เดลินิวส์ 24/3/2542

ปัญหาวัดธรรมกายยังไม่จบ พระนิสิต 4,000 รูปนัดชุมนุม

ปัญหาธรรมกายยังไม่ยุติ กรรมาธิการศาสนาฯานัดถกเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง"ธัมมชโย"ข้อหาปาราชิก อวดอุตรินุสธรรม แทนชาวพุทธทั่วประเทศ หลังองค์การสงฆ์ไม่สนใจธรรมวินัย พระนิสิต 4,000 รูปนัดเคลื่อนไหวรวมตัว หาทางออกแล้ว ชยันโตมหาเถรฯ ตัดสินธรรมกายแบบไร้น้ำหนัก ส.ศิวรักษ์สับถึงยุคเสื่อมที่พระไม่สนใจดูแล อ้างคนละนิกาย ไม่แตะกันก็พังแล้ว พระป่าสายอาจารย์มั่น ออกโรงปัญหาธรรมกายคือการหาเงินเกินขอบเขต -มีกิเลสอยากได้-ใช้ระบบธุรกิจ เข้ามาดูดบุญ-อวดคุณวิเศษ แต่ไม่มีแตะสักเรื่อง ตัดสินเหมือนไม่ได้ตัดสิน ชาวบ้านโทรฯ เสียงขรมจะล่ารายชื่อถวายฎีกา พระธรรมปิฎกแปลกใจทำไมเร่งตัดสิน

หลังจากท ี่กรรมการมหาเถรสมาคม ประชุมฉุกเฉิน นัดพิเศษตัดสินปัญหากรณีธรรมกายโดยยืนตามข้อเสนอของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ที่ไม่มีการชี้ผิดชี้ถูก เพียงแต่ให้ วัดพระธรรมกาย ศึกษาพระอภิธรรม, ตั้งสำนักวิปัสสนา, ปฏิบัติตามกฎมหาเถรฯและสำรวมในพระธรรมวินัยนั้น

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษŒ นักคิดชื่อดังเมืองไทยกล่าวในรายการเพื่อบ้านเพื่อเมือง คลื่น 97 เมกะเฮิรตซ์ ดำเนินรายการ โดยนายเถกิง สมทรัพย์ ว่ามติมหาเถรสมาคม 4 ข้อ ว่าเป็นมวยล้ม คำตัดสินเหมือนการพูดลอยในอากาศ อาทิ การให้สอนอภิธรรม จำเป็นอย่างไร และอยากถาม วัดยานนาวาสอนอภิธรรมหรือไม่ และพระหลายรูปเรียนอภิธรรม แต่ถูกฟ้องร้องทำผิดกฎหมายเหมือนกัน

นอกจากนั้น การกำหนดให้สอนวิปัสสนาเพิ่ม จะเอาใครมาสอน และสอนแล้วจะเชื่อหรือไม่ เป็นมติที่เข้าข้างกันชัด ๆ หรือให้ทำตาม มติมหาเถรสมาคม หรือพระธรรมวินัย วัดไหนทำตามบ้าง กรณีธรรมกาย ถือเป็นความป่วยไข้เข้าขั้นโคม่า ของสถาบันสงฆ์ไทย และมหาเถรฯ ไม่อยู่ในสถานะแก้ไขปัญหา

"กรณีวัดพระธรรมกาย เกิดขึ้นเจ้าคณะภาค 1 ดูแลและขึ้นกับเจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการอื่น ๆ เงียบหมด ขนาดที่ว่า พระราชาคณะสายธรรมยุต ไม่ออกเสียง ทั้งที่พระธรรมวินัยไม่มีนิกาย ทุกอย่างต้องพูดให้ชัด ทุกวันนี้อยากถามว่า แต่ละวัดบัญชีเป็นอย่างไร ของพระส่วนตัวเป็นอย่างไร เรี่ยไรได้ทุกแห่ง อนาคตวัดพระธรรมกาย จะเหมือนเดิม ถ้าสื่อไปแตะวัดจะด่าสื่อ เอาระเบิดไปขว้าง ส่วนอำนาจทางบริหาร รัฐมนตรีทำได้อย่างเดียวคือไปรองรับมหาเถรฯ ยกเว้น จะมีการเดินเรื่องตามกฎหมาย เช่นตรวจสอบระบบการเงิน ที่ไม่โปร่งใส ตรวจสอบบัญชี เอาวัดพระธรรมกาย เป็นกรณีตัวอย่าง แต่ดูแล้วรัฐบาลไม่มีกึ๋นพอเว้นแต่ประชาชนจะเคลื่อนไหว"

นายสุลักษณ์กล่าวอีกว่า อยากถามกรณีธรรมกายทำไมมหาเถรฯถึงเงียบ แต่กรณีสันติอโศก ตั้งประกาศนียกรรม ประชุมทั่วประเทศ เล่นงานทั้งที่มีคุณงามความดีมาก ผิดข้อเดียว ตรงท้าทายพระผู้ใหญ ่และไปโจมตีพระผู้ใหญ่ติดโลภ ติดยศ ติดฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย แต่สันติอโศกเรียบร่าย และหาทางให้ประชาชนพึ่งตัวเองเลยถูกจัดการ ทั้งที่ความผิด น้อยกว่าธรรมกายมาก การที่วัดพระธรรมกาย เชิญพระผู้ใหญ่ไปร่วมงาน และถวายเงิน ถวายทอง ก็ถือว่าไม่ถูกแล้ว อาทิเช่น การเชิญไปเป็นอุปัชฌาย์ บวช และถวายเงินเป็นหมื่น แต่ไม่ได้ทำหน้าที่อุปัชฌาย์ อบรมสั่งสอนผู้บวชใหม่เลย แม้แต่พระในวัดธรรมกาย ก็ไม่ได้รับการสอน บวชไม่เท่าไหรก็ตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักแล้ว

นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวในรายการเดียวกันว่า มติมหาเถรสมาคม มอบให้พระพรหมโมล ีไปกำกับการดำเนินงาน ของวัดพระธรรมกายอีกครั้งเป็นภารกิจสำคัญในการแก้ไขเพราะรู้อยู่ว่าวัดอยู่มา 20 ปี จะเปลี่ยนทันทีไม่ง่าย ประกอบกับ คนมาวัดเป็นหมื่นเป็นแสนระดมคน ระดมทุนได้มาก ต่อไปเมื่อพระพรหมโมลี เข้าไปดูแลจะไปเพ่งลูกแก้ว สอนอายตน นิพพาน สอนนิพพานเป็นอัตตาไม่ได้ "ถ้าจะให้พอใจเต็มท ี่ผมก็ต้องการให้มหาเถรฯ สั่งดำเนินการเลยว่าจะเอาอย่างไร แต่มติที่ออกมา เป็นให้พระผู้ปกครอง ไปแนะนำ ต้องให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัด เหมือนคำสั่งเหมือนกัน"

ส่วนข้อมูล ของกรรมาธิการการศาสนาฯมหาเถรฯถือไม่มีหลักฐานและธรรมกายไม่ได้มาชี้แจง เป็นการตัดสินล่วงหน้า และใช้เป็นแค่เอกสารประกอบ ขณะเดียวกัน เรื่องการถือครองที่ดินตามกฎหมายหากเจ้าอาวาสเสียชีวิตจะตกเป็นของวัด ยกเว้น จะมอบให้คนอื่น ก็ต้องต่อสู้ระหว่างวัดกับผู้ที่ได้รับที่ดินไป

ขณะเดียวกัน พระอิสระมุนี วัดธรรมวิหารี ลูกศิษย์พระอาจารย์ชา สุภัทโท พระป่าสายอาจารย์มั่น ภูริทัต เถระ กล่าวว่า ตามกฎหมาย คงต้องเคารพคำตัดสินของมหาเถรฯ แต่ต้องขออภัย ที่ต้องวิจารณ ์การแก้ปัญหา ของวัดพระธรรมกาย เหมือนกับเป็นการตอบไม่ตรงคำถาม โดยปัญหาที่เกิดขึ้นคือการหาเงินเกินขอบเขต, การใช้ระบบธุรกิจ เข้ามาหาเงินทำบุญ,การอวดคุณวิเศษ อวดอุตริมนุสธรรม แต่คำตัดสินไม่ตรงประเด็นเหล่านี้

"การให้ไปเรียนพระอภิธรรม ก็เป็นเรื่องที่กว้างไป แล้วแต่ใครจะไปอธิบาย แยกรายละเอียดในคำสอน แล้วแต่ปัญญาความฉลาด ที่จะตีความ ลึกซึ้งกว่า เอาตัวหนังสือมาวัด หากมหาเถรฯ มีมติอีกแบบ เรื่องคงยุติแล้วได้แก่ให้วัดทุกวัด ยุติการโฆษณาให้ประชาชนเข้าวัด ในสื่อทุกรูปแบบ เพื่อหวังเงินบริจาค,ให้วัดทุกวัดยุติการเรี่ยไรเงินทอง ผลิตจำหน่ายวัตถุมงคล เพราะอยู่นอกพุทธศาสนา, ห้ามไม่ให้อวดวิเศษ เพื่อหวังลาภ สักการะ ล่วงละเมิดพระวินัย, ห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพ หรือแสวงหารายได้ ทั้งในแง่ธุรกิจหรือศาสนพิธี"

มติของมหาเถรฯ เท่ากับไม่มีข้อสรุปถูกหรือผิด ก็เลยถือได้ว่าไม่ผิดเลย เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชัดเจน และน่าจะสั่งให้วัด หยุดกิจกรรมทุกอย่าง ที่ทำใหญ่โต เพื่อระดมพลเข้าวัด เพราะมีผลกระทบ ตˆอสังคมและประชาชนจำนวนมาก และเรื่องเหล่านี้เป็นความอยาก น่าเกลียด แม้แต่กิเลสหยาบแค่ความอยากยังไม่รู้เป็นอะไร ปัญญาละเอียด ก็ไม่ต้องพูดแล้ว มติทั้งหมด ยังโยนภาระให้เจ้าคณะภาค 1 เกินไป และจะให้ไปนั่งเฝ้าหน้าประตูวัดจะไหวเหรอ

พระอิสระมุนีกล่าวอีกว่า สมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานก็มีพระสุภัททะ ออกมากล่าวว่าดีแล้ว จะได้ไม่มีพระพุทธเจ้า คอยห้ามไม่ให้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ จนพระมหากัสสปะเถระ ต้องสังคายนาพระไตรปิฎก กรณีธรรมกาย ที่มีผลเช่นนี้จะให้วิญญาณพระสุภัททะอาละวาดอีกหรือ ปัญหาทุกอย่างไม่จบเพราะเกิดอยากได้เงิน อยากให้ทุกฝ่าย ทั้งนักวิชาการให้รวมตัว เรียกร้องสังคยานาศาสนาครั้งประวัติศาสตร์ได้แล้ว

นอกจากนั้น ยังมีผู้ฟังทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาในรายการ อาทิ นายมงคลกล่าวว่า กรณีธรรมกายทำให้สงสารพระโพธิรักษ์ที่ถูกเลือกปฏิบัติ เพราะไปท้าทายอำนาจสงฆ์ ถึงเวลาที่ประชาชน ต้องเอาสิทธิด้านศาสนาคืนมาด้วยการร่วมกันถวายฎีกา, นางอุไรกล่าวว่า ที่มหาเถรฯพิจารณาไม่ครบถ้วน การถือครองทรัพย์สินผิดแล้ว รวมถึงการสอนผิด ก็เท่ากับพูดเท็จ การซาบซึ้ง ในพระธรรม ระหว่างชาวบ้าน กับสงฆ์แตกต่างกันมากแล้ว

ขณะเดียวกัน "เดลินิวส์" เองก็ได้รับโทรศัพท์จำนวนมาก โดยขอให้ติดตามปัญหาธรรมกายต่อไป อาทิ นายราชันย์ บุญชู ชาวบ้าน อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่าเสียใจสุดซึ้ง ที่มหาเถรฯมีมติเช่นนี้แทบไม่อยากไหว้พระ เพราะไม่ยอมตัดสิน เรื่องคำสอนที่ผิดพลาด, นางวิรดา (สงวนนามสกุล) กล่าวว่า ยอมรับไม่ได้ กับคำตัดสินนี้เพราะไม่เด่นชัด ไม่บอกให้รู‰ผิดตรงไหน อยากไปเดินขบวนเสียด้วยซ้ำ ชาวพุทธต้องร่วมมือกัน โดยกลุ่มเพื่อน ที่เข้าใจปัญหาก็ทนไม่ได้ ขืนปล่อยไว้ จะบ่อนทำลายศาสนา เชื่อว่าพระพรหมโมลีจะคุมไม่ได้จะมีข้อครหาไม่สิ้นสุด และยิ่งทำให้เกิดภาพ การใช้อามิสสินจ้าง ซื้อความถูกต้องได้ และพร้อมจะลงชื่อถวายฎีกา ขอสนับสนุน พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในการเคลื่อนไหวเรื่องธรรมกาย

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในคณะกรรมาธิ- การการศาสนาฯเปิดเผยว่าการประชุมกรรมาธิ การในวันที่ 24 มี.ค. นี้ จะมีการเสนอให้กรรมาธิการฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องอธิกรณ์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต่อคณะสงฆ์ผู้ปกครองขั้นต้น ตามกฎนิคหกรรมกรณีการอวดอุตริมนุสธรรมทั้ง เรื่องที่กล่าวอ้าง สามารถถวายข้าว พระพุทธเจ้า บนอายตนนิพพานและการตั้งตนเป็นต้นธาตุต้นธรรมเปรียบตัวเสมือนพระพุทธเจ้า เป็นการดำเนินการ ตามที่มหาเถรฯ บางรูปเสนอในการประชุมตัดสินปัญหาธรรมกายเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยให้กรรมาธิการยื่นฟ้องเองมหาเถรฯจะไม่ตัดสินก่อน

"ปกติคณะสงฆ์ จะถือมากเรื่องอวดอุตริ มนุสธรรม โดยเฉพาะจะมีโทษถึงขั้นปาราชิก เคยมีหลายวัด จับพระสึกมามาก เช่นวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เคยมีพระกล่าวอ้างไปเห็นเมืองแก้วและจะนำแก้วมาทำรั้ววัด เมื่อเจ้าอาวาสรู้ก็ให้สึกไป จริง ๆ แล้วการฟ้องอธิกรณ์ พระไชยบูลย์ไม่จำเป็น ต้องให้ประชาชนเป็นโจทก์ไปฟ้องร้องต่อคณะผู้ปกครองสงฆ์ก็ได้ เพราะตามกฎนิคหกรรม เปิดกว้าง ให้พระที่ทราบเรื่อง เป็นโจทก์ฟ้องได้เอง ที่ผ่านมา สื่อมวลชนก็เสนอเรื่องอย่างต่อเนื่อง พระทุกรูปก็ทราบ เพียงแต่ไม่ใส่ใจ ในลักษณะธุระไม่ใช่ บรรยากาศแบบนี้ถือว่าเกิดความวิกฤติในคณะสงฆ์แล้ว น่าจะมีการสังคายนาใหม่ด้วยซ้ำ"

นอกจากนั้น กรณีธรรมกายเมื่อมหาเถรฯให้ดำเนินการตามเจ้าคณะภาค 1 เสนอ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเจ้าคณะภาค 1 ต้องออกเป็นคำสั่ง อย่างเปิดเผย ให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติเป็นข้อ ๆ เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบทุกประเด็น ต้องสั่งการให้ชัด และกำหนดโทษถ้าวัดไม่ทำตาม รวมถึงเรื่อง การถือครองที่ดินต้องโอนเป็นทรัพย์สินของวัดด้วย เพราะการซื้อที่ดิน ถือว่าผิดศีล และต้องโอนที่ดินทิ้งไปก่อนถึงปลงอาบัติได้ ผู้สื่อข่าว รายงานจากวัดพระธรรมกายว่า ภายหลังการตัดสินของมหาเถรฯ แล้วมีลูกศิษย์ ของวัดขับรถเข้าออกวัดเป็นจำนวนมาก และมีใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างพูดคุยพอใจ กับคำตัดสิน ของมหาเถรฯ ที่ยึดแนวทางของพระพรหมโมลี

ทางด้าน พ.ต.อ.จิรุจจ์ พรหมโมบล ผกก. สภ.อ.คลองหลวง เปิดเผยว่าหากสำนักงานตำรวจภาค 1 ส่งเรื่องที่นายพิบูลย์ พงษ์พานิช นักธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า หลงเข้าทำบุญกับวัดและได้แจ้งความไว้มาให้ ก็จะสอบสวนคดีต่อ พร้อมเชิญ ผู้แจ้งความร้องทุกข์มาสอบปากคำ ถ้าหลักฐานบ่งบอก เข้าข่ายชักชวน หลอกลวง ตำรวจจะดำเนิน คดีโดยไม่เกรงกลัว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกันพระบานเย็น ชินวโร พร้อมชาวบ้านคลองหลวง 20 คน พานางนกเล็ก จันทร์วัน อายุ 29 ปี มาเป็นพยาน ที่เห็นอุโมงค์ลับในวัด ซึ่ง พ.ต.อ.จิรุจจ์ติดต่อทางวัดเข้าไปค้น และได้ไปชี้ใต้ถุนโบสถ์โดย พ.ต.อ.จิรุจจ์พาผู‰สื่อข่าวเข้าไปด้วย 2 คน ปรากฏว่า เมื่อพาเข้าไปก็ไม่พบอะไร โดยนางนกเล็กกล่าวว่า ตรงใต้โบสถ์น ี้เมื่อตนมีอายุ 11 ขวบ เคยวิ่งเล่นและเป็นห้องกว้างกว่านี้ ตอนนี้เปลี่ยน แปลงไปมาก โดยพบชายแก่ ซึ่งดูเหมือนถูกล่ามโซ่ด้วย การเข้าไปตรวจสอบครั้งน ี้ได้ม ีเจ้าหน้าที่ของวัด กว่า 10 คน คอยบังไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าว และไม่ยอมให้ถˆายภาพ นอกเหนือจากที่วัดจะอนุญาต รวมถึงได้ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ด้วย

พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการ- บดี ฝ่ายกิจการนิสิตมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวถึงการตัดสิน กรณีธรรมกายว่า ต้องยอมรับ การวิจารณ์การทำงานของมหาเถรฯ ว่าไม่เข‰มแข็ง และส่อเค้าจะเล่นพวก ถือเป็นคำวิจารณ์ที่จริง การตัดสินที่ออกมาเหมือน ดูถูกน้ำใจของชาวพุทธ ไม่คิดว่าชาวพุทธ จะมีความรู้สึกอย่างไร หักหาญน้ำใจ เหมือนกับว่าพระพุทธศาสนาเป็นของมหาเถรฯเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่อง คอขาดบาดตาย ยังแอบไปประชุมวาระพิเศษ ไม่ให้ใครรู้ การตัดสินเช่นนี้ เหมือนยอดเจดีย์ถูกหักลงมา เพราะยอดเจดีย์ เปรียบเป็นหลักธรรมสูงสุดของพุทธศาสน

"ในเมื่อวัดพระธรรมกาย ไม่เคารพหลักธรรมสูงสุดของพระพุทธเจ้า มหาเถรฯกลับไม่มีมาตรการหรือบทลงโทษอะไรเลย เสมือนเป็นการปล่อย ให้คนผิดลอยนวล แม้ทางธรรมวินัย จะวินิจฉัยไปแล้ว แต่ยังไม่ถือว่าจบสิ้น ประชาชน และคณะสงฆ์บางกลุ่มยังมีสิทธิ์เคลื่อนไหว ให้มีการทบททวนใหม่ได้ เนื่องจากเราไม่พอใจกับคำวินิจฉัยนั้น ว่าเป็นคำวินิจฉัย ที่ไม่ตรงประเด็น และพระพุทธเจ้า ไม่ได้ฝากพระพุทธศาสนา กับพระสงฆ์เท่านั้น แต่ยังฝากให้กับ
ฆราวาสที่เป็นพุทธบริษัททั้ง 4"

อย่างไรก็ตามทราบมาว่า วัดพระธรรมกายกำลังขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีพระมหาเปรียญกว่า 200 รูป ที่จะถูกส่งไปแทรกซึม ตามวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และแทรกซึมไปในองค์กรของรัฐเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพระผู้ใหญ ่ยังปล่อยอยู่อย่างนี้จะเป็นมหันตภัยร้ายต่อพุทธศาสนา วันหนึ่งเมื่อมาถึง วัดพระธรรมกายจะประกาศตัวเป็นใหญ่เป็นศาสดาขึ้นมา

ในส่วนของมหาจุฬาฯ จะไม่ยุติเพียงแค่นี้ พระนิสิตจะรวมตัวกันถกและเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ต้องต่อสู้เพื่อ
ความถูกต้อง เพื่อพระพุทธศาสนา โดยส่วนตัวของอาตมา
ที่ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ก็มักจะถูกข่มขู่จาก
ผู้ลึกลับไม่ประสงค์ออกนาม ทั้งทางโทรศัพท์ และจดหมาย มาโดยตลอด
แต่ก็ไม่กลัว เพราะชีวิตหนึ่ง ภูมิใจที่เกิดมาได้ปกป้องพระศาสนา ที่สำคัญไม่คิดที่จะได้รับลาภยศ สรรเสริญ ยศถาบรรดาศักดิ์ พัดยด ขณะนี้พระนิสิตอยู่ระหว่างการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จังหวัดต่าง ๆ จะเดินทาง กลับมาพร้อมกันในวันที่ 28 มีนาคม และจะไปออกบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เริ่ม 30 มี.ค.-30 เม.ย. ก็เสร็จเรียบร้อยากนั้นก็คงได้มีการถกเรื่องนี้ พระมหาบุญถึง ยังออกหนังสือ พระธรรมกาย กับสัทธรรมปฏิรูป หรือการทำลายหลักธรรมขึ้นมาชี้แจงปัญหา
การสอนของวัดพระธรรมกายอีกรูป

ที่วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีญาติโยมได้เดินทางมาที่วัดไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน และมีแต่การวิจารณ์ว่า มหาเถรฯตัดสิน เหมือนไม่ได้ตัดสินอะไรเลย ลักษณะเป็นการประนีประนอมมากกว่า, ในทางโลก คนที่เป็นโจร ทำผิดยังติดคุก เมื่อออกมาแล้ว สังคมก็ให้อภัย แต่นี้เป็นการ จาบจ้วงพระศาสนา ทำผิดแต่ไม่มีบทลงโทษ แล‰วยังมีการส่งเสริมอีก น่าละอายจริง ๆ

ทางด้าน พระครูปลัดปิฎก พระเลขาฯพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) กล่าวว่าพระธรรมปิฎก เองยังคิดว่ามหาเถรฯ จะมีการตัดสิน ในวันที่ 26 มี.ค. เมื่อทราบมีการประชุมนัดพิเศษ ก็รู้สึกแปลกใจ ที่ผลการตัดสินออกมาไว แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เนื่องจากกำลังเขียนหนังสือเรื่องบุญ-บารมีอยู่.