เดลินิวส์ 13/3/2542

'กมธ.'ศาสนาเป็นงง มหาเถระยังอืดอาด แก้ปัญหา'ธรรมกาย'

กรรมาธิการศาสนาฯเปิดเงื่อนงำคดีธรรมกาย สมเด็จพระสังฆราชมีบัญชานับเดือน ให้ทำสำเนาข้อมูลกล่าวโทษŽธัมมชโยŽ ผิดขั้นปาราชิกถวายกรรมการมหาเถรทุกรูปใช้ตัดสินในที่ประชุมชุดใหญ่ แต่แล้วไม่มีการปฏิบัติ มีแต่ข้อเสนอพระพรหมโมลีที่ให้แก้ในเรื่องเก่า ทำให้ต้องเลื่อนไปอีกสัปดาห์ "อาคม"ย้ำชัดปัญหาจะยุติต้องถกความผิดทางวินัยทุกประเด็น พระนักวิชาการระบุธรรมกายร้ายแรงกว่า สันติอโศก ต้องรื้อถึงราก เผาทิ้งคำสอนให้หมด หวั่นวัดฉาว ทำคัมภีร์ไตรปิฎกใส่คอมพิวเตอร์ฯเผยแพร่ทั่วโลก ไม่มีใครตรวจสอบ อาจหมกคำสอนนิพพานเป็นอัตตา คนสงขลาไล่ส่งแยกนิกายไปดีกว่า

การตัดสิน กรณีธรรมกาย ยิ่งตรวจสอบข้อมูลยิ่ง หลักฐานความไม่ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เสนอแนวทางแก้ปัญหาวัดพระธรรมกายเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเสนอให้แก้ไขเพียง 4 ประเด็น และไม่ได้นำข้อมูลของกรรมาธิการการศาสนาฯ ที่กล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกายโดยเฉพาะ
กล่าวโทษพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงขั้นปาราชิกต้องสึก ขาดจากการเป็น
สงฆ์เนื่องจากการอวดอุตริมนุสสธรรมเข้าพิจารณาด้วย จนมหาเถรฯ ต้องมีมติให้นำข้อมูล
กรรมาธิการการศาสนาฯ มาพิจารณาในที่ประชุมมหาเถรฯชุดใหญ่ในวันที่ 19 มี.ค.นั้น
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมานายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานคณะทำงานกรรมาธิการการศาสนาฯกล่าวว่า ตนค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับกรณีการประชุมมหาเถรฯครั้งที่ผ่านมา ที่ไม่ได้มีการนำข้อมูลของคณะกรรมาธิการ เข้าไปพิจารณา ทั้งที่ในการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชฯเมื่อวันที่ 16 ก.พ. พร้อมกับนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศีกษาธิการก่อนที่สมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จไปอินเดีย ตนได้ยินกับสองหู ว่าสมเด็จพระสังฆราช มีรับสั่งให้นำข้อมูลของกรรมาธิการการศาสนาและเอกสารทั้งหมด ทำสำเนาไปถวาย กับกรรมการมหาเถรฯทุกรูป แต่จู่ ๆก็มีการระบุว่าสาเหตุที่ไม่มีการนำข้อมูลของกรรมาธิการไปพิจารณา เพราะกรมการศาสนา
ยังไม่ได้จัดทำข้อมูลนี้ให้กรรมการมหาเถรฯ

แม้กระทั่งพระพรหมโมลีเอง นายอำนวยกล่าวว่าได้รับเอกสารของกรรมาธิการฯแน่ ๆโดยเฉพาะเมื่อนายอาคมไปพบก่อนการประชุมมหาเถรฯก็ได้นำไปถวายให้แล้ว แต่ไม่ได้นำไปพิจารณา และคาดว่า พระพรหมโมลี จะตัดสินโดยยึดเอาเอกสารแรก ที่ได้จากคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการมาตัดสินปัญหาธรรมกาย

"ที่ผมได้ยินมากับตัวเอง คือสมเด็จพระสังฆราชท่านสนใจเรื่องนี้มาก และท่านจะศึกษาอ่านข้อมูลทั้งหมด พร้อมทั้งมีบัญชาให้ทำสำเนาเอกสารทั้งหมด 20 ชุด แจกจ่ายให้กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เพื่อความละเอียดของการตัดสินผมว่าทุกฝ่ายรอได้ และคงไม่ช้าเกินกว่าวันที่ 19 มี.ค.ไม่เช่นนั้นคงเกิดความอึดอัด เพราะประชาชนรอฟังผล ข้อมูลของกรรมาธิการมีหลักฐานทั้งเป็นเอกสาร ตัวบุคคลแน่ชัด ส่วนหนึ่งก็มาจากข้อมูลของสื่อมวลชน ซึ่งหลักฐานต่าง ๆ มีการตรวจสอบ และต่อไปหากมีการเปิดเผยข้อมูลขึ้นมาอีกก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องไปตรวจสอบ"

ส่วนนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการเปิดเผยว่า ข้อสรุปแนวทางแก้ปัญหาวัดพระธรรมกาย ที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เสนอมหาเถรสมาคม 4 ประเด็นนั้น ประชาชนไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากต้องการให้มหาเถรสมาคม ชี้ความผิดด้านวินัยของวัดให้ชัดเจน และข้อสรุปทั้งหมดเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากเป็นเหมือนคำพิพากษาทั่วไป ที่สมเด็จพระสังฆราชยังไม่ลงลายพระหัตถ์ ไม่ถือเป็นคำตัดสินชี้ขาด

อย่างไรก็ตาม สำหรับบางประเด็นที่พระพรหมโมลีสรุป มีเรื่องการฝึกสมาธิแนววิชชาธรรมกาย ที่พระพรหมโมลีเห็นว่า วัดมีความรู้ความเข้าใจยังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่ใหญ่มีคนมาเจริญภาวนามาก แต่เป็นเพียงวิปัสสนาเบื้องต้น เมื่อกล่าวอ้างถึงพระนิพพานอันเป็นวิปัสสนาญาณชั้นสูง จึงไม่ตรงกับพระนิพพาน ที่ปรากฎในพระไตรปิฎก ทำให้ประชาชนที่รักหวงแหนพระพุทธศาสนา ได้ฟังแล้วก็อึดอัดใจ และยอมรับไม่ได้ ยิ่งเกิดปัญหาใหม่ก็คือปัญหาที่ว่านิพพานเป็นอัตตา เป็นสถานที่ ก็ยิ่งเกิดความสับสนวุ่นวายกันไปใหญ่

"ความจริงพระพรหมโมลีกล่าวว่า บุคคลที่จะมีโอกาสบรรลุถึงพระนิพพานได้ต้องปฏิบัติวิปัสสนา
กัมมัฎฐานที่ถูกต้องถึง 14 ขั้นแต่วัดพระธรรมกายได้ปฏิบัติแค่ขั้นที่ 2 เป็นนิมิตเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนิพพาน"

พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่า การที่มหาเถรสมาคม นำข้อมูลที่คณะกรรมาธิการการศาสนาเข้าพิจารณาด้วย นับว่าเป็นความถูกต้องชอบธรรม โดยกรรมาธิการมีความตั้งใจในการทำงานเป็นที่น่าชื่นชม หากไม่นำข้อมูลไปประกอบการ ก็จะกลายเป็นข้อครหา
ของพุทธศาสนิกชน
ส่วนข้อเสนอของพระพรหมโมลีถือได้ว่าน่าผิดหวังอย่างมาก ไม่ได้หมายความว่า ไม่ถูกใจในคำตัดสิน แต่ที่ไม่ถูกตรงที่ไม่นำข้อมูลจากทุกด้านมาพิจารณาให้รอบคอบอย่างที่พูดไว้ เพราะมีคำตัดสินไว้แต่แรก เจ้าคณะภาค1 ก็พูดเองว่าจะใช้ความถูกต้องในการตัดสินแต่ไม่ใช่ตัด
เพื่อความถูกใจ แต่ที่พระพรหมโมลีทำไปนี้ไม่ถูกต้องและไม่ถูกใจควบคู่กันไปเลย

"หากย้อนกลับไปกรณีสันติอโศกที่พระโพธิรักษ์ที่อวดอุตริมนุสธรรม มีความร้ายแรงไม่เท่ากับการอวดอ้างของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อย่างการอวดว่า ตนเองเป็นต้นธาตุต้นธรรมก็เกินไปแล้ว เพราะคำนี้เท่ากับเปรียบตัวเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และการอวดว่าจะมีผู้สำเร็จตรัสรู้มาเกิด"

นอกจากนั้นมีจุดที่บกพร่อง ในข้อเสนอของพระพรหมโมลี เช่นกรณีห้ามไม่ให้สอนนิพพานเป็นอัตตา โดยให้แก้ไขคำสอนว่า พิพพานเป็นอนัตตานั้น ต้องระบุให้ชัดเจนลงไปว่า ต้องทำลายหลักฐานเอกสารทุกอย่าง ที่มีการสอนผิดเพี้ยนให้หมด ที่สำคัญการที่วัดพระธรรมกายได้จัดทำพระไตรปิฎกคอมพิวเตอร์ สามารถเรียกดูได้ ในระบบอินเตอร์เน็ท ซึ่งเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน ตรงนี้อันตรายมากเพราะไม่มีผู้รู้เข้าไปตรวจสอบ หากมีการนำคำสอนนิพพานเป็นอัตตาเข้าไปด้วย จะกลายเป็นความเสียหาย

ที่วัดโคกสมานคุณ จ.สงขลา มีการบันทึกรายการตามหาแก่นธรรม โดยมีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยกระทู้ที่น่าสนใจกรณีวัดพระธรรมกายมาจากพระฐิตปัญโญ จากวัดน้ำน้อยรอบ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถามว่าปัญหาวัดพระธรรมกาย มหาเถรสมาคมจะหาทางออกอย่างไร จะเอาพุทธศาสนาไว้หรือจะเอาวัดพระธรรมกายไว้

พระราชวีราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสงขลา ตอบว่าการก่อสร้างวัดจำเป็นต้องดำเนินต่อไป แต่คำสอนจะต้องพิจารณา ซึ่งมหาเถรฯต้องบอกว่า นิพพานที่แท้คืออะไร ขณะนี้ชาวพุทธส่วนใหญ่คือว่านิพพานเป็นอนัตตา และพระไชยบูลย์ก็ยอมรับความเห็นนี้แล้ว นอกจากนั้นเรื่องการเรี่ยไรบุญวัดพระธรรมกายควรเบาบางลง โยมถูกดูดทรัพย์กันมาก ทำบุญแล้วไม่ได้ร่ำรวยหรือดูดทรัพย์คนอื่นได้ แต่ญาติโยมต่างหากที่ถูกวัดดูดทรัพย์ นายเนตร จันทรัศมี พิธีกรรายการโทรทัศน์คติธรรมนำชีวิต กล่าวว่าตนไม่เชื่อว่าคนที่สอนนิพพานเป็นอัตตา มาเป็นสิบปีจะยอมรับว่า นิพพานเป็นอนัตตาชั่วข้ามวันหรือเปลี่ยนความเชื่อเพราะมหาเถรฯตัดสิน ทางที่ดี วัดพระธรรมกายควรจะออกไปเป็นลัทธิอื่นดีกว่า ส่วนการเพ่งลูกแก้วหรือเพ่งตะวันจนเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก มีนักมายากลชื่อก้องโลก สามารถทำให้เทพีสันติภาพเครื่องบินขนาดใหญ่ หายไปกับตามาแล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ สร้างปรากฎการณ์ได้ทั้งนั้น

ส่วนพระฐิตปัญโญ เจ้าของกระทู้ให้ความเห็นว่า วัดพระธรรมกายถูกตัดสินแล้ว โดยปราชญ์ทางพุทธศาสนาของโลกคือพระธรรมปิฎก ที่เขียนไว้ในหนังสือกรณีธรรมกาย ทางพุทธสอนให้เข้าวัดเพื่อกำจัดความโลภ โกรธ หลง แต่ธรรมกายสอนให้เข้าวัดเพื่อโลภ โกรธ หลง พระเป็นผู้ริเริ่มการสร้างเจดีย์ ต้องสึกออกหมด ก่อนไปบวชใหม่เป็นแบบสันติอโศก

กระทู้อื่น ๆก็คือจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างไร สรุปได้ว่าควรประกาศชัดจเนว่า พระหรือวัดมีกรอบหรือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนอย่างไร,ควรให้วัดหรอืพระทบทวนการสอนธรรมะ, ควรศึกษา แนวทางการเผยแพร่ของวัดพระธรรมกายว่ามีการจัดการที่ดีอย่างไร,ควรเน้นการสอนเรื่องกรรม, ควรปฏิวัตการสั่งสอนเสียใหม่เพราะสังคมเสื่อมโทรมมากจนน่าผิดหวัง