ธรรมกายซบพระผู้ใหญ่ สางพระบัญชาสังฆราช

รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย วิ่งเข้าพบเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะหนตะวันออก และพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เพื่อถามถึงแนวทางการดำเนินงานตามพระอักษร สมเด็จพระสังฆราช ขณะที่ศิษย์ห้องกระจกยันพระอักษรของจริง-อัด "อาคม" ไร้มารยาท

ภายหลังจากที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระอักษรเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย พระภาวนาวิริยะคุณ รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ได้เดินทางเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะหนตะวันออก และพระธรรมกิตติวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินการของมหาเถรสมาคม (มส.) ในเรื่องพระอักษร

กรรมการมส. ฝ่ายมหานิกายรูปหนึ่ง กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะบรรดาญาติโยมที่ศรัทธาในแนวทางของวัดพระธรรมกาย ต่างโทรศัพท์ไปสอบถามที่วัดพระธรรมกายตลอดเวลา และเป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าพบพระเถระผู้ใหญ่ทั้ง 2 รูปแล้ววัดพระธรรมกายก็ได้เผยแพร่กระจายข่าวเรื่องพระอักษรว่า ไม่มีผลบังคับในทางกฎหมาย โดยได้ส่งข้อความเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนด้วย

กรรมการ มส. กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการ มส. ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ว่า แม้จะมีข่าวว่ากรรมการมส. บางรูปเดินทางไปต่างประเทศไม่สามารถร่วมประชุมได้ แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตามกฎหมายแล้วคณะกรรมการ มส. สามารถประชุมได้แม้องค์ประชุมมีเพียงครึ่งหนึ่งก็ตาม ที่สำคัญกรรมการ มส. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เจ้าคณะภาค 1 จะเข้าประชุมอย่างแน่นอน

กรรมการมส.รูปนี้กล่าวอีกว่า เชื่อว่าหลังพิจารณาพระอักษรแล้ว มส.จะมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งหากทำได้ก็คงเป็นการออกมติที่เฉพาะเจาะจงเรื่องวัดพระธรรมกายโดยตรง ซึ่งจะเน้นหนักในเรื่องที่ดินที่ถูกระบุในพระอักษร แต่การสึกเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายคงเป็นไปไม่ได้

"แนวทางที่ออกมาคงคล้ายกับมติเรื่องคำแนะนำวัดและพระในการถือครองที่ดิน คือให้วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะเจ้าอาวาสพิจารณาว่าที่ดินแปลงใดที่ประชาชนมอบให้วัด แต่เป็นชื่อเจ้าอาวาสก็ให้โอนคืนให้วัด รวมทั้งที่ดินแปลงใดที่มีผู้บริจาคให้ในนามมูลนิธิพระธรรมกายก็ให้ดำเนินการลักษณะเดียวกัน"

ส่วนที่วัดบวรนิเวศวิหาร วานนี้ (5) ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ชนะสงคราม ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) หน่วยปราบจลาจล และเจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 ทำหน้าที่อารักขาสมเด็จพระสังฆราชที่คณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร โดยการอารักขาสมเด็จพระสังฆราชเข้มงวดกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับคำสั่งพิเศษหลังคณะรัฐมนตรีสั่งการเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้มาขอเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชหลายคน แต่ทางสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแจ้งว่า ทรงมีบัญชาให้งดการเข้าเฝ้า และเมื่อเวลา 10.00 น. สมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จลงมาเสวยภัตตาหารที่ห้องกระจก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสด็จกลับขึ้นพระตำหนัก ก่อนที่จะเสด็จมาที่ห้องกระจกอีกครั้งเพื่อสรงน้ำ จากนั้นได้ทรงพักผ่อน

ด้านม.ล.จิตติ นพวงศ์ ศิษย์วัดบวรฯ กล่าวถึงกรณีผู้อ้างเป็นฝ่ายกฎหมายวัดพระธรรมกายทำหนังสือถึง มส. ระบุว่า พระอักษรของสมเด็จพระสังฆราชเรื่องการถือครองที่ดินของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถือเป็นการกรรโชกทรัพย์มีความผิดต้องอาบัติขั้นสังฆาธิการ ว่า เรื่องนี้ต้องถือว่าวัดพระธรรมกายยอมรับแต่แรกแล้วในเรื่องที่ดิน เพราะไม่ได้ออกมาปฏิเสธเพียงแต่อ้างว่าไม่มีเงินโอน ทั้งที่ต้องเสียค่าโอนเพียงแค่แปลงละ 75 บาทเท่านั้น

ส่วนข้อกล่าวหาว่าพระอักษรเป็นของปลอมที่ผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระสังฆราชทำขึ้นนั้น ม.ล.จิตติ กล่าวว่า ความจริงพระผู้ใหญ่จะไม่ทรงงานเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะสมเด็จพระสังฆราชจะทรงมอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญแต่ละเรื่องไปดำเนินการ แต่พระองค์ก็จะทรงตรวจทานทุกครั้ง หากเป็นพระอักษรปลอมก็ต้องทรงท้วงแล้ว ไม่เหมือนรัฐมนตรีในกระทรวงศึกษาธิการที่ทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง

ม.ล.จิตติ ยังได้ตอบโต้นายอาคม เอ่งฉ้วน รมช.ศึกษาธิการ ว่า การที่นายอาคม กล่าวถึงสมเด็จพระสังฆราชว่าไม่ควรลงมาเล่นเองทุกเรื่องนั้น ถือเป็นการพูดล่วงเกินสมเด็จพระสังฆราช และเป็นการผิดมารยาทที่สุดในโลก

"หากเป็นคนดีจริงก็ไม่ควรพูด ปราชญ์บอกว่าคนจะโง่หรือฉลาดให้ดูจากที่เขาออกมาจึงจะรู้"

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระอักษรเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย ถือว่าเป็นสิ่งสูงสุด

ส่วนกรณีพระพิศาลธรรมวาที หรือพระพยอม กัลยาโณ เรียกร้องให้รมว.มหาดไทย ออกมาจัดการ

กับเรื่องนี้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีคนแจ้งความมา ถ้ามีการแจ้งความร้องทุกข์ว่ากระทำผิดเรื่องอะไร ก็จะดำเนินการให้

"ผมพร้อมที่จะดำเนินการทันที ถ้าเข้าข่ายทางกฎหมาย แต่ต้องว่ากันตามกฎหมายที่กล่าวว่าปาราชิกนั้น ต้องแจ้งว่าปาราชิกอะไร หรือกรณีที่ไม่ยอมโอนที่ดินให้กับวัดนั้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็เข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ดังนั้น ต้องมีผู้แจ้งความมาถึงจะดำเนินคดีได้ เหมือนกับกรณีสันติอโศกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจึงเข้าไปดำเนินการได้"

พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงการถวายการอารักขาดูแลความปลอดภัยสมเด็จพระสังฆราช ว่า เป็นผู้สั่งการให้ถวายการดูแลตั้งแต่ยังไม่มีเรื่อง แต่ไม่อยากเปิดเผย ซึ่งตำรวจได้ปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบดำเนินการ เพราะเกรงว่าสมเด็จพระสังฆราชจะหวาดกลัว

กรุงเทพธุรกิจฉบับ วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2542