เดลินิวส์ 1/3/2542

"ธรรมกาย"ดิ้นสุดฤทธิ์ ทอดผ้าป่า "มาฆบูชา"

"วัดพระธรรมกาย" ดิ้นสุดฤทธิ์ ให้ประธานรองทอดผ้าป่า "มาฆบูชา" ซึ่งต้องทำบุญถึง 1 ล้านบาทตั้งขบวนหน้าสภ.อ.คลองหลวงแห่เข้าวัด หวังแสดงให้ทุกคนเห็นว่ายังมีศักยภาพแม้จะมีข่าวฉาวสารพัด เสนอค่าเดินทาง 800 บาทให้พระภิกษุทั่วประเทศมาร่วมงาน พร้อมส่งพระลูกวัดออกแจกจ่ายพระมหาสิริราชธาตุเพื่อดึงประชาชน ผอ.โรงเรียนที่อยุธยาระบุนักเรียนสนใจมาร่วมงานเพราะมีข่าวดังจึงอยากมาดู ส่วนใหญ่คิดว่าเหมือนมาเที่ยวมีรถ-รับส่งฟรีแถมอาหารการกินพร้อม "สามเณรี" โผล่แล้วกลางวัดพระธรรมกาย ทั้งๆที่ก่อนหน้ามีการปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มี ด้านสวนดุสิตทำ "โพลพุทธศาสนา" พบชาวพุทธคาใจวัดพระธรรมกายมากที่สุด

เผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนเดินทางมาที่วัดพระธรรมกายจำนวนประมาณ 2,000 คน โดยในช่วงเช้าพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ลงมาเป็นประธานในการบูชาพระรัตนตรัย และได้เทศนาให้บรรดาญาติธรรมฟังเช่นที่เคยปฏิบัติ
มาทุกวันอาทิตย์ หลังเทศน์จบพระไชยบูลย์ได้กล่าวกับญาติธรรมตอนหนึ่งว่า วันนี้ขอให้พวกเราร่วมใจกันอธิษฐานจิตเป็น
ประธานรอง ซึ่งต้องทำบุญ 1 ล้านบาท และประธานกอง ซึ่งต้องทำบุญ 5,000 บาท ในการทำบุญทอดผ้าป่าในวันมาฆบูชา วันที่ 1 มี.ค. 2542 นี้ พร้อมทั้งย้ำด้วยว่า "มากันให้พร้อมหน้าพร้อมตากันนะจ๊ะ"

ต่อมาเวลา 10.45 น. พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส ได้กล่าวนำสวดอาราธนาศีล และเทศน์ต่อจากพระไชยบูลย์ โดยเนื้อหาได้เน้นย้ำให้ทุกคนไปบอกไปชักชวนเพื่อน ญาติพี่น้องมาร่วมพิธีวันมาฆบูชา และให้บอกต่อๆกันไปว่าเหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงแล้วให้ใช้โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ เพจเจอร์ ไปตามพวกเราให้มาจุดโคมมาฆประทีปกันเยอะๆ เพราะอดีตกาลผู้ที่บรรลุเข้าถึงพระรัตนตรัยเข้าถึงธรรมกายในวันมาฆบูชา ก็โดยวิธีจุดโคมมาฆประทีปรอบๆเจดีย์ มีผู้เข้าถึงธรรมกายด้วยวิธีนี้แล้วในสมัยพุทธกาล ใครที่ยังเข้าไม่ถึงจึงเป็นโอกาสให้เข้าได้โดยพร้อมเพรียงกัน

สำหรับบรรยากาศทั่วไปที่สภาธรรมกายสากล ในช่วงเวลา 12.30 น. ปรากฏว่าได้มีสามเณรี หรือนักเรียนอภิญญาธรรม โกนผม โกนคิ้ว นุ่งห่มชุดสีเทา อายุระหว่าง 15-17 ปี จำนวน 2 คน ได้เดินมารับอาหารพร้อมหิ้วถุงโกโก้เย็นจากบริเวณจุดรับอาหาร เมื่อผู้เสื่อข่าวเข้าไปพูดคุยซักถาม ทั้ง 2 คนมีสีหน้าท่าทางหวาดระแวง ไม่ยอมสบตา แต่ก็กล่าวว่ายังพำนักอยู่ในบริเวณวัดทั้ง 12 คน ภารกิจประจำวันก็นั่งสมาธิ เรียนบาลีธรรม และมีความเป็นอยู่สะดวกสบายดี จากนั้นก็รีบเดินหนีไป โดยมีเจ้าหน้าที่วัดเข้าไปซักไซร้ว่าตอบอะไรผู้สื่อข่าวไปบ้าง ทั้งนี้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าจากกรมการศาสนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาค 1 เคยเดินทางมาตรวจสอบเรื่องสามเณรีที่วัดพระธรรมกาย แต่ไม่พบ และทางวัดปฏิเสธว่าไม่เคยมี

เกี่ยวกับเรื่องสามเณรีนี้ ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปทุมธานี รายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา พระเผด็จ รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้นั่งรถโฟล์กตู้สีเทาดำ พร้อมด้วยรถขบวนหลายคัน เดินทางเข้าไปที่มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการจัดพิธีวันมาฆบูชา โดยมีสามเณรี 2 คนติดตามลงมาจากรถตู้เข้าไปด้านหลังมหาธรรมกายเจดีย์ด้วย เมื่อเข้าไปถึงมหาธรรมกายเจดีย์เจ้าหน้าที่ รปภ.ได้ปิดประตูห้ามใครเข้าไปข้างในเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ รปภ.ของวัดพระธรรมกายได้เริ่มเข้มงวดในการตรวจสอบสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวที่วัดอีกครั้ง มีการแจกจ่ายภาพของผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่ง โดยแจ้งให้กันไว้ไม่ให้เข้ามาทำข่าวที่วัดในวันมาฆบูชา และเป็นที่น่าสังเกตุว่าทาง รปภ.มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารที่ทันสมัยมาก เช่นใช้วิทยุสื่อสารชนิดซ่อนติดตัวใช้สายหูฟัง และใช้ไมโครโฟนเล็กๆหนีบติดคอเสื้อ เมื่อสอบถามก็บอกว่าทางวัดจัดหามาให้แต่ไม่ทราบว่าเอามาจากที่ใด

นอกจากนี้มีผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งเข้ามาทำข่าวที่วัดพระธรรมกายเป็นประจำเปิดเผยว่า ทางวัดได้มีการนำภาพถ่ายกิจกรรมต่างๆของวัด รวมทั้งภาพผู้สื่อข่าวที่ทางวัดบันทึกไว้ มาฉายให้บรรดาสาวกและญาติธรรมดู และมีภาพของตนด้วย ทั้งนี้ ผู้บรรยายได้กล่าวกับสาวกและญาติธรรมว่าภาพของผู้สื่อข่าวคนนี้ ซึ่งก็คือตนคือผู้สื่อข่าวที่ได้เข้ามาทำข่าวให้วัดเสียหาย และล่าสุดได้เสียชีวิตแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยผู้บรรยายไม่ทราบว่ามารดาของตนซึ่งเข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัดนานแล้วได้นั่งดูอยู่ด้วย และกลับมาเล่าให้ฟังว่ารู้สึกไม่ดีเลยที่ทางวัดให้ร้ายตนเช่นนี้

ด้าน น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิธรรมกาย กล่าวว่า ทางมูลนิธิขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวที่เป็นธรรมกับวัดพระธรรมกายด้วย ระหว่างที่รอผลการพิจารณาชี้ชัดของมหาเถรสมาคม พร้อมกันนี้ น.ส.ชุลีพรยังบอกด้วยว่า วันมาฆบูชานี้พระอาคันตุกะที่ได้รับนิมนต์จะเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศครบ 10,000 รูป ตามที่ได้ออกหนังสือนิมนต์ไป ซึ่งเท่ากับยอดเดิมที่เคยนิมนต์ทุกปีอย่างแน่นอน

พระสัมฤทธิ์ ฉายาโอภาโส พระลูกวัด วัดกลางสังขะ ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทรื เปิดเผยว่า ได้เดินทางมาร่วมงานวันมาฆบูชาที่วัดพระธรรมกายโดยการเชิญชวนทางเอกสารซึ่งส่งทางไปรษณีย์ และคงจะมีพระและสามเณรจากทุกจังหวัดเดินทางมาร่วม ถึงแม้ว่าวัดในต่างจังหวัดแม้แต่วัดเล็กๆก็มีการจัดงานวันมาฆบูชาเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่ทราบว่าทุกๆปีทางวัดพระธรรมกายจะมีการแจกทุนการศึกษาให้แก่สามเณร
เป็นทุนศึกษาบาลีทุนละ 1,500 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาอีกรูปละ 800 บาทด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันมาฆบูชานี้ตั้งแต่เช้าตรู่ผู้ที่เป็นประธานรองในการทอดผ้าป่าที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และบุคคลที่มีฐานะมีชื่อเสียงหลายคนร่วมอยู่ด้วย จะมีการตั้งขบวนกันบริเวณหน้า สภ.อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนจะเดินทางมาที่วัดพร้อมกัน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงศักยภาพให้คนทั่วไปเห็น และภายในวัดจะมีการจัดโต๊ะยาวสำหรับตักบาตรในส่วนของประธานรองเหล่านี้หลายสิบโต๊ะ โดยตามกำหนดการพิธีตักบาตรจะเริ่มประมาณ 07.00 น.

ที่วัดญาณเวศกวัน พุทธมณฑล เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานคณะทำงานตรวจสอบกรณีวัดพระธรรมกาย ในส่วนของคณะกรรมการการศาสนาฯ และคณะ ได้เดินทางเพื่อขอเข้าพบ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ปราชญ์สงฆ์แห่งยุค ผู้เขียนหนังสือชื่อ "กรณีธรรมกาย" ตอบโต้คำสอนที่ผิดเพี้ยนของวัดพระธรรมกาย และชี้แจงคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้ชาวพุทธตาสว่าง หลังมีข่าวว่าบรรดาสาวกธรรมกายไม่พอใจการเขียนหนังสือดังกล่าว และอาจทำให้พระธรมปิฎกไม่ปลอดภัย และนายอำนวยได้นำผลสรุปเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายในส่วนของกรรมาธิการศาสนามาถวายด้วย

อย่างไรก็ตาม พระธรรมปิฎกไม่ได้ลงมาพบ โดยพระครูปลัดปิฎกวัฒน์ พระเลขาฯพระธรรมปิฎ ชี้แจงว่าพระธรรมปิฎกมีอาการอ่อนเพลีย ฉันท์อาหารไม่ได้ อันเนื่องมาจากอาการป่วยที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ นายอำนวยและคณะได้เดินสำรวจบริเวณวัดและออกปากว่า เป็นวัดที่ค่อนข้างเปลี่ยวน่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแล ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาประจำ แม้ว่าก่อนหน้านี้พระธรรมปิฎกจะออกมาปฏิเสธ และระบุว่าไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆเพราะทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจที่จะปกป้องพุทธศาสนาก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พระนครศรีอยุธยาว่า ก่อนหน้าที่จะถึงวันมาฆบูชา วันที่ 1 มี.ค. 2542 นี้ ทางวัดพระธรรมกายได้ส่งพระลูกวัดและบรรดาลูกศิษย์ไปตามสถานศึกษาต่างๆหลายแห่ง เช่นที่วิทยาลัยอาชีวะพระนครศรีอยุธยา พระจากวัดพระธรรมกายได้นำพระมหาสิริราชธาตุ มาแจกให้กับผู้ที่จะไปร่วมพิธีในวันมาฆบูชาที่วัดพระธรรมกาย โดยพระมหาสิริราชธาตุนี้ทางวัดเคยประกาศจะแจก
ให้กับผู้ที่ไปร่วมพิธีบวชอุบาสกแก้วเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แต่มีบางคนยังไม่ได้รับแจก และต่อมามีข่าวว่าทางวัดจะแจกให้กับผู้ที่ไปร่วมพิธีวันมาฆบูชาอีก ทำให้มีหลายคนเกิดไม่แน่ใจว่าจะได้รับแจกจริงหรือเปล่า มีการไปทวงถาม จนทำให้ทางวัดต้องส่งพระนำมาแจกให้ก่อนวันพิธี

ทั้งนี้ จากการสุ่มสอบถามนักศึกษาในวิทยาลัยพบว่า หลายคนยังให้ความสนใจและยืนยันว่าจะไปร่วมกิจกรรมที่วัด ซึ่งครั้งนี้ก็มีอาจารย์หญิงคนหนึ่งของวิทยาลัยคอยเป็นผู้ประสานงานให้เช่นเคย โดยทางวัดพระธรรมกายจะจัดรถบัส 80 ที่นั่งมารับผู้ที่จะไปถึงหน้าวิทยาลัย และที่หน้าสำนักงานเทศบาลเหมือนกิจกรรมครั้งที่ผ่านๆมา

ทางด้านโรงเรียนลาดบัวหลวง ไพโรจน์วิทยา อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเคยมีนักเรียนไปร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกายเป็นประจำ นายไพโรจน์ โนพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า พิธีในวันมาฆบูชานี้ทางวัดพระะรรมกายยังไม่ได้ขอความร่วมมือมา แต่หากติดต่อมาก็คงไม่ห้าม เพราะโรงเรียนมีหน้าที่หนึ่งคือสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่ความสมัครใจของนักเรียนด้วย โดยเฉพาะต้องให้ผู้ปกครองตัดสินใจ ทางโรงเรียนจะไม่เป็นผู้เชิญชวนหรือแนะนำว่าควรไปหรือไม่ไป อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนเองก็ต้องทำหน้าที่ หากมีนักเรียนไปมากก็จะต้องจัดครูไปคอยดูแล ซึ่งคงต้องให้ความเป็นธรรมกับวัดพระธรรมกายด้วย ขณะนี้แม้ทางวัดจะตกเป็นผู้ต้องหาของสังคม แต่ก็ยังรอการตรวจสอบและพิพากษา ยังไม่ได้มีการสรุปว่าถูกหรือผิด

"ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าการไปทำบุญนั้น ถ้าจะทำกันจริงๆ จะอยู่ที่ไหนไปทำวัดไหนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้บุญเหมือนกัน และคงไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีด้วย"

นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการที่ยังมีผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกายอยู่อีกมากนั้น เพราะยังมีคนเก่าไปร่วมและออกมาชักชวน อีกทั้งการที่มีข่าวออกมาก็ทำให้คนสนใจ หลายคนอยากไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น อยากไปดูว่าที่วัดเป็นอย่างไร บางคนคิดว่าเป็นการไปเที่ยวเพราะทางวัดจัดรถรับ-ส่งฟรี มีอาหารการกินให้ ซึ่งหากไม่มีบริการจุดนี้คิดว่าคงไม่มีใครไปร่วมแน่

สวนดุสิตโพล สถาบันราชภัฏสวนดุสิต ได้จัดทำ "โพลพุทธศาสนา" ในหัวข้อ "คนไทยกับความห่วงใยพุทธศาสนาวันนี้" โดยสำรวจความคิดเห็นชองประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ ระหว่างวันที่ 1-28 ก.พ. 2542 จำนวน 3,471 คน และพบว่ามีเรื่องของวัดพระธรรมกายเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยในคำถามที่ว่า ข่าวทางพุทธศาสนาข่าวใดที่คาใจคนไทย? ปรากฏว่าข่าวเรื่องวัดพระธรรมกายมาเป็นอันดับ 1 มีผู้ตอบว่าคาใจวัดพระธรรมกายถึง 45.92%

ขณะที่อันดับ 2 คือเรื่องพฤติกรรมชู้สาว ข่มขืนผู้หญิง เด็กของพระภิกษุสงฆ์ 18.24% และอันดับ 3 คือการหลอกลวง
ของวัดหรือสำนักสงฆ์ในทางที่ผิดพระธรรมวินัย การบอกบุญเรี่ยไร อวดอภินิหาร 16.31%
อันดับ 4 ข่าวสมียันตระ 11.37% อันดับ 5 การลงโทษที่ไม่เด็ดขาดต่อพระภิกษุสงฆ์ที่กระทำผิดร้ายแรง 4.51%