กรุงเทพธุรกิจ 3/5/43
พนักงานสอบสวนเตรียมขอออกหมายจับ 4 ผู้เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกาย และพบข้อมูลที่จะ ดำเนินคดีเพิ่มอีก 1 คน หลังเสนอล่าช้าเพราะต้องผ่านการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาตามลำดับ แต่พบหลักฐานทุจริตเงินอีกกว่า 800 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย นำโดย พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้ในประเด็นการสอบสวนที่ยังเหลืออยู่ โดยเฉพาะในกรณีการยักยอกเงินวัดพระธรรมกายเข้าบัญชีของสีกาใกล้ชิดจำนวนหลายคน จนกระทั่งในที่ประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาพยานหลักฐาน มีความเห็นชอบร่วมกันให้ทำบันทึกความเห็นชอบอนุมัติจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 คน และจะนำสำนวนการสอบสวนไปขออนุมัติหมายจับจากทางกระทรวงมหาดไทย วานนี้ (2 พ.ค.)นั้น แต่ทางพนักงานสอบสวนได้เลื่อนการนำสำนวนไปเสนอกับทางกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากยังต้องเตรียมเอกสาร และเซ็นอนุมัติจากทางผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นก่อน ซึ่งในวันนี้ ( 3 พ.ค.) จะสามารถนำสำนวนไปเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการขออนุมัติจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ จากเดิมมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดอยู่ 3 ราย แต่เมื่อทางพนักงานสอบสวนได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำผิดในกรณีนี้อีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจในการโอนเงินจากทางวัด เพื่อเข้าบัญชีสีกาคนหนึ่ง ดังนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงเห็นควรให้ไปขออนุมัติจับกุมจากทางมหาดไทยเพิ่มอีกคน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการไปขออนุมัติจับกุมจากทางมหาดไทยในครั้งนี้ทางพนักงานสอบสวน มีหลักฐานน่าเชื่อว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้มอบอำนาจในการสั่งจ่ายเช็ค เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีของสีกาคนหนึ่ง เป็นจำนวนเงินถึง 137 ล้านบาท โดยพยานหลักฐานที่รวบรวมได้เป็นเอกสารถึง 168 แผ่น
อย่างไรก็ตาม ยังมีเม็ดเงินในส่วนอื่นๆ อีกที่ตรวจสอบพบมีเพิ่มขึ้นจาก 700 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท แล้ว ซึ่งจะรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ไปขออนุมัติหมายจับแล้ว โดยทางพนักงานสอบสวนส่วนหนึ่งจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบสวนในเรื่องนี้ และจะพิจารณาขออนุมัติจับกุมกรณีอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนมีหลักฐานการโอนเงินจากวัดพระธรรมกาย เข้าบัญชี นางสงบ จำนวนกว่า 700 ล้านบาท และยังพบหลักฐานว่า นางสงบ ไม่ได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในกิจการของวัด แต่กลับไปใช้ในเรื่องส่วนตัว สำหรับผู้ต้องหาคนอื่น ที่คาดว่าจะถูกออกหมายจับในคราวเดียวกันด้วยนั้น ได้แก่ พระธัมมชโย ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการโอนเงินของวัดแต่เพียงผู้เดียว และนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ศิษย์เอกอีกคนหนึ่ง ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำความผิด
การเมืองเรื่องส่วนรวม คิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ช่วยกันแสดงความเห็น
สร้างสรรค์ ระบอบประชาธิปไตย
Home
I The Nation
I EntNet I เนชั่นสุดสัปดาห์
I วิทยุเนชั่น
About Us I FAQ I Site Map I Contact
Us I Policy