เดลินิวส์ 2/3/2542

ปาระเบิด'เสฐียรพงษ์' 'ชวน'เต้นจี้จับ 'พรศักดิ์'ชี้ปมธรรมกาย

"ชวน"สั่งเองโทรฯ จี้ ผกก.บางกรวย ให้เร่งลากตัวมือมืดลอบปาระเบิดเพลิง บ้าน"เสฐียรพงษ์" มาดำเนินคดีโดยเร็ว "พรศักดิ์" เชื่อประเด็นหลักมาจากการเขียนบทความโจมตีวัดพระธรรมกาย หวั่น "เจิมศักดิ์-พระธรรมปิฎก" ถึงคิวถัดไป หลังใบปลิวชวนชาวพุทธฆ่าทิ้งคนขายชาติว่อน "ธัมมชโย" เจ้าอาวาสตีบทแตกประกาศเชิญสื่อมวลชนทำข่าวได้แต่ห้ามเข้าวัด ไม่วายเชิญชวนผู้คนทำบุญเพื่อการศึกษาสงฆ์กองทุนละ 500 บาท อ้างพระสามเณรนับแสนรูปรอรับอยู่ แถมเทศนาธรรมเรื่องโอวาทพระพุทธเจ้าในวันมาฆบูชาต่างกับสมเด็จพระสังฆราชต่างหาก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ซึ่งเป็นวันมาฆบูชาว่า มีหมอกลงหนาจัดทำให้การเดินทางไปทำบุญที่วัดล่าช้า และมีผู้มาร่วมงานจำนวนไม่มากนักทำ ให้มีการเลื่อนพิธีตักบาตรจากเวลา 06.30 น. เป็นเวลา 07.30 น. แทน อย่างไรก็ตาม บริเวณประตูทางเข้าวัด ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขององค์การทหารผ่านศึกจำนวนมากกว่า 10 นายเฝ้าตามจุดต่างๆ โดยมีความเข้มงวดเป็นพิเศษกับรถที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถของสื่อมวลชนที่จะเข้ามาทำข่าวภายในวัด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ของวัดแต่งกายชุดขาวถือวิทยุอีกเป็นจำนวนกว่า 100 คนคอยสังเกตรถของสื่อมวลชน
นอกจากนี้ยังมี พ.ต.ต. อดุลย์ เม่นบางผึ้ง สวส. สภ.อ.คลองหลวง แต่งกายชุดขาวทั้งชุดมาคอยกำกับดูแลและสั่งการความเรียบร้อยบริเวณสภาธรรมกายสากล

* กันนักข่าวห้ามเข้าวัดเด็ดขาด

เจ้าหน้าที่ของวัดที่ทำหน้าที่อยู่ได้แจ้งว่า ห้ามมิให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายในวัด โดยอ้างว่าให้เข้าทำข่าวได้เฉพาะสื่อมวลชนที่ทางวัดมีหนังสือเชิญ เนื่องจากทางวัดได้ส่งหนังสือเชิญให้มาทำข่าวอย่างเป็นทางการไปให้แล้ว แต่ไม่มีสื่อมวลชนฉบับใดตอบรับหรือใส่ใจ จึงมิให้เข้าไปทำข่าวภายในวัดได้ แต่หากต้องการเข้าไปในวัดนั้น จะต้องฝากอุปกรณ์การทำงานทุกชนิด ตั้งแต่กล้องถ่ายภาพ เทป เพจเจอร์ โทรศัพท์มือถือ ฝากไว้บริเวณป้อมยาม โดยมีแบบฟอร์มมาให้กรอกว่านำอุปกรณ์อะไรมาบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการเจรจากับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อขอเข้าไปทำข่าวในบริเวณงานนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่จากภายในงานวิทยุออกมาแจ้งแก่ผู้ที่ดูแลด้านทางเข้าว่า ให้ตรวจสอบดูแลเส้นทางที่จะเข้ามาในบริเวณงานทุกจุด เนื่องจากพบว่ามีสื่อมวลชนปะปนเข้าไปทำข่าวอยู่ในบริเวณงาน ทั้งนี้ได้ย้ำว่าหากตรวจสอบพบให้ยึดกล้องและเทปบันทึกเสียง พร้อมทั้งเชิญออกไปนอกบริเวณงานทันที เป็นที่น่าสังเกตว่ารถบัสที่ขนคนมาร่วมงานนั้น ผู้มาร่วมงานที่นั่งมาในรถ แต่งกายแบบชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ไม่สวมชุดขาว ไม่มีแบบฟอร์มหรือชุดของทางวัดพระธรรมกายด้วย โดยผู้ที่มาร่วมปฏิบัติครั้งนี้มีทั้งสิ้นราว 6,000 คนเศษ

* "ธัมมชโยžฟุ้ง"ปาฏิหาริย์"

รายงานข่าวระบุว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) และพระภาวนาวิริยคุณ (ทัตตชีโว) ได้นำพระสงฆ์ของวัดออกมารวมตัวพร้อมกับพุทธศาสนิกชนที่บริเวณสภาธรรมกายสากล โดยพระธัมมชโยได้ประกาศให้สื่อมวลชนที่จะเข้ามาทำข่าวในวัดไปลงชื่อกับเจ้าหน้าที่หลายครั้งหลายหน ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังตรวจสอบสื่อมวลชนไม่ให้เข้าไปในบริเวณวัดอย่างเข้มข้นมากขึ้น

พระธัมมชโยกล่าวต่อพุทธศาสนิกชนว่า ขอให้มีการสวดมนต์กันอย่างพร้อมเพรียง กล่าวขอขมาลาโทษต่อพระรัตนตรัย และขอให้พระองค์ช่วยงดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ขอให้ตั้งใจแน่วแน่ปฏิบัติธรรมสู่นิพพาน เรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ เรื่องครอบครัว เรื่องการเรียนให้เอาพักไว้ก่อนทำใจให้ใส วันนี้จะเป็นวันอัศจรรย์ของโลกอีกครั้งหนึ่ง ทำใจให้เบิกบานมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์

"พระพุทธเจ้ามี 3 ระดับคือ ระดับ 1 พระพุทธเจ้าที่เรากราบไหว้บูชา ระดับที่ 2 คือเจ้าชายสิทธัตถะ และระดับที่ 3 คือธรรมกายและธรรมกายของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง การทำสมาธินึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ใหม่ๆ จะยังไม่โปร่งใส แต่นานเข้าก็จะแลเห็นดวงธรรมทั้ง 3 ดวงคือ ดวงดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ซึ่งในครั้งนี้เราก็จะได้เห็นกัน นะจ๊ะ "

* เทศน์ขัดแย้งพระสังฆราช

ต่อมาเวลา 11.00 น. พระทัตตชีโว ได้กล่าวเทศน์ต่อสาธารณชนว่า วันมาฆบูชาเมื่อ 2,500 ปีที่ผ่านมานั้น พระพุทธเจ้าให้โอวาทไว้ 3 ประการคือ 1.ความชั่วแม้แต่นิดเดียวไม่ควรทำ ให้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน หากคิดจะกระทำความชั่ว 2.ให้ตั้งใจทำความดีให้เต็มศาลา และ 3. ให้ตั้งใจกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว เป็นเพชร เมื่อตั้งใจได้แล้วทุกอย่างก็
จะเป็นธรรมกาย

"ถ้าเราถือว่าการรักษาศีลเป็นการทำความดีก็ให้ถือว่าการทำความดีเบื้องต้น บ้านเมืองของเรายังไม่สงบจริง เนื่องจากคนเรายังไม่ทำความดี ถ้าคนเราปฏิบัติธรรมในวันมาฆบูชามาจุดโคมประทีป ตั้งใจในการทำบุญ ตั้งใจในการสร้างพระมหาธรรมกายประจำตัว นี่คือการทำความดีที่ชัดเจน ความดีมี 3 ระดับคือ 1. ความดีแบบพื้นฐานไม่ทำชั่ว ขั้นที่ 2 คือ การปฏิบัติตนให้เป็นกัลยาณมิตร ส่วนขั้นที่ 3 นั้นก็คือการภาวนาสมาธิเข้าถึงธรรมกาย ถ้าทำความดีเพียง 2 ข้อก็ไม่ถึงธรรมกาย แม้จะอ่านพระไตรปิฎกเป็นร้อยครั้งก็ไม่สามารถเข้าถึงธรรมกายได้ ต้องบำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตร เพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้"

เป็นที่น่าสังเกตว่า เนื้อหาคำเทศนาของพระทัตตชีโวในเรื่องของวันมาฆบูชา โดยเฉพาะในเรื่องของคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นค่อนข้างแตกต่างกับสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระญาณสังวรฯ ที่ทรงแสดงผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเป็นอย่างมาก กล่าวคือในหัวใจพระพุทธศาสนานั้น สมเด็จพระสังฆราชทรงแสดงเทศนาไว้ว่า หัวใจพระพุทธศาสนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามี 3 ประการคือ 1.การไม่ทำบาปทั้งปวง 2.การทำกุศลในพร้อม และ 3. การยังจิตของตนเองให้ผ่องใส

"พระธรรมเทศนาของสมเด็จพระสังฆราชขยายความในข้อ 3 ไว้ว่า ความเป็นผู้ไกลแล้วจากกิเลสทั้งปวงของพุทธสาวกเหล่านั้นย่อม ทำให้สามารถอธิบายขยายความสำคัญของหัวใจพระพุทธศาสนาได้ถูกต้องถ่องแท้ ไม่ทำให้เกิดความไขว้เขวในบรรดาผู้ได้รับฟังทั้งหลาย คือไม่ทำให้การปฏิบัติพระพุทธศาสนาผิดไปจนไม่อาจได้รับผลที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา ความรู้พระพุทธศาสนาถูกจริงเป็นความสำคัญที่สุดของผู้ที่จะแสดงความรู้ในพระพุทธศาสนา น่าจะเป็นด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงแสดงหัวใจพระพุทธศาสนาแก่บุคคลทั่วไป แต่เจาะจงแสดงเฉพาะผู้เป็นพระอรหันตขีณาสพเท่านั้น ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนสติผู้มีเจตนาดังมุ่งประกาศพระพุทธศาสนาทั้งหลายในปัจจุบัน"

* บอกบุญอ้างให้ทุนพระสามเณร

ต่อมาเวลา 14.00 น. พระธัมมชโยได้ออกมาแสดงเทศน์อีกครั้ง โดยบอกว่าวันที่ 22 เม.ย.นี้จะเป็นวันเกิดของตน จึงมีโครงการแจกทุนการศึกษาแก่ภิกษุสามเณรทั่วประเทศ มารับทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 รูป จึงอยากให้ทุกคนร่วมกันบริจาคทรัพย์กองทุนละ 500 บาท ทั้งนี้พระที่จะบวชในช่วงเข้าพรรษาจะมีกว่า 3 แสนรูปและหลังจากนั้นจะเหลือประมาณ 2 แสนรูปที่จะได้รับบุญครั้ง นี้ โดยการทำบุญครั้งนี้ให้เดินทางมาทำที่วัดพระธรรมกายได้เลย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในงานครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาป่า กรมป่าไม้จากจังหวัดต่าง ๆ กว่า 11 จังหวัดได้นำรถติดตราราชการกรมป่าไม้มาใช้ในงานนี้ โดยทำหน้าที่เป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยด้วย โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้เหล่านี้จะอยู่ในชุดพรางของกรมป่าไม้

ในวันเดียวกันเมื่อเวลา 11.00 น.ที่วัดยานาวา นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำจากกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทย พร้อมด้วยนายประจิณ ฐานังกรณ์ แกนนำกลุ่มธรรมาธิปไตย ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเมตตาจากพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวาและเจ้าคณะภาค 1 เพื่อเรียกร้องให้เร่งรัดนำเรื่องวัดพระธรรมกายเข้าสู่การพิจารณา
ของมหาเถรสมาคมเป็นการด่วน หรือให้มีการปลดพระพรหมโมลีออกจากตำแหน่ง
แต่ไม่ได้พบกับพระพรหมโมลี
มีเพียงพระครูปลัดมหาเถรานุวัตรออกมารับหนังสือแทน

* ปาระเบิดเพลิงบ้าน"เสฐียรพงษ์"

ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 มี.ค. ร.ต.อ.กฤช มีนุชนารถ ร้อยเวร สภ.อ. บางกรวย รับแจ้งเหต ุคนร้ายลอบปาระเบิดเพลิงใส่บ้านเลขที่ 156/55 หมู่ 6 ซอย 2 หมู่บ้านสมชาย ต.บางกรวย อ.บางกรวย ซึ่งเป็นบ้านของ นาย เสฐียรพงษ์ วรรณปก อายุ 60 ปี ราชบัณฑิตด้านศาสนา จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นราสุข หาสุณหะ ผกก. กำลังจำนวนหนึ่ง และรถดับเพลิง 1 คันไปที่เกิดเหตุ บริเวณโรงจอดรถของบ้านพบว่ามีชาวบ้านข้างเคียง กำลังช่วยกันนำน้ำมาดับไฟที่ลุกไหม้อยู่ที่รถเก๋งยี่ห้อนิสสันรุ่นรอยัลซาลูน สีเขียว ทะเบียน 3ฬ-2246 กท. ใช้เวลาไม่นานก็สามารถดับไฟจนสงบลงได้

ปรากฏว่ารถเก๋งคันดังกล่าวได้รับความเสียหายบริเวณล้อหน้าขวา กระโปรงหน้า และช่วงล่าง นอกจากนี้เปลวไฟยังลามไปติดบริเวณผนังปูนเป็นคราบเขม่าดำ ในที่เกิดเหตุพบเศษขวดเบียร์แตกกระจาย และแกลลอนน้ำมันพลาสติกสีดำขนาด 5 ลิตรตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคาดว่าคนร้ายคงใช้ถังบรรจุน้ำมันเปิดฝาโยนเข้ามาก่อน จากนั้นจึงใช้ขวดเบียร์ใส่น้ำมันเอาผ้าอุดปากขวดแล้วจุดไฟปาตามเข้ามาจนเกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว

จากการสอบสวนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าว นายเสฐียรพงษ์อาศัยอยู่กับนางนิโลบล วรรณปก ภรรยา และนายเสก วรรณปก อายุ 27 ปี บุตรชาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลอีก 1 นาย ซึ่งถูกส่งมาอารักขาความปลอดภัยให้แก่นายเสฐียรพงษ์ ทั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านี้นายเสฐียรพงษ์ถูกผู้ไม่หวังดีโทรศัพท์มาข่มขู่ให้เลิกเขียนบทความโจมตีวัดพระธรรมกาย

* "ประชา"ส่ง"พรศักดิ์"คุมคดี

ก่อนเกิดเหตุขณะที่นายเสฐียรพงษ์พร้อม ด้วยภรรยาและบุตรชาย กำลังนอนพักอยู่บนชั้นสองของบ้าน ส่วนตำรวจสันติบาลพักอยู่บริเวณชั้นล่าง ก็ได้ยินเสียงของแข็งตกที่หน้าบ้านตามด้วยเสียงแก้วแตก จึงรีบลุกออกมาดูพบว่าไฟกำลังลุกไหม้อยู่บริเวณโรงจอดรถ แต่ยังไม่ทันลุกลามมากจึงช่วยกันดับได้ทัน ส่วนคนร้ายไม่มีใครพบเห็น เพียงแต่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดใกล้บ้านแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วหลังเกิดเหตุ เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุคงมาจากการที่นายเสฐียรพงษ์เขียนบทความ โจมตีวัดพระธรรมกาย เนื่องจากก่อนหน้าเกิดเหตุไม่นานมีคนโทรศัพท์และเพจมาข่มขู่ให้ให้เลิกเขียนบทความดังกล่าว

ต่อมาเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.อ. พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อนันต์ ภิรมย์แก้ว ผบช.ตร.ภาค 1 และ พล.ต.ต.จุมพล มั่นหมาย ผช.ผบช.ตร.ภาค 1 ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุแล้วได้เข้าไปตรวจดูรถยนต์นิสสันที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย จากนั้นคณะนายตำรวจทั้งหมดพร้อมด้วยนายเสฐียรพงษ์ได้เข้าไปพูดคุยกันในบ้าน โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายในบ้านแต่อย่างใด

หลังจากนั้นพล.ต.อ.พรศักดิ์ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายเสฐียรพงษ์ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายด้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยประเด็นหลักเชื่อว่า มาจากการเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย ส่วนประเด็นอื่นๆก็ไม่ได้ทิ้ง คดีนี้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร.มีความสนใจเป็นอย่างยิ่งได้สั่งกำชับให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

* "ชวน"จี้เองหาคนร้ายด่วน

ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน นำโดย พล.ต.อ.ปาน ตันตระกูล ผกก.1 พฐ. ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมทั้งเก็บชิ้นส่วนหลักฐานต่างๆไปทำการตรวจสอบแล้ว ต่อมาพล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และนายตำรวจติดตามนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน หลังจากตรวจสถานที่เกิดเหตุเสร็จแล้วเมื่อทราบว่านาย
เสฐียรพงษ์ออกไปทำงานแล้ว จึงได้พากันเดินทางกลับ

ทางด้าน พ.ต.อ.นราสุข หาสุณหะ ผกก. สภ.อ.บางกรวย ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพร ธรรมอนันต์ รอง ผกก.(ป.) และ ร.ต.อ.อาคม พิพัฒน์เดชพงษ์ สว.สส. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกสืบสวน และสอบถามพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายต่อไป ซึ่งในระหว่างที่กำลังหารือกันอยู่นั้นเองทาง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์เข้ามายังมือถือของพ.ต.อ.นราสุข แล้วได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ และเกี่ยวข้องกับคดีนี้เร่งติดตามตัวคนร้าย
มาดำเนินคดีให้ได้ * มั่นใจธรรมกายเป็นเหตุ

ทางด้านนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก เปิด เผยว่า การดำเนินการของกลุ่มคนร้ายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มุ่งประเด็นไปที่เรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์วัดพระธรรมกาย เนื่องจากไม่เคยมีเรื่องมีเป็นศัตรูกับใครที่ไหน แต่โดยส่วนตัวแล้ว กลับมองไว้ 2 ประเด็นคือ เป็นพวกฉวยโอกาสเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย กับ ประเด็นที่สองก็คือ เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์วัดพระธรรมกาย เหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเพียงการข่มขู่เท่านั้น

"คนในบ้านไม่เป็นอะไร ลูกชายตกใจนิดหน่อย เมื่อคืนก็ช่วยกันดับไฟสองพ่อลูก คือตอนที่เกิดเหตุนั้นลูกชายนั่งดูบอลอยู่ชั้นล่าง ประมาณ 00.30 น.ได้ยินเสียงดังเพล้ง ก็ไม่ได้สนใจ สักพักหนึ่งก็มองเห็นไฟจึงลุกขึ้นมาดู ปรากฏว่าไฟไหม้ยางล้อหน้าและกระโปรงรถกำลังลามไปที่ประตูด้านคนขับจึงช่วยกันเอาน้ำราด รถนิสสัน ซันนี่โฉมใหม่ของลูกชายเสียหาย ไม่ได้ติดใจอะไร ถ้าจับคนร้ายได้ก็ถือว่าโชค เพราะจะสามารถสาวไปถึงผู้บงการได้"

* ถึงคิว"เจิมศักดิ์-พระธรรมปิฎก"

ในคืนเดียวกันนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและนักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ ได้จัดรายการเปิดประเด็นทางสถานีวิทยุกระจายเสียงคลื่น 96.5 เมกะเฮิรตซŒ ตั้งแต่เวลา 20.30-23.30 น. โดยได้ติดต่อไปยังผู้ที่ถูกข่มขู่หลังจากที่มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์วัดพระธรรมกายร่วมรายการด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ได้มีใบปลิวเถื่อนส่งไปยังนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย โดยเนื้อหาใบปลิว ได้โจมตีการที่มีบุคคลจากหลายวงการออกมาวิจารณ์การดำเนินการ ของวัดพระธรรมกาย ว่าเป็นพวกหิวเงินมุ่งร้ายต่อพระศาสนา โดยในช่วงท้ายของใบปลิวได้เชิญชวนให้ชาวพุทธร่วมกันตัดสินโทษ
บุคคลอาทิ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก และคนอื่นๆ รวมทั้งพระธรรมปิฎกด้วยว่า
คนเหล่านี้เป็นขบวนการขายชาติ ทำลายศาสนา ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธทั้งหลายจะต้องร่วมมือกันฆ่าทิ้ง
เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ลอยนวลอยู่ในแผ่นดินไทยต่อไปด้วย ซึ่งในส่วนของพระธรรมปิฎกนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไป
เฝ้าเพื่ออารักขาหวั่นเกิดเหตุร้ายแล้ว

* "อาคม"ลุย"พระพรหมโมลี"

นายอาคม เอ่งฉ้วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมศาสนาไปนมัสการพระพรหมโมลีเพื่อนัด หมายเวลาที่แน่นอน ให้เข้าไปพบในวันอังคารที่ 2 มี.ค. เพื่อสอบถามเรื่องกำหนดเวลา กรณีวัดพระธรรมกาย เนื่องจากเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร หลักฐานข้อมูลต่างๆพร้อมหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหลักฐานจากคณะกรรมการของกระทรวงศึกษา และคณะกรรมาธิการศาสนาก็ได้ส่งไปให้หมดแล้ว ที่สำคัญพระพรหมโมลี ก็คงได้รับข้อมูลจากส่วนอื่นมามากพอสมควร คงพิจารณาได้แล้ว

"ท่านนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วง เรื่องผลการดำเนินงานของวัดพระธรรมกาย ผมก็ได้เรียนไปว่า ต้องเป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคม ที่ได้มอบหมายให้พระพรหมโมลีพิจารณา"

ผู้สื่อข่าวถามหากไม่ได้รับคำตอบจะทำอย่างไร รมช.ศึกษาฯ กล่าวว่า เท่าที่ฟังก็เห็นว่าพระพรหมโมลีก็อยากจะเร่งตัดสินแต่ไม่ทราบว่ารออะไรอยู่ ส่วนการที่มีการเสนอให้มีการทำประชาพิจารณ์นั้นคิดว่าไม่จำเป็น เนื่องจากขณะนี้เรื่องได้ถึงขบวนการการตัดสินแล้วไม่ใช่คิดเห็น

* ป้องพระธรรมปิฎกหวั่นเหตุร้าย

ส่วนที่วัดญาณเวศกวันนั้น ตลอดทั้งวันได้มีศิษยานุศิษย์เดินทางมาที่วัด เพื่อพบและนมัสการ พระธรรมปิฎก เนื่องจากเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย เพราะได้ทราบข่าวเรื่องถูกข่มขู่และโจมตีด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างไรก็ตามเหล่าสานุ ศิษย์มีการจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของวัดพระธรรมกาย และแสดงความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของพระธรรมปิฎกอย่างมาก

ศิษย์ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่งกล่าวว่า มีญาติโยมได้โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความห่วงใยตลอด พร้อมกับพูดว่าถ้าเมืองไทยซึ่งเป็นที่พระอยู่แล้วไม่ปลอดภัยก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว คงไปขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกันเองไม่ได้ นอกจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเห็นสมควร

ทางด้านท่านพระครูปลัดปิฎกวัฒน์ พระเลขาฯ กล่าวว่า เรื่องการออกหนังสือ "กรณีวัดพระธรรมกาย"ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดความไม่พอใจกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งว่า เรื่องนี้เป็นความ
บริสุทธิ์ใจของพระธรรมปิฎก ที่ต้อง การสร้างความเข้าใจชัดเจนในพระพุทธศาสนา ถือเป็นการทำหน้าที่ซึ่งคนที่ปฏิบัติธรรมย่อมเข้าใจดี
คนใฝ่ธรรมควรลดโทสะโมหะกระทำการที่รุนแรงเช่นนี้เท่ากับเป็นการประจานตัวเอง

"มีสาธุชนสานุศิษย์โทรศัพท์เข้ามาเป็นจำนวนมาก เราเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ตอนนี้รู้สึกอุ่นใจ สบายใจแล้ว เพราะเห็นว่าอะไรที่ต้องชี้แจงก็ต้องเสนอตามความเป็นจริง เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และสะอาด เรื่องความปลอดภัยเราไม่เป็นกังวลแต่ก็ไม่ประมาท"