4รอ. และทำร้ายนักข่าว ที่เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของวัด ซึ่งข้อมูลปรากฎว่า จข.ส.อ.เทียนชัย เดิมสังกัด ที่กองทัพทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 162 (ร.162 พัน 1) จ.ประจวบคีรีขันธ์แต่ลาออกไปแล้ว ขณะน ี้เป็นยามที่ องค์การทหารผ่านศึก

การแอบอ้างดังกล่าว พ.อ.อนุตรกล่าวว่าทำให้ร.1พัน 4รอ.เสื่อมเสีย เพราะเป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ ถือว่าทำให้ระคายเคือง เบื้องพระยุคลบาท และจะทำหนังสือ ไปยังหน่วยต้นสังกัดที่องค์การทหารผ่านศึก ให้ตักเตือน หรือลงทัณฑ ์ไม่ให้แอบอ้างอีก ทำให้กองทัพบก เสียชื่เสียงด้วย ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพแล้ว

กรีดเลือด-บุกจับไชยบูลย์สึก

ที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อเวลา 7.00น. นายหัสสชัย ไตรโภคสมบัติ อ้างตัวเป็นนักธุรกิจได้นุ่งชุดขาว ถือดอกไม้ธูปเทียนแพ เพื่อขอเข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราช แต่ถูกเจ้าหน้าที่กันไว้ โดยนายหัสสชัยกล่าว่า จะขอให้สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ และขอเรียกร้องให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี จัดการปัญหา วัดพระธรรมกายอย่างเร่งด่วน

ขณะเดียวกันนายทินกร รัตนกุสุม เลขานุการฝ่ายฆราวาสในสมเด็๗รพะสังฆราชกล่วว่ามีกลุ่มพุทธสาสนิกชน ลูกเสือชาวบ้าน ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแสดงความเห็นห่วง สมเด็จพระสังฆราช เห็นได้จากเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา มีลูกเสือชาาวบ้านจากชลบุรีกว่า 700 คน เดินทางมาสนับสนุน ลายพระหัตถ์ และถวายกำลังใจ เพราะเกรงว่า ปัญหาดังกล่าว จะบานปลาย โดยเฉพาะวัดพระธรรมกายจะยกตัวสู่องค์กรพุทธในระดับสากล เช่นการมีองค์กร เข้าไปอยู่ในสังกัด องค์การสหประชาชาติ โดยมองข้าม พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่ดูแลพระธรรมทูต ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ ศาสนาในต่างประเทศ

"เป็นที่ทราบว่า ไทยเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธในโลก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไม่ได้รับการแก้ไข น่าห่วงมาก ตรงกับที่บุคคล ระดับสูงในประเทศ เคยตระหนักว่า วัดพระธรรมกายจะกลายเป็นหอกข้างแคร่พระศาสนา โดยเฉพาะเจ้าอาวาส ในการเผยแพร่ศาสนา ซึ่งเป็นจริง"

ต่อมาเวลา 13.20 น. บริเวณสวนหย่อม 13 ห้าง ตรงข้ามวัดบวรฯ นายสอาด เนตรรุ้งนภา อาชีพรับเหมาก่อสร้าง อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกลับใจ ทำพิธีปลงผมประท้วงมติมหาเถรฯ โดยโกนหัวซีกซ้าย เพื่อไถ่บาปตัวเอง ที่ไปหลงงมงาย ทำบุญกับธรรมกาย จากนั้นโกมหัวซึกขวาประท้วงมติมหาเถรฯ นายอาคม และผู้บริหาร ของกรมการศาสนา ที่ไม่ยอมทำตามลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช

กลุ่มนายสะอาด ประกาศจะประท้วงทุกวัน ในเวลา 17.00 น. และในวันที่ 22 กลุ่มนายสอาดจะทำพิธีตัดแขน ตัดขานายอาคม และนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนา รวมถึงจะทำพิธีแขวนคอนายไชยบูลย์ โดยในวันที่ 28 พ.ค.หาก ยังไม่สึกธัมมชโย จะกรีดเลือดประท้วงและในวันที่ 29 พ.ค.จะบุกวัด พระธรรมกาย เพื่อเปลื้องจีวรเองหากไม่มีใครจัดการ

เสฐียรพงษ์žชี้อมรžเข้าใจผิด

ขณะเดียวกัน สำหรับกรณีที่มีข่าวว่านายเสฐียรพงษ์ วรรณปก และนายอมร รักษาสัตย์ 2 ราชบัณฑิต จะเสนอให้สมเด็จพระสังฆราช ลาออกจากตำแหน่งประธานมหาเถรฯ และออกจากการเป็น องค์ผู้ปกครองครองสงฆ์นั้น นายเสฐียรพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ความเข้าใจผิด และนายอมรก้ได้โทรศัพท ์มาขอโทษแล้ว

ทั้งนี้เรื่องเกิด มาจาก การที่ไปประชุมราชบัณฑิตเมื่อวันพุธที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นการประชุมกันปกติ ไม่ได้มีการพูดกัน ในเรื่องของวัดพระธรรมกายเลย เมื่อเลิกประชุมแล้วก็มาหารือกัน ก็ได้คุยกับราชบัณฑิตทั้งหลาย ถึงเรื่องที่จะมาสัมมนา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง "ถึงเวลาปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ไทย : บทเรียนจากกรณี ธัมมชโย" ในวันพฤหัสที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า มีแนวความคิดอยู่หลายข้อ ในเรื่องของการแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้เขียนเป็นเอกสารไว้ ซึ่งมีอยู่ข้อหนึ่งระบุว่า "หากสมเด็จพระสังฆราชทรงลาออกก็จะได้หมดปัญหา แล้วดูซิว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จะมีใครกระทบกระเทือนบ้าง"

"คุณอมร ก็ไปเข้าใจว่า ผมจะไปทูลสมเด็จพระสังฆราชให้ทรงลาออก วันที่สัมมนาผมก็ไม่ได้บอกเลยว่าผมจะไปทูล คิดดูซิว่า ผมเป็นใครจะไปเสนอให ้สมเด็จพระสังฆราชทรงลาออก แม้ว่าเราจะคิดก็ตาม ก็ได้แต่คิดเท่านั้น แต่เราไม่ทำ หรือว่าเราทำ พระองค์ก็ไม่ทำ ผมมิบังอาจไปเสนอพระองค์หรอก คุณอมรเข้าใจผิดไปเอง วันนี้ผมก็ถูกสอบถามมากเลย ในวันพรุ่งน ี้ผมและคุณอมร จะไปออกรายการที่ไอทีวี เพื่อความกระจ่าง"

"สังฆราชžลาออกยุ่งแน่

นายปรีชา สุวรรณทัต ส.ส.ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของรัฐบาล กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า การลาออก จากตำแหน่ง ประธานมหาเถรฯ นั้นคงกระทำไม่ได้ เพราะในมาตรา 12 ของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 บัญญัติไว้ว่า มหาเถรฯประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ โดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะ ทุกรูปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวนไม่เกิน 12 รูปเป็นกรรมการ

ข้อกฎหมายบัญญัติ ไว้ชัดเจนว่า ไม่สามารถกระทำได้ แต่เท่าที่ได้พูดคุยกันนั้น นายอมรต้องการเสนอให้ สมเด็จพระสังฆราช ลาออกจากตำแหน่งประธานสงฆ์ เนื่องจากเห็นว่าแม้ จะทรงมีลายพระหัตถ์ วินิจฉัย ความเป็นพระ ของนายไชยบูลย์แล้วว่าสิ้นสุด แต่มหาเถรฯกลับมีความเห็นเป็นอย่างอื่น เสมือนไม่มีความหมาย

"การลาออก จากตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราชเป็นเรื่องยุ่งยาก และไม่เคยมีการปฏิบัติมาก่อน ต้องนำความขึ้น กราบบังคมทูลฯ นอกจากนี้คณะสงฆ ์ต้องมีประมุขต้องมีสมเด็จพระสังฆราช ก็ต้องมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ขึ้นมาแทน จึงไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้โดยง่าย แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า เป็นความต้องการ ที่จะปลุกจิตสำนึก ของทุกคนมากกว่า เพื่อต้องการให้เห็นความสำคัญของสมเด็จพระสังฆราช"

เอาไหมสมเด็จเกี่ยวสังฆราช

ด้านนายสมพร เทพสิทธา ในฐานะประธานยุวพุทธิกสมาคมแห่งชาต ิกล่าวว่าความคิดนี้ อาจทำให้ประชาชน หมดความศรัทธา ต่อสถาบันราชบัณฑิต ที่ตนเป็นกรรมการอยู่ คนที่พูดออกมา อาจเพราะไม่ได้อ่านกฎหมายพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่ถ้าสมเด็จพระสังฆราช จะพ้นจากตำแหน่งประธานมหาเถรฯ ก็ต่อเมื่อต้องพ้น จากตำแหน่งพระสังฆราชด้วย และจะต้องให้พระเถระที่มีอาวุโสตามสมณศักดิ์รองลงมาเป็นแทน และองค์ประกอบ ของกรรมการมหาเถรฯ ยังอยู่ครบ โดยจะมีพระ ระดับสมเด็จเป็นกรรมการตามตำแหน่งเหมือนเดิม มีแต่เพียงกรรมการ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสังฆราชจำนวน 12 รูปที่ถอดถอนได้

"เหมือนกับจะปิ้งปลา ประชดแมว สุดท้ายแมวเอาไปกินหมด ผมได้คุยกับราชบัณฑิตหลายคนอาทินายประภาส อวยชัย ก็ไม่เห็นด้วย ที่นำไปพูดแบบนี้ ไม่ใช่มติหรือแนวคิดของที่ประชุม"

นายมาณพ ผลไพรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนา กล่าวว่าตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดให้สมเด็จพระสังฆราชลาออก เพราะกรรมกา รโดยตำแหน่งยังคงอยู่ และผู้ที่มีอาวุโสอันดับ 1 จะเป็นพระสังฆราชแทน โดยฝ่ายธรรมยุต คือสมด็จพระพุทธปาพนจบดี วัดราชบพิตร รองลงมาคือสมเด็จพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ทางที่ดีเร่งเรื่องนิคหกรรมดีกว่า หรือไม่ก็ให้ทรงม ีบัญชาปลดกรรมการที่ไดรับการแต้งตั้งออกไปดีกว่า

พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาจุฬาฯ กล่าวว่าหากสมเด็จพระสังฆราช ลาออกผู้ที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช แทนคือสมเด็จพุทฒาจารย์ วัดสระเกศ ที่อาวุโสสูงสุด ตามสมณศักดิ์ โดยสมเด็จที่อาวุโสกว่านี้ก็อายุมากไม่ก็ป่วย

มติมหาเถรฯดีแล้วแต่ต้องทำเร็ว

นายธงทอง จันทรางศุข อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงแนวทาง การแก้ไขปัญหา วัดพระธรรมกายว่า แนวทางที่มหาเถรฯ มีมติออกมานั้น คงยุติปัญหาได้ แต่ต้องทำให้รวดเร็ว

"ผมได้มีโอกาส อ่านหนังสือเก่าของสมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านทรงมี พระมหาวินิจฉัย เกี่ยวกับการต้องอธิกรณ์ ที่พระสงฆ์ทำผิดทั้งหลาย และประทานพระมติไว้ว่า เรื่องอธิกรณ์สงฆ์ จำเป็นที่จะต้องระงับ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากมีข้อสงสัยอยู่ว่าผิด หรือไม่ผิดก็ต้องทำให้กระจ่าง เพราะเป็นคุณ กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตัวผู้ถูกกล่าวหาเองถ้าบริสุทธิ์ ทำความกระจ่างได้โดยเร็วว่าผิดหรือถูก ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก จะทำให้ศาสนาผ่องแผ้วและปราศจากข้อระแวงสงสัยของคนทั้งหลาย คิดว่ากระบวนการ ทำให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย ก็ดีอยู่แล้ว แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องระยะเวลา อย่าให้ล่าช้า"

ต่อข้อถามที่ว่า หากใช้กฎนิคหกรรมจะต้องใช้เวลานาน นายธงทองกล่าวว่า ตามกระบวนการของศาลปกติแล้วมี 3 ชั้น แต่ละชั้นใช้เวลา 1 ปีถึงฎีกาก็ 3 ปี แต่ในหลายคดีที่มีหลักฐาน มั่นคงและศาลตุลาการเอาใจใส่ในเรื่อง สามารถเร่งรัด กระบวนการได้ ส่วนที่มีการเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาจัดการเรื่องนี้ คิดว่านายกรัฐมนตร ีก็ไม่มีอำนาจชี้ขาด อธิกรณ์ว่าพระนั้น ผิดหรือถูก แต่เป็นส่วนเสริมถวายความสะดวกต่างๆได้ ควรอาศัยกลไกของรัฐ คือกรมการศาสนา เป็นผู้เร่งรัดกรณีนี้จะดีกว่า

ห้อย"ดูดทรัพย์"หนุน"อาคม"

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันเดียวกัน ได้มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มอ้างเป็นตัว แทนสมาคมบัณฑิตรัตน ์และบัณฑิตพุทธ 50 สถาบันมารวมกันที่กระทรวงศึกษาฯมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจนายอาคม เอ่งฉ้วน รวช.ศึกษาฯ และนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาในการแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย โดยตัวแทนคนหนึ่งได้บอกให้ทั้ง 2 ยึดมั่นในมติมหาเถรฯ อย่าได้เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เต้นไปตามกระแส จากนั้นได้มีการ ขึงป้ายผ้าที่มีข้อความว่า "เคารพสมเด็จพระสังฆราช สนับสนุนมติมส. ต่อต้านผู้จาบจ้วงพระเถระ ชาวพุทธ ขอเป็นกำลังใจ ให้มหาเถรสมาคม โดยสมาคมบัณฑิตรัตน์และบัณฑิตพุทธ 50 สถาบัน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้หลายคนได้แขวนพระดูดทรัพย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดัง ของวัดพระธรรมกาย ที่มีการอวดอ้าง อานุภาพปาฎิหารย์ มาตลอดและจะให้เฉพาะบุคคล ที่ได้ร่วมทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวองค์ละ 1 หมื่นบาทขึ้นไป กับบริจาคสร้างมหาธรรมกายเจดีย์เท่านั้นด้วย ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า คงเป็นกลุ่มผู้สนับสนุน วัดพระธรรมกาย มาให้กำลังใจนายอาคมที่เตะถ่วงการแก้ไขปัญหาของวัดไว้

นายอาคมกล่าวว่า จะทำงานโดยยึดหลักความถูกต้อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่จะจัดการกันเอง ในฐานะรัฐมนตรี กำกับดูแลกรมการศาสนา ไม่มีอำนาจ ในการตัดสินใจ เรื่องของสงฆ์ได้ และตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็รู้สึกไม่สบายใจ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ ์การปฏิบัติหน้าท ี่ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ มีการกล่าวหากันลอยๆไร้หลักฐาน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการยึดหลักความถูกใจแต่จะยึดหลักความถูกต้องแน่นอน แม้จะช้าไปบ้าง ก็ยังดีกว่ากระทำผิดแล้ว เกิดสิ่งที่ เลวร้ายตามมา เปิดศึกนสพ.โต้รับผลประโยชน์

นายอาคมกล่าวต่อไปว่า จะดำเนินคดีอาญากับนสพ.รายวันฉบับหนึ่ง ทั้งบก.และคอลัมนิสต์บางคนในข้อหาหมิ่นประมาท ใส่ความสร้างภาพ ทำงานไม่เป็น ช่วยเหลือปกป้อง ผู้กระทำผิด รับเงินสินบนและจาบจ้วงสมเด็จพระสังฆราช และหากว่าชนะคดี ก็จะดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป และจะนำเงินที่ได้ จากการฟ้องเรียกค่าเสียหายนี้ บริจาคแก่มูลนิธิเด็ก ปัญญาอ่อนต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เรียกนายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงงศึกษาฯ และอธิบดีกรมการศาสนามาหารือ เกี่ยวกับการ ตั้งคณะกรรมการศึกษาปัญหา และปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ โดยคณะกรรมการดังกล่าวนี้ จะเป็นตัวแทน ในระดับประเทศมีภารกิจ 3 ประการคือ แก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย พิจารณาว่า ถึงเวลา ที่จะแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.คณะสงฆ ์หรือยังโดยให้มีการทำประชาพิจารณ์ระดมความคิดเห็น และให้พิจารณา นำร่างการอุปถัมภ์ และคุ้มครองพุทธศาสนา ที่กระทรวงศึกษาฯพิจารณษเสร็จแล้วเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

ส่ง"พิภพ"จี้"ไชยบูลย์"คายที่ดิน

ในประเด็น เรื่องการโอนที่ดิน จากนายไชยบูลย์มาเป็นของวัดนั้น นายอาคมกล่าวว่า นายพิภพได้รายงานว่า ที่นายไชยบูลย์แจ้งว่า จะโอนที่ดิน ให้กับวัดพระธรรมกาย จำนวน 139 ไร่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการ เพราะติดขัด ในเรื่องใบมอบอำนาจซึ่งมีอยู่ 2 ใบคือใบมอบอำนาจให้กรมการศาสนา ส่วนอีกใบก็คือใบมอบอำนาจให้วัด และเอกสารที่สำคัญ ก็คือบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด ในวันที่ 18 พ.ค.นี้นายพิภพจะเดินทางไปพบ นายไชยบูลย์ เพื่อสอบถามเอกสาร ที่ยังขาดอยู่เหล่านี้ และจะให้สอบถามเรื่องที่ดินที่แสดงในหนังสือเจตนาว่าจะมอบให้ทั้งหมด 1,747 ไร่ด้วย

"ผมได้แนะนำ อธิบดีกรมการศาสนา ว่าต้องทำเป็นแผนเข้าไป บอกเลยว่ากรมได้ทวงถามมากี่ครั้งแล้ว และให้ทางวัดลงนาม รับทราบด้วย มิฉะนั้นก็จะเป็นอยู่อย่างน ี้โดนกล่าวหาว่าช่วยเหลือวัด และจะได้เป็นหลักฐาน ชี้แจงเจ้าคณะภาค 1 ด้วยว่า กรมการศาสนา ได้พยายามดำเนินการตามมติมหาเถรฯ อยู่แล้ว หากวัดยังขืนฝืน มติมหาเถรฯ ต่อไปก็จะนำไปใช้เป็นหลักฐานฟ้องนิคหกรรมอีกด้วย"

นายอาคม กล่าวต่อไปว่า ได้บอกกับนายพิภพไปด้วยว่าในการเจรจาเรื่องที่ดินนั้น หากอ้างว่าต้องรอ กระบวนการสอบถาม เจ้าของที่ดินเดิมก่อน ให้แจ้งไปเลยว่าขณะนี้ เลยกระบวนการร้องคัดค้านไปแล้ว เพราะเมื่อได้บริจาค ให้นายไชยบูลย์ไปแล้ว ก็ถือเป็นสิทธิ ของนายไชยบูลย์ ต้องโอนที่ดินตามมติมหาเถรฯ เท่านั้นหากว่าเจ้าของที่ดิน ต้องการจะได้ที่ดินคืน ก็ต้องไปร้องคัดค้าน ต่อกรมที่ดินไม่ใช่มาคัดค้านกับกรมการศาสนา"

นายพิภพ เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ตนพร้อมด้วยนายสุทธิวงษ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานศาสนสมบัติ และเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จะเดินทางไปที่วัดพระธรรมกาย เพื่อเร่งรัด ให้โอนที่ดินโดยเร็ว

ด้านนายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้ปล่อยให้อธิบด ีกรมการศาสนา ทำงานโดยลำพัง มีการหารือกันตลอด แต่ที่ล่าช้าเพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกติกาหรือข้อตกลง คนที่ออกมาตำหนิทุกวันน ี้เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่มองระเบียบประเพณี วัฒนธรรมของเรื่องนี้ ตนรู้สึกว่าข้าราชการ ต้องรับภาระหนัก หรือถูกตำหนิโดยไม่มีเหตุผล

ส่วนกรณีที่มีข่าว เรื่องเงินทอง เข้ามาเกี่ยวข้องนายสุรัฐกล่าวว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนประกันไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี แต่ในฐานะ ผู้บังคับบัญชา เชื่อล้านเปอร์เซ็นต ์ได้ว่านายพิภพไม่เกี่ยวข้อง กับสินจ้างใดๆทั้งสิ้น สำหรับการที่มีผู้เรียกร้อง ให้ย้ายนายพิภพนั้น ขอถามว่าหากให้คนอื่นมาจะทำได้ดีหรือไม่ มีข้อบกพร่องหรือไม่ จริงๆแล้วนายพิภพ เคยขอย้าย เพื่อพิสูจน์ตัวเองด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามได้ติดตามการทำงานของนายพิภพทุกฝีก้าว ขอย้ำว่าเชื่อมั่นในฝีมือ ความบริสุทธิ์ ณ วันนี้ จึงไม่มีความจำเป็น ต้องย้าย