พระ-เณรแสดงพลังส่ายหน้า ไม่มาร่วมวันเกิด"ธัมมชโย"ถึงแม้ใช้เงินแสนล่อใจก็ตาม
ระบุสอนผิดเพี้ยนจากศาสนา ขืนมาถูกล้างสมอง ถูกใช้สร้างภาพอวดบารมีเท่านั้น แฉอีกเจ้าอาวาสวัดฉาวเคยดูดเงินสาวกอ้างจะซื้อที่ปล่อยนกปล่อยปลา แต่สุดท้าย กลับเงียบหาย กลายเป็นที่ดินของสีกาสนิทไปเรียบร้อย ที่ร้ายกว่านั้นยังไปบีบซื้อที่ดินชาวบ้านอีก พอไม่ได้ก็ถูกเวนคืน จนรองเลขาธิการสำนักพระราชวังต้องลงมาระงับปัญหา

ความฝัน ของพระราชภาวนาวิสุทธิ์(ไชยบูลย์ ธัมมชโย) ที่จะเกณฑ์พระ-เณรจำนวน 1 แสนรูปมาร่วมฉลองวันเกิดปีที่ 55 ของตัวเองในวันที่ 22 เม.ย.นี้ โดยได้จัดโครงการตอบปัญหาธรรมะขึ้นมา และจะแจกเงินพระ-เณรและโรงเรียนต้นสังกัดรูปละ 500 บาท ทันทีที่จะมาวัด และหากตอบปัญหาชนะเลิศ จะได้เงินแสนบาท ไปครอบครองนั้นทำท่าจะเป็นฝันสลาย เพราะพระเณรทั่วประเทศ ต่างรู้ดีว่าจะตกเป็นเครื่องมือ การสร้างภาพและอวดบารมีให้พระไชยบูลย์ รวมถึงจะต้องถูกล้างสมอง เนื่องจากในการตอบปัญหาธรรมะ จะต้องใช้หนังสือ"พระแท้"ที่วัดธรรมกายผลิต และมีการสอนว่า นิพพานเป็นอัตตาซึ่งผิดเพี้ยนทำลายศาสนามาตอบ

เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาสามเณรประการ ศรีไสย นักธรรมเอกเปรียญธรรม 3 ประโยค วัดศรีนวล อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหาวัดพระธรรมกายที่เกิดขึ้น พระเณรรู้กันหมดแล้วว่าสอนผิดเพี้ยน แต่คงไม่เคลื่อนไหว รวมถึงจะไม่ไปร่วมกิจกรรมด้วย ทุกอย่างปล่อยให้เป็นไปตามกรรมเท่านั้น

นางนิลุบล ศิริวรวุฒิ อาจารย์ 2 ระดับ 6 ร.ร.เทศบาลวัดกลาง เทศบาลขอนแก่น อาจารย์พิเศษมหามกุฎวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน วัดศรีจันทร์ และอาจารย์พิเศษโรงเรียนปริยัติธรรมวิเวกธรรมประสิทธิ์ วัดมหาธาตุอ.เมือง จ.ขอนแก่นกล่าวว่า ขอฟังธงไปเลยกรณีธรรมกายน ี้มหาเถรอ่อนแอไม่ทราบทำอะไรอยู่ ตนเองรู้สึกสะทือนใจ โดยเฉพาะการบิดเบือน คำสอนของวัดพระธรรมกาย ทำให้พุทธศาสนิกชนสับสน พระเทพวิมลโมลี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น รองเจ้าคณะภาค 9 รองคณบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น กล่าวว่าพระนิสิต สามเณรในอีสานไม่สนใจ ไม่ตื่นตื่น และไม่เคลื่อนไหว ยังคง ครองสมณศีลเช่นเดิม

ส่วนพระครูพิพัฒน์ปทุมเขต รองเจ้าอาวาสวัดคุณหญิงส้มจีน จ.ปทุมธานีกล่าวว่า วัดสอบถามพระเณร ด้วยความสมัครใจและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ไป เพราะไม่ชอบ โดยวัดได้ตอบกลับด้วยวาจาบอกเหตุผลว่า ที่ไม่ส่งไปเพราะพระ-เณรไม่เก่ง เห็นวัดพระธรรมกายก็ประกาศไปทั่วว่า พระเณรของเขาจบเปรียญ 9 ทั้งนั้น

ทางด้านพระราชวุฒิเมธี อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ปรึกษาวัดบางหลวง กล่าวว่าพระ-เณรของวัดเองบอกเป็นเสียงเดียวกันไม่ไปร่วมงานนี้เป็นอันขาด เนื่องจากข่าวความไม่ชอบมาพากล ในหลายประเด็นไม่กระจ่าง เช่นการสอนที่ผิดเพี้ยน อย่างหนังสือ"พระแท้" ที่ทางวัดได้ส่งมาเพื่อเป็นหนังสือในการออกข้อสอบ ก็ไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฏก คงไม่ส่งพระเณรไปให้ถูกล้างสมอง

ขณะเดียวกันจากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 4 ต.ช้างใหญ่ จ.อยุธยา ถูกสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไล่ที่ จนทำให้เกิดการประท้วง และนายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เข้าไปไกล่เกลี่ย สั่งสอบสวนก่อนการไล่ที่ดิน เพราะมีข่าวข่าว นายทุนต้องการที่ดินไปใช้ทำประโยชน์ พอไม่ได้จึงถูกเวนคืนนั้นนั้น ปรากฎว่าเรื่องดังกล่าว ได้มีการเกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกายอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

อดีตศิษย์ใกล้ชิดวัดพระธรรมกาย ได้เปิดเผยกับ"เดลินิวส์"ว่า ที่ดินบริเวณที่ถูกไล่ที่เกี่ยวพัน กับวัดพระธรรมกาย และลูกศิษย์เองของพระราชภาวนาวิสุทธิ์(ไชยบูลย์ ธัมมชโย) มากเพราะเป็นที่ดิน ที่วัดเคยบอกบุญเพื่อสร้างที่ดินริมน้ำ สำหรับการปล่อยนกปล่อยปลา กิจกรรมดังกล่าว วัดทำขึ้นทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน และในปีแรก ๆ ยังไม่มีสถานที่แน่นอน จึงเกิดความคิดว่า น่าจะมีการสร้างสถานที่ประกอบกิจกรรมโดยเฉพาะขึ้นมา

พระไชยบูลย์จึงบอกบุญให้สานุศิษย์ทำบุญเพื่อซื้อที่ดินริมน้ำ ระยะแรกเมื่อยังไม่มีเงินเพียงพอ ก็ให้คุณหญิงอุไรวรรณ หงสประภาส หรือที่คนในวัดต่างเรียกขานกันว่า "ป้าหญิง"หรือ"อาหญิง" อุบาสิกาคนสำคัญของวัด ไปยืมเงินนางเพ็ญศรี เคียงศิริ เศรษฐีนีที่เลื่อมใสวัดมาจ่ายสำรองเป็นค่าที่ดินไปก่อน และก็ได้มีการจัดทีมงาน ไปกว้านซื้อที่ดินผืนงามอยู่ใกล้ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อยู่แปลงติด ๆ กับที่ดินชาวบ้านที่ถูกไล่ที่

หลังจากที่ซื้อที่ดินมาแล้ว ก็ได้ให้สีกาคนสนิทของเจ้าอาวาสดูแลแทน โดยโอนใส่ชื่อบริษัทของสีกาคนนั้น และแม้เวลาผ่านมากว่า 10 ปี แล้วยังไม่มีการก่อสร้างสถานท ี่ปล่อยนกปล่อยปลาเลย และเท่าที่ทราบ ที่ดินผืนนั้นกลายเป็นของสีกาคนสนิทไปแล้ว เรื่องนี้จะทำให้ตกนรกกันไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะไปบอกบุญว่า จะซื้อที่ดินเพื่อปล่อยปลา แต่ไป ๆ มา ๆ กลับไม่ได้ทำและมีการโอนที่ดินให้คนอื่น

ผู้สื่อข่าว"เดลินิวส์" ประจำจังหวัดอยุธยารายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีที่ดินที่วัดพระธรรมกายซื้ออยู่ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร โดยวิธีการซื้อ จะโอนเข้าบริษัท ที่ทำธุรกิจ เกี่ยวพันกับวัดพระะรรมกาย ซื้อครั้แรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2530 เนื้อที่ 26 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา ต่อมาในเดือนมกราคม 2532 ซื้อ 8 ไร่ จากนั้นซื้อเพิ่มอีก 3 งาน 36 ตารางวา รวมที่ดิน 35ไร่

ในช่วงปี 2533 ได้มีการสร้างศาลาทรงไทยหลังคาแหลมคล้ายกระโจม 3 หลัง และมีการปักกรด เรียงรายทางด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงมีการขุดสระน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับสร้างศาลากลางน้ำด้วย โดยหลังจากสร้างเสร็จไม่นาน มีพิธีปล่ยอปลาที่ริมน้ำ และมีคนนุ่งขาวห่มขาว และสวมจีวรคล้าย ๆ พระ จำนวนหนึ่งเดินทางมาด้วย ซึ่งพิธีขณะนี้ได้มีตำรวจสายตรวจสภ.ต.ช้างใหญ่มาดูแลความเรียบร้อย และบอกชาวบ้านละแวกนั้นว่า มาดูแลความเรียบร้อย เพราะเป็นที่ประชุมของวัดพระธรรมกาย แต่ต่อมาก็รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด

ที่ดินดังกล่าว ใกล้กับที่ดินของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย ์โดยส่วนหนึ่งได้สร้างศูนย์ศิลปาชีพบางไทร และคงเหลือที่ดินอีก 285 ไร่ที่โอนให้สำนักงานปฏิรูป ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ดินระบุว่าไม่น่าจะมีการออกโฉนดได้ แต่กลับมีโฉนดโผล่ขึ้นมา 3 แปลง โดยสีกาคนสนิทนี้ครอบครองถึง 2 แปลง และนำไปจำนองกับธนาคารทหารไทยสำนักใหญ่ เป็นเงิน 67.7 ล้านบาท ที่ดินทั้ง 35 ไร่ ปัจุบันแยกเป็น 2 โฉนดแล้ว โดยโฉนดแรก 16 ไร่ เศษและที่เหลืออีก 18 ไร่ เศษ

ขณะเดียวกันที่ดินของ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่โอนให้ส.ป.ก.ดูแลต่อมาเกิดปัญหาการไล่ที่ โดยนางเชื้อ วิรินทานนท์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร กล่าวว่าตนถือครองที่ดิน 6 ไร่เสียค่าเช่าปีละ 500 บาท ทำมาหากินบนที่ดินนี้มา 25 ปีแล้ว ละแวกนี้ไม่มีโฉนด ยกเว้นที่ดินของผู้หญิงคนหนึ่ง และนายพลตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยส่งคนมาทาบทาม ขอซื้อสิทธิที่ดินของตนหลายครั้ง แต่ไม่ยอมขาย แล้วจู่ ๆ ก็มีการแจ้งว่าทางการจะมาไล่ที่ดินให้ชาวบ้านออกไป

นางมาลี สว่างเนตร อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเดียวกันว่า ก่อนหน้านี้สีกาคนที่ว่าส่งคน ใสกว้านซื้อที่ดินแนวทางเดียวกับ ที่พวกตนถูกขับไล่ แต่พวกตนไม่ขาย ทั้งที่ให้ราคาสูงถึงไร่ละ 1.5 ล้านบาท และก็ถูกขู่ว่าถ้าไม่ขายก็ต้องถูกเวนคืนแน่นอน ต่อมาก็เป็นจริงเหมือนกับที่พูดไว้ ทำให้ชาวบ้านสงสัย ทำไมถึงมีการเวนคืนเช่นนี้ โดยเฉพาะความจริงแล้ว การเวนคืนที่ดินสามารถไปทำในแนวอื่นที่ไม่มีบ้านชาวบ้านอยู่ก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการถูกเวนคืนที่ดินนี้ทำให้ชาวบ้านแถบนั้นรวมตัวกันยื่นฎีกาถวาย และในต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมาสำนักงานทรพัย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไล่ที่ดินชาวบ้าน จนทำให้เกิดการประท้วง และนายขวัญแก้ว วัชโรรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เข้าไปไกล่เกลี่ย ระงับปัญหาที่เกิดขึ้น