กรุงเทพธุรกิจ 27/4/43

นายแบงก์มัด ธัมมชโยคาศาล 10 ล้าน ให้ถาวร

ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขาธรรมศาสตร์รังสิต เบิกความยัน "ธัมมชโย" โอนเงินนับสิบล้านบาท ให้คนสนิทที่ จ.พิจิตร ด้าน กมธ.ศาสนา ยุติสอบข้อเท็จจริงวัดพระธรรมกาย ส่วนการประชุมคณะทำงานคดีวัดพระธรรมกาย วันนี้ลุ้นออกหมายจับสีกาสงบ หลังพบได้รับโอนเงินจากวัดพระธรรมกาย กว่า 700 ล้านบาท

ศาลอาญา นัดสืบพยานโจทก์ คดียักยอกทรัพย์ที่พนักงานอัยการ กองคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และนายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์คนสนิท เป็นจำเลยที่1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์เงินของวัดจำนวน 45 ล้านบาท ไปกว้านซื้อที่ดินหลายจังหวัดแล้วใส่ชื่อธัมมชโย เป็นเจ้าของ

พนักงานอัยการโจทก์ ได้นำ นายณัฐวุฒิ ถนอมพันธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)สาขาธรรมศาสตร์-รังสิต เข้าเบิกความตอบคำถามของนายชุติชัย สาขากร อัยการโจทก์ และตอบการซักค้านของนายสนธยา โพธิแดง ทนายจำเลย สรุปว่า เมื่อราวปี 2530 วัดพระธรรมกาย ได้มาเปิดบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ รวม 5 บัญชี ซึ่งจำเลยที่1 มีอำนาจถอนเงินฝากแต่เพียงผู้เดียว และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เคยมาสอบถามและนำเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการเบิกถอน และการโอนเงินของวัด มาสอบถามพยาน ซึ่งปรากฏว่า

เมื่อระหว่างปี 2535-2536 จำเลยที่1 เคยสั่งจ่ายเงินสด และโอนเงินจำนวนนับสิบล้านบาทเข้าบัญชีนายถาวร จำเลยที่ 2 ที่ธนาคารทหารไทย สาขาเขาทราย จ.พิจิตร ส่วนนายถาวร จะนำเงินไปใช้สอยอะไรนั้น พยานไม่ทราบ

กระทั่งในปี 2542 วัดพระธรรมกาย ได้ปิดบัญชีต่างๆ เหลือเพียงบัญชีเดียวเท่านั้น และมีเงินในบัญชีเล็กน้อย สำหรับนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิต ลูกศิษย์คนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเคยมาติดต่อที่ธนาคารฯ นั้น จะมาถอนเงินหรือฝากเงินของวัดพระธรรมกายหรือไม่ พยานไม่ทราบ

ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไป ในวันที่ 3 พ.ค.2543 เวลา 09.00 น.

ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม แถลงว่า กรรมาธิการฯ มีมติให้ยุติเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีวัดพระธรรมกาย ออกไปก่อน เพื่อไม่ให้วัดใช้เป็นข้ออ้างต่อศาลขอเลื่อนการพิจารณาคดี แต่คณะกรรมาธิการจะได้ติดตามในเรื่องนี้ต่อไป

วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีทุจริตของธัมมชโย ว่า วันนี้ (27) พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน จะเรียกประชุมทีมงานในเวลา 14.00 น. ที่กองปราบปราม

ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีการหยิบยกประเด็นการสอบสวนทั้งหมด 8 ประเด็นที่ยังค้างอยู่ มาปรึกษาหารือกัน โดยเฉพาะในกรณีของ นางสงบ ปัญญาตรง สีกาคนสนิทธัมมชโย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินจากวัดพระธรรมกาย เข้าบัญชีสีการายนี้มากกว่า 700 ล้านบาท และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ อาจจะถึง 1 พันล้านบาท เพราะเท่าที่ตรวจสอบไปเป็นการตรวจสอบบัญชีเพียง 50% และเป็นการตรวจสอบเฉพาะการนำเงินเข้าจากเช็คสั่งจ่าย ยังไม่รวมเงินสดที่โอนเข้ามาโดยตรง

"ยอดเงินดังกล่าว ไม่มีหลักฐานว่าถูกนำไปใช้ในกิจการที่เกี่ยวกับทางวัด แต่เป็นการใช้ในเรื่องส่วนตัวของ นางสงบ เองทั้งสิ้น ทั้งการซื้อที่ดิน เล่นหุ้น และการใช้หนี้ส่วนตัว ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เตรียมเอกสาร และทำบันทึกการจับกุมสีการายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเสนอต่อที่ประชุมชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนในวันนี้"

รายงานข่าวจากกองปราบปราม เผยว่า จากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ทางพนักงานสอบสวนยังสามารถพิจารณาออกหมายจับสีกาคนสนิทของธัมมชโย อีก 1 คน ส่วน น.ส.วิชญา ไตรวิเชียร หรือสีกานัท นั้น พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบบัญชีไปแล้ว รวมทั้งมีการออกหมายเรียกเจ้าของที่ดินที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งอ้างว่าต้องการบริจาคที่ดินให้กับวัดพระธรรมกาย แต่ภายหลังกลับกลายมาเป็นชื่อของ น.ส.วิชญา แต่เจ้าของที่ดินยังไม่ได้เข้าให้ปากคำแต่อย่างใด