กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ.2542

พิษธรรมกายสมภารปากน้ำขับลูกวัด

เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ออกคำสั่ง ให้พระอดิศักดิ์ ออกจากวัดใน 2 วัน หลังออกรายการไอทีวี วิพากษ์วัดพระธรรมกาย ขณะที่กระทรวงศึกษา เรียกประชุมวันนี้ตั้ง 5 ประเด็นซักฟอก หวั่น "ธัมมชโย"หนีไปสหรัฐ

พระอดิศักดิ์ วิริยสักโก อดีตพระผู้บริหารมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ซึ่งออกมาเปิดเผยข้อมูลของวัดพระธรรมกาย ในรายการไอทีวี ทอล์ค ได้รับคำสั่งจากเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ให้ออกจากวัดภายใน 2 วัน

ไอทีวีได้รายงานในข่าวภาคค่ำวานนี้ โดยที่พระอดิศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่อาตมาออกในรายการ (ไอทีวี) ถือเป็นหน้าที่ทางศาสนา และสังคม ไม่ใช่ทำโดยพลการ นอกจากนี้อาตมา ยังให้เคยร่วมมือได้ร่วมมือกับกรรมาธิการศาสนามาตลอดเช่นกัน"

สำหรับพระอดิศักดิ์ เป็นอดีตพระผู้บริหารของมูลนิธิธรรมกาย ได้ออกมาวิจารณ์วัดพระธรรมกายว่า ไม่ใช่วิถีทางศาสนาพุทธ แต่เป็นการระดมทุน ซึ่งจะมีผลกระทบตามมาต่อวงการศาสนา

ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน รมช. ศึกษาธิการ เปิดเผยว่าในเวลา 09.00 น. วันนี้คณะกรรมการศึกษารวบรวมข้อมูลวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีนายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานจะประชุมเพื่อพิจารณาข้อร้องเรียนของวัดพระธรรมกาย ใน 5 ประเด็นคือ

1.คำสอนของวัดพระธรรมกาย 2.อภินิหารที่มีการระบุว่าหากใครได้ศึกษาธรรมะตามแนวทางธรรมกายจะสามารถมองดวงอาทิตย์ได้ด้วยตาเปล่า 3.เรื่องการรับบริจาคจะพิจารณาว่ามูลนิธิหรือวัดเป็นผู้จัดเก็บกันแน่ นอกจากนี้ จะขอให้ รมว. ศึกษาธิการสั่งการไปยังสำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติเพื่อให้ตรวจสอบบัญชีรายรับจ่ายของวัดพระธรรมกายด้วย

4.เรื่องที่ดินที่กรมที่ดินยืนยันว่าการรับบริจาคที่ดินหรือการจัดซื้อที่ดินวัดพระธรรมกายจัดซื้อในนามเจ้าอาวาส ซึ่งหากที่ดินเหล่านี้เป็นของวัดจริงก็ควรโอนให้วัด 5.กรณีที่เจ้าอาวาสได้ลงทุนในต่างประเทศ และถือกรีนการ์ดอเมริกันซึ่งเกรงว่าหากมีเรื่องอื้อฉาวอาจจะหลบหนีไปอเมริกาได้ ดั้งนั้นจึงขอให้ตรวจสอบนำข้อมูลมาเปิดเผยเพื่อให้เรื่องยุติ

นายอาคม กล่าวว่า นอกจากนี้คณะกรรมการจะประสานไปยังพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เพื่อขอทราบว่าพระพรหมโมลีต้องการให้คณะกรรมการช่วยเหลือเรื่องใดบ้างก่อนที่จะนำผลการตรวจสอบเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถระสมาคม

นายสุวัฒน์ เงินฉ่ำ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการฯวันนี้จะมีการรวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการแต่ละคนว่าใครมีข้อมูลในเรื่องใดบ้าง โดยจะนำข้อมูล ผลการวิเคราะห์เอกสารของกรมศาสนามาพิจารณาด้วย เพื่อวางกรอบและแนวทางกันว่าจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปอย่างไร

นอกจากนี้ ยังจะได้มีการประสานไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนาเพื่อสอบถามถึง กรณีที่มีข่าวว่ากรรมาธิการการศาสนาระบุถึง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทกว่า 100 แห่งรวมถึงการได้สัญชาติอเมริกันของ พระธัมมชโย เพื่อให้ได้ ความชัดเจนอีกครั้งก่อนที่จะนำมาเป็นข้อมูลในการพิจารณา

นายสุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมาเขาได้มีโอกาสเข้านมัสการและสนทนากับ พระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งได้รับมอบหมายจากมหาเถรสมาคมให้เป็นประธานการพิจารณาความไม่เหมาะสมของวัดพระธรรมกายเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง โดยได้รับคำยืนยันว่าไม่นิ่งนอนใจต่อเรื่องดังกล่าว ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหาข้อมูลเอง ด้วยเช่นกันแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในขณะนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบซึ่งเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงจะได้ข้อยุติในเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานเดียวกัน นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหว ซึ่งอ้างตัวเป็นแกนนำกลุ่มพุทธศาสนิกชนชาวไทย พร้อมด้วยสมาชิกจำนวน 15 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ ต่อพล.ต.ต.อดิศร นนทรีย์ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ทำการสืบสวนสอบสวน ข้อเท็จจริงเรื่องวัดพระธรรมกาย

พ.ต.อ.วิเชียร สมานพงษ์ รองผบก.ป. ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือและรับเรื่อง แทนพล.ต.ต.อดิศร ที่อยู่ระหว่างการประชุมข้าราชการตำรวจ ระดับรองผบก.ป. และผกก. 1-5

นายวรัญชัย กล่าวว่า เขาและกลุ่มเห็นว่า กองปราบปรามเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน จึงได้เดินทางมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า มีการกระทำการที่ทุจริตผิดกฎหมาย หลอกลวงประชาชนหรือไม่อย่างไร

นายวรัญชัยกล่าวว่า หากการสืบสวนพบว่า เป็นการกระทำความผิด ก็ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำด้วยเจตนาหลอกลวงผู้อื่น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยการหลอกลวงดังว่า ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ผู้นั้นมีความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 พัน หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ผมต้องการให้พนักงานสืบสวนสอบสวน ลงไปทำการสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของเจ้าอาวาส เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เจ้าอาวาสได้รับบริจาคจากประชาชน จำนวนที่ดินในลักษณะต่างๆ ทั้งขนาดและราคาว่า ใครเป็นผู้ครอบครองที่แท้จริง และเข้าไปตรวจสอบการทำธุรกิจหุ้นส่วนกว่า 100 บริษัทของเจ้าอาวาส การลงทุนในประเทศอเมริกา รวมทั้งตรวจสอบสัญชาติอเมริกาของเจ้าอาวาสว่า มีเจตนาแอบแฝงเพื่ออะไร"นายวรัญชัยกล่าว

พ.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องราวร้องทุกข์แล้ว ในฐานะหัวหน้าชุดสอบสวน ก็ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ ลงไปทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว

"ตามคำร้องทุกข์ของผู้กล่าวหาที่ต้องการให้ตรวจสอบ บางข้อก็อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่จะสามารถดำเนินการได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำการสืบสวนตรวจสอบทุกประเด็น หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการทันที ไม่มีการละเว้นทั้งสิ้น"พ.ต.อ.วิเชียรกล่าว