เดลินิวส์ 4/3/2542

ยันวิชชาธรรมกายสมาธิแบบเด็กๆ

แฉธรรมกายงกเงินเข้าสายเลือด ลืมบุญคุณแม้กระทั่งเศรษฐีเก่า"วรณี สุนทรเวช"ให้ที่ดินผืนแรก 196 ไร่ จนตั้งชื่อวัดว่า "วรณีธรรมกายาราม" แต่พอเข้าใจผิดจะเอาเงิน 5 ล้าน ไปบริจาคที่อื่นก็ตัดญาติไม่เชิญแม้งานเปิดวัด เปลี่ยนเป็นวัดธรรมกายลบชื่อเจ้าของที่ดินทิ้ง เจ้าคณะภาค 1 ยันวิชชาธรรมกายเป็นแค่สมาธิระดับเด็ก ๆ ต้องสอนกันใหม่ รวมถึงเลิกเพ้อนิพพานเป็นอัตตา ถ้าไม่ยอมจะจัดการเด็ดขาด พระธรรมปิฎกเดินหน้าเขียนหนังสือเล่มใหม่ "บุญบารมี" สางเสี้ยนศาสนา "ชวน" จี้ "ประชา" ตามจับมือระเบิดบ้าน "เสฐียรพงษ์"

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา นายอาคม เอ่ง ฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการที่ได้ไปกราบนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา พระพรหมโมลียืนยันว่าวิชชาธรรมกายของวัดพระธรรมกายเป็น
แค่การฝึกสมาธิเบื้องต้น
หากจะเปลี่ยนแปลงต้องนำหลักสูตรวิปัสสนาเข้าไปแทน หากพระในประเทศไทย 3 แสนรูปได้เริ่มต้นเรียนหลักสูตรอภิธรรมที่เปิดสอนที่วัดบวรนิเวศ และวัดระฆังจะไม่มี
การสอนผิดเพี้ยน เพราะหลักสูตรนี้สอนให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งและเข้าถึงหัวใจและแก่นแท้
ของพระศาสนาอย่างแท้จริง
พระพรหมโมลีจึงอยากให้ พระของวัดพระธรรมกายศึกษาหลักสูตรอภิธรรม นอกจากนี้ในส่วนที่วัดพระธรรมกายบอกว่านิพพานเป็นอัตตาก็ไม่ถูกต้องเพราะไม่ตรงตาม พระไตรปิฎก

นอกจากนั้นพระพรหมโมลียังเคยเดินทางไปวัดพระธรรมกายและพบพระไชยบูลย์ ธัมมชโย และพระเผด็จ ทัตตชีโว เจ้าอาวาส และรองเจ้า อาวาส โดยทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าวัดมีพระสงฆ์ประมาณ 900 รูป มีระดับเปรียญกว่า 200 รูป โดยแบ่งเป็นเปรียญ 9 จำนวน 7 รูป ส่วนที่เหลือเป็นเปรียญ 3 ขึ้นไป รวมถึงยังมีผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาบวชอีก 280 รูป ระดับปริญญาโทอีก 22 รูป

นายอาคม กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่ดินที่เป็นชื่อพระไชยบูลย์ หากบริสุทธิ์ใจจริงก็โอนให้เป็นของวัดหรือมูลนิธิ หากใช้ชื่อเจ้าอาวาสต่อไปโดยอ้างว่าประชาชนบริจาคเงินมาให้เองคงไม่เหมาะ เพราะหากพระไชยบูลย์สึกออก
ไปที่ดินตกเป็นของส่วนตัว แต่การดำเนินการปัญหาวัดพระธรรมกายคณะสงฆ์เป็นห่วงประชาชน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ กับกลุ่มคัดค้านเป็นเรื่องทิฐิ ที่ยากจะเปลี่ยนแปลง หากคณะสงฆ์มีมติออกมาให้
วัดพระธรรมกายดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง หากไม่ทำตามคงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป
แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ที่ผ่านมาวัดบอกอยู่เสมอว่าจะปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม

ทางด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย กล่าวถึงปัญหาวัดพระธรรมกายว่า ตนเคยเป็นลูกศิษย์วัด ไม่เข้าไปก้าวล่วง แต่พูดได้กลาง ๆ ว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะวัดพระธรรมกายยุคนี้ นำเอาเรื่องปาฏิหาริย์ไปใช้เป็นเรื่องการตลาด ซึ่งต้องยอมรับว่ามีการประชาสัมพันธ์ที่เก่ง จับตลาดบน นำเอาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วมาร่วมกิจกรรม

สำหรับเรื่องปาฏิหาริย์อาทิเกี่ยวกับพระอาทิตย์ทรงกลดนั้นนายสมัคร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ศิษย์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญจะทราบดีว่าเวลามีพิธีเกี่ยวกับหลวงพ่อสดมักมีปาฏิหาริย์ อย่างคราวหล่อรูปหลวงพ่อสด ปาฏิหาริย์ที่เกิดอาทิถ้าท้องฟ้าแจ่มใสพอมีพิธีก็จะมืดครึ้ม หรือเกิดเหตุตรงกันข้ามเสมอ แต่ไม่มีใครนำประเด็นเหล่านี้มาเป็นเรื่องพิเศษ แต่กรณีวัดพระธรรมกายได้นำมาเป็นประเด็นการชักจูงคนทำบุญ และเป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมที่มอบหมายให้พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นผู้วินิจฉัย โดยใช้เวลา 1 เดือน

ส่วนกรณีที่มีชื่อน.ส.วรณี สุนทรเวช เข้าไปเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายนั้น นายสมัครกล่าวว่า น.ส.วรณีเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตน มีศักดิ์เป็นพี่สาว เคยเลื่อมใสในหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เมื่อมีการขยายสาขาจึงได้บริจาคที่ดินที่คลองหลวง 196 ไร่ให้สร้างวัด และแรกเริ่มให้ชื่อว่าวัดวรณีธรรมกายาราม และจะมีการบริจาคเงิน 5 ล้านบาทในการก่อสร้างศาลาวิปัสสนา

อย่างไรก็ตามต่อมาเกิดข้อขัดแย้ง เนื่อง จากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้เดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างวัดพระธรรมกาย และบอกว่าในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธขนาดใหญ่ และทางวัดพระธรรมกายเข้าใจผิดว่า น.ส.วรณี จะนำเงินไปบริจาคให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงไม่ยอมเชิญ น.ส.วรณี ไปร่วมในพิธีเปิดวัด ต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระธรรมกายด้วย สุดท้าย น.ส.วรณี นำเงินดังกล่าวไปสร้างศาลาวิปัสสนาที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญแทน โดย น.ส.วรณีเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2541

รายงานข่าวจากกรรมาธิการการศาสนาเปิดเผยว่า กรรมาธิการการศาสนาได้ตรวจสอบ และพบข้อมูลว่าพระไชยบูลย์เป็นบุคคลที่มักมากในเงินบริจาคและจะแสดงความไม่พอใจหาก
มีคนเอาเงินไปทำบุญนอกวัดโดยเฉพาะจากบรรดาศิษย์หรือคนใกล้ชิด

กรณีที่กรรมาธิการได้รับข้อมูลมาก็คือจากพระมโน เมตตานันโท อดีตลูกศิษย์ของพระไชยบูลย์ที่เคยไป
เทศนาที่ จ.เชียงใหม่
ครั้งนั้นได้มีคนบริจาคติดกันเทศน์จำนวนเงินถึง 1 แสนบาท ซึ่งพระมโนก็ได้มอบให้สำหรับการตั้งเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนที่เชียงใหม่ ปรากฏว่าถูกพระไชยบูลย์ต่อว่าอย่างรุนแรงว่าทำไมถึงทำบุญนอกวัด และสั่งให้พระสุธรรม สุธัมโม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นฆราวาสและเป็นคนสนิทของพระไชยบูลย์ไปเอาเงินคืนมา

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. กล่าวภายหลังจากการเข้าพบนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีที่รัฐสภาว่า นายชวน กำชับให้ตำรวจเร่งคลีคลายคดีคนร้ายลอบวางระเบิดเพลิงเข้าบ้านนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต และให้หาทางคุ้มกันนายเสฐียรพงษ์รวมถึงพระ ธรรมปิฎกด้วย นอกจากนี้ยังกำชับให้รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ซึ่งสัปดาห์นี้นายกรัฐมนตรีพม่าและลาวจะเดินทางมาไทยอย่างเป็นทางการ

"ผมกำชับให้ทุกหน่วยตั้งแต่ผู้บังคับการระดับสูงเพิ่มความเข้มงวดไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านการข่าว
การออกตรวจ สืบสวน ตั้งจุดตรวจพิเศษ โดยให้เพิ่มการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และจะพยายามใน
การรักษาสถานการณ์ไว้ รวมถึงประสานแลกข่าวกับทหารทุกเหล่าทัพ"

ในวันเดียวกัน นายอำนวย สุวรรณคีรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ได้มีการนำพระวรธรรมกถาของสมเด็จพระสังฆราชที่พระราชทานในวันมาฆบูชา โดยเตือนถึงการบิดเบือนหัวใจของพระพุทธศาสนา ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นนโยบายของประมุขพระพุทธศาสนา ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่ารัฐบาลตั้งแต่กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จนถึงมหาเถรสมาคมและผู้เกี่ยว
ข้องต้องรับใส่เกล้า มาวิเคราะห์ วิจัย และวางแนวทางปฏิบัติให้ตรงกัน ทั้งนี้คงไม่เฉพาะเจาะจงที่
วัดพระธรรมกายแห่งเดียว และควรจะพิจารณาถึงวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศด้วย ที่สอนผิดเพี้ยน ทำตาม
อย่างลัทธิอื่น ทำพระพุทธรูปแปลก ๆ ซึ่งท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่าเป็นกระพี้ เป็นเนื้องอกของ
พระพุทธศาสนา ไม่ใช่แก่น

"ทุกฝ่ายควรจะจัดสัมมนาเพื่อตีความพระวรธรรกถาเป็นการปฏิบัติ คณะสงฆ์ควรจะมีการ ประชุมหาข้อยุติในเรื่องนี้ ว่าวัด 3 หมื่นวัด ในประเทศมีวัดไหนที่ผิดเพี้ยนบ้าง และจะดำเนินการอย่างไร"

นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการศาสนายังยกร่าง พ.ร.บ.การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อสนับสนุนการบริหารงานของคณะสงฆ์ จัดการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา ให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและจัดตั้งทรัพย์สินสวนพระพุทธศาสนาเพื่อสนับ สนุนกิจการดังกล่าว โดยพุทธศาสนาควรได้การคุ้มครองจากฆราวาส ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ จนถึงระดับตำบล โดยอยู่ในรูปคณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา จึงจะมีอำนาจให้คุณให้โทษและมีความดีความชอบ โดยจะมีคณะกรรมการขึ้นมาคุ้ม ครองระดับประเทศ ลงไปถึงระดับตำบล และถึงระดับแต่ละวัดเพื่อดูแลให้ทั่วถึง ฝ่ายสงฆ์เห็นชอบเรื่องนี้แล้ว และจะแจกให้ทุกพรรคการเมือง นำไปศึกษารายละเอียด

ส่วนเรื่องการทำร้ายนายเสฐียรพงษ์ คงไม่มีน่ามีปัญหาเพราะรัฐบาลต้องดูแล แต่เชื่อว่าฝ่ายข่าว และสันติบาลรู้ตัวผู้ทำผิดแล้ว

พ.ต.ท.วิจิตร นันทวงศ์ ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม กล่าวว่า ตำรวจจัดกำลังอารักขาพระธรรมป”ฏก ที่วัดญาณเวศกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หากเป็นเรื่องศาสนาไม่น่าจะมีความรุนแรง แต่หากเป็นเรื่องลัทธิแล้วไม่ขอยืนยันจะเกิด
อะไรขึ้นได้ เนื่องจากธรรมกายเป็นการสร้างลัทธิ น่าวิตกกังวล ตำรวจไม่ได้ประมาท

พระครูปลัดปิฎกวัฒน์ พระเลขาฯ พระธรรมปิฎก กล่าวว่า พระธรรมปิฎกไม่ได้โจมตีใคร เพียงแต่ทำงาน รักษาพระธรรมวินัย สร้างความรู้ให้ประชาชน ภายในวัดก็ปกติ และขออนุโมทนาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ให้ความเป็นห่วงมาดูแลความปลอดภัย โดยพระธรรมปิฎกยังจะเขียนหนังสือเล่มต่อไปคือ "เรื่องบุญบารมี" ต่อไปเพื่อให้เห็นว่าหลักการทาง
พุทธศาสนาพูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่าอย่างไร ให้ญาติโยมอ่านจะได้ชัดเจนขึ้น.